ดวงใจเทวพรหม ลออจันทร์

เรื่องย่อ : ดวงใจเทวพรหม ลออจันทร์ (2567/2024) ลออจันทร์ ลูกสาวคนเดียวของ วีระวงศ์ เรียนจบด้านอักษรศาสตร์จากประเทศฝรั่งเศส เดินทางกลับมากรุงเทพฯ หลังจากรู้ข่าวว่า เจ้าชายศตรัศมี แห่งเวียงพูคำ จะนำสมบัติล้ำค่าคือ สร้อยอัจนาจักระ หรือ The Third Eye Sapphire มาจัดแสดงที่ห้างสรรพสินค้าเจทีเซ็นเตอร์ ลออจันทร์แฝงตัวมาสมัครงานเป็นเลขานุการของ หม่อมหลวงภูธเนศ จุฑาเทพ บุตรชายของ หม่อมราชวงศ์รัชชานนท์และสร้อยฟ้า ซึ่งมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของห้างสรรพสินค้าเจทีเซ็นเตอร์ เพื่อหาทางใกล้ชิดกับภูธเนศ โดยหวังจะชิงสร้อยเส้นนั้น โดยมี ซัน เพื่อนสนิทในวัยเด็ก คอยช่วยเหลือ ซึ่งก็ได้ผล ภูธเนศหลงรักและไว้ใจเธอ ก่อนจะจับได้ภายหลังว่าเธอหลอกลวงเขา ลออจันทร์ยอมรับว่าเธอต้องการไพลินที่ประดับบนสร้อยอัจนาจักระ เพื่อนำกลับไปถวายคืนแด่องค์ตรีเนตร พญานาคราชปูนปั้นซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ ที่อันเร้นลับ เธอต้องการพิสูจน์ว่าต้นตระกูลของเธอไม่ได้ต้องการครอบครองไพลิน และไม่ใช่กลุ่มกบฏที่ต้องการล้มล้างราชวงศ์เวียงพูคำ การเดินทางตามหาองค์พญาตรีเนตรไม่ใช่แค่การพิสูจน์ความจงรักภักดีของบรรพบุรุษของเธอเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้เธอค้นพบความจริงบางอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน..ความจริงที่ว่า..เธอ เป็นส่วนหนึ่งของ เทวพรหม เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมกันต่อได้ในละครชุด ดวงใจเทวพรหม เรื่อง ลออจันทร์ ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20 น. ช่อง 3 กด 33 ละครชุด ดวงใจเทวพรหม เรื่อง ลออจันทร์ เริ่มตอนแรกวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2567 (ที่มา: ช่อง 3)

เปลือกรักปมลวง Hangout 2566

เรื่องย่อ : เปลือกรักปมลวง Hangout (2566/2023) เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่มีโอกาสได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง และได้มาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ประกอบได้ด้วย “ธาริณี” (อุษามณี ไวทยานนท์) ศัลยแพทย์ฝีมือดีที่ภายนอกดูเหมือนชีวิตคู่จะเพอร์เฟกต์แต่เธอกลับต้องมาเป็นส่วนเกินในชีวิตคู่ของตัวเอง “กันตา” (มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล) หญิงสาวที่ทำทุกอย่างเพื่อรักษาคำว่าครอบครัว แม้จะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดก็ตาม “โสมสุดา” (เขมนิจ จามิกรณ์) หญิงสาวที่เกิดมาพร้อมความสูงส่ง แต่ความสูงส่งนั้นกับทำให้ชีวิตรักของเธอต้องทนอยู่อย่างหน้าชื่นอกตรม และรุ่นน้องคนเดียวในกลุ่ม “นภา” (ศิรินทร์ ปรีดียานนท์) หญิงสาวธรรมดาที่อยากมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แต่ใครจะไปรู้ว่าเส้นทางนี้ของเธอมันไม่ได้ง่ายเลยแม้แต่นิดเดียว และคนสุดท้าย “ดุจดาว” (ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์) สาวโสดประจำกลุ่ม เจ้าของหมู่บ้าน ผู้ซึ่งเปิดประตูต้อนรับกลุ่มเพื่อนสาว ให้เข้ามาแชร์เรื่องราวผ่านคืน HANGOUT ของพวกเธอ.... บางทีเรื่องราวของพวกเธออาจจะทำให้มุมมองความรักของพวกคุณเปลี่ยนไปตลอดกาล (ที่มา : monomax.me)

ลายกินรี 2565

ลายกินรี (2565/2022) เรื่องราวของออกหลวงอินทราชภักดี (ณเดชน์ คูกิมิยะ) ขุนนางหนุ่มแห่งกรมพระตำรวจที่ต้องร่วมมือกับหมอพุดซ้อน (อุรัสยา เสปอร์บันด์) ในการสืบหาฆาตกรตัวจริงในคดีฆาตกรรมกัปตันฌอง (เดวิด อัศวนนท์) กัปตันเดินเรือชาวฝรั่งเศสที่มีผ้าลายกินรีซึ่งมีเฉพาะในราชสำนักเข้ามาเกี่ยวข้องอันจะส่งผลต่อความอยู่รอดของ อาณาจักรอยุธยา โดยมีมองสิเออร์โรแบร์ (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) เลขานุการของนายพลฟอบัง เข้ามาร่วมสืบคดีจนเกิดเป็นรักสามเส้า

กรงกรรม (2562/2019) ปีพ.ศ. 2510 ณ ตลาดอำเภอชุมแสง ในจังหวัดนครสรรค์

ย้อย เถ้าแก่เนี้ยเจ้าของกิจการร้านค้าและโรงสีผู้เจ้ากี้เจ้าการกับทุกเรื่องของทุกคนในครอบครัว ย้อยแต่งงานกับเจ๊กเซ้งและมีลูกชายด้วยกันทั้งหมด 4 คนคือ ปฐม ประสงค์ กมล และมงคลปฐม ลูกชายคนโตกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากไปเป็นทหารที่ตาคลี เขากลับมาพร้อมกับเรณู หญิงสาวที่ทำอาชีพขายบริการในบาร์ที่ตาคลี ปฐมต้องพาเรณูกลับมาด้วยเพราะเรณูบอกว่าท้องกับเขา ย้อยเห็นลูกชายพาผู้หญิงขายบริการเข้าบ้านก็ไม่พอใจอย่างมากเพราะปฐมมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ซึ่งก็คือพิไล ลูกสาวเถ้าแก่โรงสีที่ตลาดทับกฤชซึ่งเพียบพร้อมด้วยหน้าตา ฐานะ และการศึกษา ย้อยไม่อยากให้เรณูอยู่บ้านเดียวกับเธอ จึงให้ไปอยู่ที่บ้านในตรอกซึ่งตนได้จากการรับจำนองมาย้อยไม่อยากมีปัญหากับครอบครัวของพิไล จึงไปหาประสงค์ซึ่งบวชอยู่ที่วัดและขอให้เขาสึกออกมาแต่งงานกับพิไลแทนปฐม แม้ว่าประสงค์จะไม่อยากแต่งงานเพราะเขาแอบชอบจันตาซึ่งเป็นลูกจ้างร้านสังฆภัณฑ์ของนางป๋วยฮวยแต่เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถขัดใจแม่ได้จึงตอบตกลง ย้อยจึงไปบอกข่าวกับพิไลแต่พิไลยื่นข้อเสนอว่าขอสินสอดทองหมั้นใหม่ทั้งหมดและให้นางย้อยเป็นคนรับผิดชอบค่าจัดงานด้วย แม้ย้อยจะไม่พอใจแต่ก็ตอบตกลงเพราะไม่อยากเสียหน้า และอยากให้เรณูถูกเปรียบเทียบและกดดันโดยลูกสะใภ้ด้วยกัน เมื่อได้ฤกษ์แต่งงาน ย้อยก็ไล่เรณูไปอยู่ที่บ้านหลังโรงสี และเอาบ้านในตรอกป็นเรือนหอของประสงค์และพิไล ด้านเรณู หลังจากเรณูย้ายไปอยู่ที่หลังโรงสี ก็สร้างกระท่อมใหม่ขึ้นมาอีกหลังหนึ่งเพื่อไว้ใช้ทำขนมขาย โดยได้ความช่วยเหลือจากเจ๊กเซ้งและกมลมงคลไปเรียนช่างที่ปากน้ำโพนั่งรถไฟกลับมาเยี่ยมบ้านที่ชุมแสง บังเอิญเจอวรรณาน้องสาวของเรณูที่เรียนตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่ที่ปากน้ำโพเหมือนกัน มงคลจีบวรรณตามประสาคนเจ้าชู้ แต่วรรณาไม่สนใจ วรรณามาตามเรณูกลับบ้านซึ่งอยู่ที่ปากน้ำโพโดยด่วนเพราะแม่ของเธอป่วยหนัก เรณูจึงรีบไปเยี่ยมแม่ทันที หลังจากสั่งเสียกันเสร็จ แม่ของเรณูก็สิ้นลม เรณูจึงต้องอยู่ช่วยจัดงานศพที่บ้าน 3 วัน โดยงานศพถูกจัดขึ้นที่ปากน้ำโพ หลังจากแม่ตาย เรณูก็ตั้งใจว่าเอาป๊อก ลูกของเธอซึ่งเกิดจากการถูกพี่เขยข่มขืนไปอยู่ด้วยกันที่ชุมแสง แต่วรรณาขอให้ป๊อกเรียนให้จบชั้นป.1ก่อนแล้วค่อยทำเรื่องย้ายไปอยู่ด้วยกันย้อยแวะไปเยี่ยมพี่สะใภ้ของสามีที่ทับกฤชและแวะพักที่ปากน้ำโพหนึ่งคืน บังเอิญได้ยินคนในตลาดคุยกันว่าเรณูมีลูกมาก่อนแล้ว ย้อยแค้นใจที่เรณูหลอกลูกชายตน เมื่อกลับไปถึงชุมแสงก็เอากุญแจไปล็อกบ้านหลังโรงสีของเรณู เมื่อเรณูกลับมาจึงเข้าบ้านไม่ได้ เรณูจึงไปขอกุญแจที่ร้านของย้อยแต่ย้อยก็บอกให้รอวันรุ่งขึ้นจึงจะให้ เรณูจึงขอไปนอนที่บ้านของจันตาหนึ่งคืน แล้วรีบออกมาที่หน้าร้านของย้อยแต่เช้า ทำเหมือนว่าตนนั้นนอนหน้าบ้านมาทั้งคืนให้ชาวบ้านเห็นใจและไปต่อว่าย้อยว่าใจดำกับคนท้อง หลังจากนั้นไม่นาน เรณูก็ปล่อยข่าวว่าตนแท้งจากการลื่นล้มเพราะทำงานหนักเกินไป ย้อยได้ยินก็ไม่เชื่อและพยายามคิดหาทางกำจัดเรณูให้เร็วที่สุดหลังงานแต่งงานของประสงค์และพิไลผ่านพ้นไป ทั้งสองคนก็ไปอยู่ที่บ้านในตรอกของนางย้อย แต่พิไลทำงานบ้านไม่เป็นสักอย่างเพราะปกตินางพิกุลผู้เป็นแม่ทำให้อยู่เสมอ พิไลจึงขอจ้างคนอื่นมาทำงานบ้านแทนทุกอย่าง แม้ประสงค์และนางย้อยจะไม่พอใจ แต่เมื่อแต่งเข้ามาแล้วก็จำใจต้องหาทางอยู่ด้วยกันให้ได้ประนอมกับติ๋ม เพื่อนที่เคยทำงานในบาร์กับเรณูมาธุระที่ชุมแสง เรณูเล่าชีวิตของเธอให้ฟัง ติ๋มฟังเรื่องที่นางย้อยรังแกเรณูอย่างไรบ้างก็แนะนำให้เรณูไปทำเสน่ห์ใส่นางย้อยเหมือนที่เคยทำใส่ปฐม ย้อยรู้ว่าเรณูพาเพื่อนขายบริการมาที่บ้านก็ตามไปด่าทอถึงบ้าน เรณูหลุดปากพูดเรื่องที่ปฐมหลงตนหัวปักหัวปำ ย้อยจึงคิดขึ้นมาได้ว่าเรณูอาจจะทำเสน่ห์ใส่ปฐม ย้อยจึงหานั่งเรือไปหาหมอมีที่เกยไชย หมอมีตรวจดูแล้วพบว่าปฐมถูกเสน่ห์จริง แต่ถ้าอยากถอนเสน่ห์จะต้องพาปฐมมาด้วยเท่านั้น เรณูรู้ข่าวว่าย้อยไปหาหมอมีก็กลัวปฐมถูกถอนเสน่ห์จึงรีบไปหาหมอก้อนผู้ทำเสน่ห์ให้ ติ๋มจึงแนะนำให้เรณูทำของใส่ย้อยด้วยโดยติ๋มป็นคนออกเงินให้ เพราะติ๋มเองก็มีความแค้นกับย้อยที่ยึดบ้านของเธอไปทำให้เธอต้องไปขายบริการที่ตาคลี และอยากให้เรณูแก้แค้นแทนเธอนางศรี ลูกค้าประจำของที่ร้านถูกใจนิสัยของกมลจึงอยากได้ไปเป็นหลานเขยของตน ย้อยกลัวว่ากมลจะไปหาลูกสะใภ้ไม่ดีให้ตนอีก จึงพยายามจับคู่กมลกับเพียงเพ็ญ หลานของนางศรี ลูกสาวคนเล็กของกำนันศรที่ตำบลฆะมัง แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อแต่งงานแล้วต้องให้กมลไปอยู่ที่ฆะมังด้วย แต่ความจริงแล้วเพียงเพ็ญนั้นรักชอบอยู่กับก้านและได้เสียกันไปแล้ว นางศรีและกำนันศรเพียงต้องการรีบหาทางแยกสองคนนั้นออกจากกัน ด้านกมลนั้นแอบชอบอยู่กับจันตา ย้อยรู้ข่าวจากคนในตลาดว่ากมลอาจจะมีใจให้กับจันตา ก็บังคับให้กมลรีบแต่งงานทันที แม้กมลไม่อยากแต่งงานก็ขัดใจย้อยไม่ได้ก้านมาซื้อยาให้นางกุ่นผู้เป็นแม่ที่ชุมแสง แต่มีเงินไม่พอ บังเอิญกมลมาซื้อยาให้เจ๊งเซ้งพอดี เมื่อเห็นว่าก้านเงินไม่พอค่ายาก็ช่วยออกเงินให้ ทำให้ก้านซาบซึ้งใจ โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้ทราบชื่อกันแล้วแยกย้ายไป ต่อมาก้านแอบไปหาเพียงเพ็ญและรู้ข่าวว่ากำนันศรจะบังคับให้เพียงเพ็ญแต่งงานกับกมล อีกทั้งเพียงเพ็ญยังตั้งท้องลูกของเขาอยู่ด้วย เขาตั้งใจจะฆ่ากมลทิ้งแต่เมื่อไปถึงชุมแสงและทราบว่ากมลคือคนที่เคยออกเงินให้ค่ายาให้แม่ของเขา เขาจึงตัดสินใจไม่ฆ่ากมล แล้วก้านก็ย้ายไปอยู่กับวงดนตรีที่กรุงเทพเพราะก้านมีพรสวรรค์ทางด้านการร้องเพลง ปล่อยให้เพียงเพ็ญแต่งงานกับกมลตามความต้องการของผู้ใหญ่เมื่อย้อยโดนเรณูทำเสน่ห์ ย้อยก็เอ็นดูเรณูมาก สั่งให้คนไปซื้อขนมของเรณูมากินทุกวัน และยังจ้างเรณูทำขนมมงคลในงานแต่งงานของกมลด้วย ฝ่ายพิไลเมื่อเห็นย้อยเอ็นดูเรณูก็อิจฉา ยิ่งพิไลพยายามยุให้ย้อยเกลียดเรณู ย้อยกลับรักเรณูมากขึ้นไปอีก จนถึงวันงานแต่งงานของกมล ย้อยก็ให้สร้อยทองกับเรณูเพื่อใส่ไปงาน แม้ว่าเรณูบอกว่าจะคืนหลังจบงาน แต่นางย้อยก็บอกว่าให้แล้วให้เลยไม่รับคืน พิไลเห็นว่าผิดปกติอย่างมากและสงสัยว่าย้อยอาจจะถูกเรณูทำเสน่ห์ใส่ จึงคิดจะไปหาหมอมีเพื่อหาทางแก้คุณไสย บังเอิญเจอเชิดซึ่งเป็นลูกน้องเก่าของพ่อที่ทำอาชีพรับจ้างขับเรือ พิไลจึงจ้างเชิดขับเรือไปหาหมอมี แต่หมอมีดันป่วยตายกะทันหัน พิไลจึงต้องกลับบ้านมือเปล่า แต่ฝากเชิดหาข่าวเกี่ยวกับหมอคุณไสยเก่ง ๆ มาให้ เชิดไปที่ตาคลีเพื่อสืบข่าว บังเอิญได้เจอกับติ๋มและเล่าเรื่องพิไลกับเรณูให้ฟัง ติ๋มจึงแนะนำหมอบางที่อยู่ท่าน้ำอ้อยซึ่งเป็นเจ้าแม่ร่างทรงชอบหลอกเก็บเงินแพง ๆ เพื่อเลี่ยงให้เชิดไม่เจอกับหมอก้อนผู้ทำเสน่ให้เรณู เชิดไปหาหมอบางและได้ความว่าต้องเอาคนถูกคุณไสยมา พิไลยังคิดหาทางพาย้อยไปไม่ได้จึงหาทางแก้แค้นเรณูโดยให้เชิดไปขโมยสร้อยทองที่ย้อยให้เรณู แต่ย้อยกลับให้สร้อยทองใหม่กับเรณูอีก อีกทั้งยังบอกว่าจะเปิดร้านตัดเสื้อผ้าให้วรรณาเมื่อเรียนจบด้วย พิไลยิ่งอิจฉาและตั้งใจปล่อยข่าวเรื่องที่เรณูทำคุณไสยใส่ย้อยกระจายไปทั่วตลาดชุมแสง แต่เรณูก็พยายามทำตัวปกติเพื่อลบล้างข่าวที่เกิดขึ้นฝ่ายเพียงเพ็ญ หลังจากแต่งงานกับกมลก็แพ้ท้องอย่างหนัก เพียงเพ็ญตั้งใจกับตนเองว่าจะไม่เป็นผู้หญิงหลายใจอย่างเด็ดขาด จึงอ้างว่าตนไม่สบายกลัวกมลติดไข้จึงขอแยกเตียงนอนกับกมล ซึ่งกมลก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ฝ่ายก้านหลังจากไปกรุงเทพไม่นานก็ต้องกลับมาเพราะบังอรส่งข่าวไปว่านางกุ่นป่วยหนัก บังอรเป็นลูกของเจ้าของที่นาในฆะมังที่ก้านและกุ่นไปรับจ้างทำนาให้ บังอรแอบชอบก้านและหวังจะแต่งงานด้วยจึงมาคอยดูแลนางกุ่น นางกุ่นขอให้ก้านตัดใจจากเพียงเพ็ญและแต่งงานกับบังอร กำนันศรต้องการตัดขาดก้านกับเพียงเพ็ญจึงเสนอเงินส่วนหนึ่งให้บังอรรีบจัดงานแต่งงานกับก้านให้เร็วที่สุด แต่ก่อนงานแต่งงานหนึ่งวันนางกุ่นก็สิ้นลม ทำให้งานแต่งงานถูกยกเลิกไปฝ่ายเพียงเพ็ญตัดสินใจบอกกมลเรื่องที่ตนท้องมาก่อนแต่งงานและให้กมลตัดสินใจทำตามใจตนเองว่าจะเอาอย่างไรต่อไป พอดีกับที่เจ๊กเซ้งป่วยเป็นมะเร็งปอดต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลปากน้ำโพ กมลจึงต้องกลับมาเยี่ยมโดยตั้งใจจะไม่กลับไปที่ฆะมังอีก กำนันศรเห็นว่ากมลอาจจะไม่กลับมาจึงส่งเพียงเพ็ญไปอยู่ที่โกรกพระกับสายพิณ พี่สาวคนโตของเพียงเพ็ญ ก้านรู้ก็รีบตามไปที่โกรกพระเพื่อหาทางไปอยู่ด้วยกันหลังจากเจ๊กเซ้งป่วยมะเร็งปอดไม่นานก็เสียชีวิต งานศพถูกจัดขึ้นที่ปากน้ำโพ ทั้งเรณูและพิไลต่างก็มาช่วยงาน พิไลคิดแค้นเรณูจึงป่าวประกาศให้ทุกคนในงานศพรู้ว่าเรณูทำคุณไสยใส่ย้อย ญาติ ๆ ในงานก็มองเรณูด้วยความรังเกียจ แม้ว่าเรณูจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ในใจเธอนั้นรู้สึกเสียใจและละอายใจที่ตนทำคุณไสยใส่ทั้งปฐมและย้อยไปก้านเดินทางไปที่โกรกพระ แต่สายพิณกีดกันไม่ให้เจอกันโดยอ้างว่าเพียงเพ็ญกลับฆะมังไปแล้ว แม้ว่าก้านจะไม่เชื่อแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ บังเอิญคืนนั้นมีงานประกวดร้องเพลง ก้านจึงตัดสินใจประกวด เขาได้ประกาศตามหาเพียงเพ็ญและบอกรักบนเวที เพียงเพ็ญได้ยินจึงแอบพี่สาวมาพบกับก้านที่หลังเวที ทั้งคู่ตกลงว่าจะอยู่ด้วยกัน ก้านสัญญาว่าจะทำงานและเลี้ยงดูเพียงเพ็ญกับลูกอย่างดี บังอรที่ได้ยินข่าวว่าก้านมาตามเพียงเพ็ญก็รีบตามมา อ้างว่าตนท้องกับก้านเหมือนกัน แต่ความแตกเพราะบังอรมีประจำเดือนกะทันหันแล้วต้องไปซื้อผ้าอนามัยที่ร้านของสายพิณซึ่งมีอยู่ร้านเดียวในละแวกนั้น เมื่อก้านรู้ว่าบังอรไม่ได้ท้องก็ไม่ยอมกลับ บังอรจึงตั้งใจกระโดดน้ำฆ่าตัวตายเพื่อประชดก้าน แต่ก้านก็ไม่สนใจ บังอรจึงทำใจและกลับฆะมัง แต่ระหว่างทางได้พักค้างคืนที่โรงแรมในปากน้ำโพ บังเอิญพบกับกมล จึงเล่าให้ฟังว่าตนไปตามก้าน ซึ่งก้านกำลังไปตามเมียของเขาอยู่ที่โกรกพระ คนในตลาดได้ยินก็เอาไปพูดกันจนเข้าหูย้อยว่ากำนันศรหลอกให้กมลแต่งงานแน่ พิไลจึงรีบยุให้ย้อยไปเอาเงินคืนจากกำนันศรที่หลอกให้กมลแต่งงานเพราะเสียดายเงินค่าสินสอดที่เสียไป ซึ่งกำนันศรก็ยอมแต่โดยดีมงคลคบกับมาลาไม่นานมาลาก็ท้อง มงคลไม่อยากรับผิดชอบและขอให้มาลาไปทำแท้ง แต่มาลาไม่กล้าทำและไม่กล้าบอกพ่อแม่จึงมาหาย้อยเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยขอให้วรรณาไปเป็นเพื่อนและเป็นพยานว่าเธอคบกับมงคลจริง เพราะทั้งคู่เคยเรียนอยู่โรงเรียนใกล้ ๆ กันในปากน้ำโพ แต่ย้อยไม่เชื่อและให้มาลาสาบาน มาลาจึงกล่าวสาบานกับเจ้าพ่อชุมแสงว่าถ้าตนโกหกขอให้มีอันเป็นไปในสามวันเจ็ดวัน แต่ถ้าพูดความจริงแล้วไม่ช่วยอะไรขอให้มงคลมีอันเป็นไปแทน ไม่กี่วันต่อมามงคลก็จมน้ำตายเรณูจะไปแจ้งข่าวเรื่องการตายของมงคลกับปฐมที่ค่ายทหาร แต่ปฐมพาลูกสาวเจ้านายไปขับรถเล่น จึงฝากเรื่องไว้กับเพื่อนของเขา ระหว่างจะกลับก็มีอาการแพ้ท้อง ปฐมกลับมารู้ข่าวจากเพื่อนว่าเรณูท้องก็ดีใจอย่างมาก ในขณะที่พิไลรู้ข่าวก็คับแค้นใจอย่างหนัก คิดจะพาย้อยไปเอาเสน่ห์ออกให้เร็วขึ้น เพราะกลัวว่าสมบัติที่ตัวเองควรได้จะตกไปอยู่ที่เรณูและลูกเชิดเห็นติ๋มมาเยี่ยมเรณูที่ชุมแสง จึงรู้ว่าตัวเองถูกหลอกให้ไปหาหมอบางแน่ พิไลจึงสั่งให้เชิดไปเค้นมาว่าเรณูทำคุณไสยที่ไหน แต่ด้วยความแค้นเชิดจึงซ้อมจนติ๋มจนบาดเจ็บสาหัส ติ๋มจึงรีบไปหาหมอก้อนเพราะกลัวว่าฝั่งเชิดจะมาขอให้เอาของออก แต่หมอก้อนไปทำพิธีที่ต่างจังหวัด ทำให้ทั้งเชิดและติ๋มต่างก็ไม่ได้พบกับหมอก้อนด้านจันตา หลังจากกมลแต่งงานไป ปลัดจินกรก็มาสู่ขอจันตากับนางป๋วยฮวย แต่ในวันงาน กรองแก้วซึ่งเป็นญาติของปลัด จินกรมาพร้อมกับสามี เมื่อเห็นหน้าจันตาก็ป่าวประกาศว่าจันตาเคยเป็นเมียน้อยของสามีเธอ รวมถึงเคยท้องและทำแท้งมาก่อนด้วย งานแต่งงานจึงต้องยกเลิกกลางคัน ข่าวเรื่องจันตากระจายไปทั่วชุมแสง จันตาเสียใจมากและคิดฆ่าตัวตาย นางป๋วยฮวยจึงส่งจันตาไปเรียนเสริมสวยที่ปากน้ำโพอย่างที่เธออยากทำ โดยเรณูและกมลช่วยสมทบทุนให้ กมลดีใจที่จันตากลับมาเป็นโสดอีกครั้ง เขาจึงสารภาพกับนางย้อยว่าตนรักจันตา และขอแหวนไปหมั้นกับจันตาไว้ก่อน แม้นางย้อยจะไม่พอใจนัก แต่ด้วยความรักและสงสารลูกที่เคยบังคับให้แต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งและทำให้ชีวิตแต่งงานของลูกพังไปแล้วจึงยอมแต่โดยดีพิไลได้หมอมือดีชื่ออาจารย์สมดีจากทับกฤช จึงไปรับมาเปิดโปงเรื่องที่เรณูทำคุณไสยให้คนทั้งตลาดฟัง เรณูรู้สึกอับอายมาก จึงย้ายไปอยู่พยุหะคีรีพร้อมกับวรรณา และขอให้หมอก้อนเอาคุณไสยออกจากปฐมและย้อย ฝ่ายติ๋มแค้นที่ตนถูกนายเชิดทำร้ายร่างกาย ไปขอให้หมอบางช่วย แต่หมอบางปฏิเสธเรื่องการทำไสยดำจนถึงแก่ความตาย ติ๋มจึงวานต๋อมพี่ชายไปหาหมอเบี้ยว เมื่อทำคุณไสยเสร็จ พิไลก็ทุรนทุราย เพ้อว่าจะมีคนมาฆ่าตลอดเวลา จนมีข่าวลือว่าพิไลอาการเหมือนผีเข้าและเรณูเป็นคนทำเพื่อชำระแค้น ติ๋มกลัวว่าเรื่องราวจะบานปลายไปถึงเรณู จึงออกไปประกาศหน้าบ้านย้อยว่าเป็นฝีมือตน ถ้าพิไลอยากหายดีก็ต้องให้พิไลมาคุยกันหน้าบ้าน ไม่เช่นนั้นประสงค์จะโดนไปด้วย ย้อยกลัวว่าประสงค์จะเดือดร้อนจึงเรียกพิไลออกมา และต้องป่าวประกาศเรื่องร้าย ๆ ที่ตนทำไว้ให้คนทั้งชุมแสงฟังตามคำสั่งติ๋มเพื่อขอเอาชีวิตรอด ติ๋มจึงเลิกอาฆาตและขอให้หมอเบี้ยวหยุดทำคุณไสย อาจารย์สมดีมาช่วยรักษาพิไลแต่อาการกลับหนักขึ้นไปอีกเพราะฝั่งหมอเบี้ยวต้องการลองวิชาอาคมบวกกับแรงพยาบาทที่มีในใจของพิไลทำให้อาคมแข็งแกร่งมาก อาจารย์สมดีจึงขอให้พิไลคลายความเคียดแค้นและความละโมบในใจออกมาพร้อมกับนึกถึงพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์อยู่พักใหญ่จึงจะหายดี เมื่อพิไลได้สติก็ขอกลับไปอยู่ที่ทับกฤชเพราะอายชาวบ้าน โดยอ้างว่าจะขอกลับไปบวชชีเมื่อเรณูย้ายมาก็เปิดร้านขายข้าวเกรียบปากหม้อเพื่อหารายได้ ติ๋มผ่านมาทำธุระแถวนั้นจึงมาบอกข่าวเรื่องปฐมและลูกสาวเจ้านายหรืออรพรรณีได้เสียกันไปแล้ว ทำให้เรณูเสียใจมาก ฝ่ายปฐมปลดทหารก็กลับไปบ้าน พร้อมกับอรพรรณี ปฐมตั้งใจจะมา ตกลงกับเรณูเรื่องลูกและเมียใหม่ของเขา แต่เรณูย้ายไปแล้วจึงไม่ได้เจอกัน ย้อยไม่ชอบใจอรพรรณีอย่างมาก แต่เมื่อรู้ว่าที่บ้านของอรพรรณีมีฐานะและวางแผนอนาคตของลูกชายตนไว้อย่างดี ก็ตัดสินใจว่าให้ปฐมกลับไปอยู่ทางบ้านเมียเพราะดูมีอนาคตสดใสกว่าอยู่ที่ชุมแสง ส่วนกมลก็ตัดสินใจไปอยู่กับจันตาที่ปากน้ำโพ ย้อยยกตึกแถวของตนที่ปากน้ำโพให้เปิดเป็นร้านเสริมสวยของจันตา และตั้งใจว่าตนจะย้ายไปอยู่ด้วยเพราะใกล้โรงพยาบาลมากกว่าที่ชุมแสง ส่วนประสงค์นั้นให้ดูแลกิจการทั้งหมดที่มีในชุมแสงต่อไป3 ปีต่อมา ย้อยก็เหมือนมีลูกเล็กอีกคน เพราะมาลาคลอดลูกแล้วมาทิ้งไว้ให้เลี้ยง ส่วนมาลากลับไปแต่งงานที่เขากะลา ประสงค์แต่งงานกับบุญปลูก กมลแต่งงานกับจันตา วรรณาได้แต่งงานกับปลัดจินกร เรณูรับป๊อกมาอยู่ด้วยกันที่ร้านที่พยุหะคีรี โดยมีกิจการขายขนมไทย ข้าวเกรียบปากหม้อ และสาคูไส้หมูที่เป็นไปได้ด้วยดี ฝั่งปฐม แม้จะได้เรียนสูงและไปทำงานในบริษัทของ อรพรรณี มีลูกด้วยกัน1คน แต่เขาไม่มีความสุขเลย อรพรรณีเที่ยวเล่นทุกวัน เขาลาไปเยี่ยมแม่ที่บ้านและบังเอิญได้พบกับเรณูที่มาเยี่ยมย้อยเช่นกัน ทั้งคู่ได้เจอกันและปรับความเข้าใจกันบั้นปลายชีวิต เบาหวานของย้อยกำเริบหนักจนต้องตัดขาทิ้ง ระหว่างพักฟื้น ปฐมตั้งใจขับรถกลับมาเยี่ยมแม่ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชนจนบาดเจ็บสาหัส ย้อยได้ยินข่าวก็ช็อกจนขาดใจตายในวัย 51 ปี อรพรรณีได้ยินข่าวอุบัติเหตุเห็นว่ารักษาไปก็ไม่หายเป็นปกติแน่จึงปฏิเสธเรื่องการช่วยเหลือทางการเงินใดๆ ประสงค์และกมลจึงตัดสินใจจำนองที่ดินที่ย้อยแบ่งให้ปฐมจนหมดเพื่อเป็นค่ารักษา ปฐมรักษาตัวอยู่ 3 ปีก็กลับมาเป็นปกติโดยมีเรณูคอยดูแล ทั้งสองคนช่วยกันขยายกิจการร้านขนมของเรณูจนเปิดโรงงานขนมได้ และอยู่กันอย่างมีความสุข
รากนครา 2560

รากนครา (2560/2017) เรื่องเริ่มขึ้นกลางดึก ณ ลานหินกว้างบนยอดภูผาเมือง ชายคนหนึ่งกำลังรอศัตรูคู่อาฆาตซึ่งนัดกันไว้ เวลาผ่านไปด้วยความตึงเครียด ชายอีกคนก็ปรากฏกายขึ้น ชายคนแรกพอใจที่อย่างน้อยศัตรูก็กล้าเผชิญหน้ากับเขาเพียงลำพังทั้งๆ ที่สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนของฝ่ายศัตรู อย่างไรก็ดี เขาสังเกตเห็นว่าศัตรูรูปร่างบอบบางกว่าที่เขาคิด ทว่าด้วยความเคียดแค้น เขาจึงไม่เสียเวลาสนใจ ทันทีที่เผชิญหน้ากัน ทั้งสองฝ่ายก็ปรี่เข้าหากันด้วยความเกรี้ยวกราด ต่างฝ่ายต่างรับรู้กันว่าต้องมีคนหนึ่งตาย ความแค้นจึงยุติ....

เรื่องเล่าย้อนอดีตไปตามลำดับเวลาของเรื่อง ในปี พ.ศ.2427 เจ้าศุขวงศ์ หรือ เจ้าน้อย เดินทางกลับมาบ้านเกิดหลังจากที่จากไปเป็นเวลาถึง 15 ปี เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของ เจ้าราชบุตรศุษิระ ผู้ล่วงลับ เจ้าศุษิระเป็นผู้มีความคิดสมัยใหม่ เมื่อเห็นว่าอาณาจักรของเขาและบ้านพี่เมืองน้องในดินแดนล้านนาไม่สามารถดำรงความเป็นอิสระไว้ได้ จำเป็นต้องอาศัยบารมีของสยามเพื่อปกป้องแผ่นดินจากการตกเป็นเมืองขึ้นของตะวันตก เจ้าศุษิระจึงส่งเจ้าศุขวงศ์ไปศึกษาที่สิงคโปร์ตั้งแต่อายุได้เพียง 10 ขวบ เป็นที่น่าเสียดายว่าหลังจากนั้นเพียงหนึ่งปี ทั้งเจ้าศุษิระและชายาก็ล้มป่วยเสียชีวิต หลังจากเจ้าศุขวงศ์เรียนจบ เขาได้กลับมารับราชการในราชสำนักสยาม ด้วยเหตุนี้ เจ้าศุขวงศ์จึงรับเอาความคิดทั้งจากเจ้าพ่อของเขาและนโยบายที่เขาได้รับการบ่มเพาะจากสยามไว้อย่างแน่นแฟ้น ในฐานะที่มีเชื้อสายเจ้าประเทศราช เจ้าศุขวงศ์เป็นชาวพื้นเมืองล้านนาเพียงคนเดียวที่สยามไว้ใจส่งกลับไปทำงานที่บ้านเกิดในฐานะผู้แทนสยาม เพื่อสร้างความเข้าใจกับเจ้าประเทศราชแถบล้านนาทั้งหมด โดยมีเป้าหมายหลักในการเตรียมความพร้อมสำหรับอาณาจักรล้านนาให้อยู่ภายใต้การปกครองของสยามอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต ด้วยเหตุนี้ ภารกิจหลักซึ่งกลายเป้าหมายสำคัญที่สุดในชีวิตของเจ้าศุขวงศ์ก็คือ การสร้างความเข้าใจกับเจ้าหลวงของประเทศราชแถบล้านนาทั้งหลายตลอดจนพลเมืองให้ปรับเปลี่ยนความคิด ยอมอยู่ใต้อำนาจการปกครองของสยามซึ่งต้องการถ่ายโอนอำนาจจากเจ้าหลวงมาอยู่ในมือของข้าหลวงพิเศษจากสยาม และกลายเป็นมณฑลพายัพในที่สุด ทั้งนี้ เพื่อความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของราชอาณาจักรสยาม ทำให้ทั้งสยามและหัวเมืองประเทศราชทั้งหมดมีความเจริญทัดเทียมตะวันตกจนไม่มีข้ออ้างให้ตะวันตกยึดเป็นเมืองขึ้นได้เจ้าศุขวงศ์ได้พา มิสเตอร์จอห์น แบร็กกิ้น ฝรั่งชาวอังกฤษซึ่งสนใจสำรวจป่าเพื่อหาลู่ทางทำไม้เดินทางกลับบ้านเกิดพร้อมกันกับเขา แท้จริงแล้วนั้นแบร็กกิ้นมีเบื้องหลังเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทบริติช บอร์เนียว บริษัทสัมปทานทำไม้ขนาดใหญ่ซึ่งมีอิทธิพลมาก แบร็กกิ้นมีความประสงค์ที่จะมาสอดส่องทรัพยากรป่าไม้ในดินแดนล้านนาเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจของอังกฤษในอนาคต เจ้าศุขวงศ์เคยมีบุญคุณช่วยชีวิตแบร็กกิ้นไว้ ทั้งสองเป็นทั้งเพื่อนที่รู้ใจและรู้เท่าทันกันทุกอย่าง เจ้าศุขวงศ์จึงตัดสินใจให้แบรกกิ้นอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาเพื่อที่จะสามารถควบคุมแบรกกิ้นได้โดยง่าย การพาฝรั่งกลับบ้าน อีกทั้งการแต่งกายแบบสยามซึ่งรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกของเจ้าศุขวงศ์ ทำให้ เจ้าแม่เรือนคำ ย่าของเขาไม่พอใจ เจ้าศุขวงศ์พยายามหว่านล้อมให้เจ้าย่าเห็นว่าการพาแบร็กกิ้นมาด้วยแทนที่จะปล่อยให้แบรกกิ้นเข้ามาสำรวจป่าตามใจชอบนั้นเป็นประโยชน์ต่อบ้านเกิดเมืองนอน เพราะทำให้เขารู้เท่าทันและสามารถรักษาผลประโยชน์ของอาณาจักรได้ เจ้าแม่เรือนคำไม่ใคร่พอใจ เธอรู้สึกว่าหลานชายมีความคล้ายคลึงเจ้าพ่อของเขาที่ชอบความเปลี่ยนแปลง ความทันสมัย ไม่รักบ้านเกิดเมืองนอนเท่าที่ควร แต่ด้วยความรักหลาน เจ้าแม่เรือนคำก็ใจอ่อนเจ้าศุขวงศ์พยายามหว่านล้อมเจ้าอาของเขา เจ้าหลวงศรีวงศ์ เจ้าหลวงคนปัจจุบันให้ยอมออกใบอนุญาตสำรวจป่าให้แบร็กกิ้น และศุขวงศ์ยังต้องการเข้าร่วมทุนทำไม้กับแบร็กกิ้นเพื่อควบคุมและรักษาสิทธิในการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ เจ้าหลวงศรีวงศ์ยอมตกลงตามความประสงค์ของศุขวงศ์เพราะฝ่ายหลังแสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่ต้องการขวางเส้นทางไปสู่อำนาจของ เจ้าจักรคำ ลูกชายของตน ทำให้เจ้าหลวงศรีวงศ์รู้สึกสบายใจขึ้น แม้เขาจะเห็นว่าการเป็นพ่อค้าเป็นอาชีพที่ไม่สมศักดิ์ศรีของความเป็นเจ้าก็ตาม อินทร ข้าเก่าคนสนิทของเจ้าศุษิระได้แสดงตัวขอเป็นผู้รับใช้เจ้าศุขวงศ์ด้วยความจงรักภักดีวันหนึ่ง เจ้าหลวงศรีวงษ์บัญชาให้เจ้าศุขวงศ์เป็นผู้แทนเดินทางไปร่วมงานศพของ เจ้าสิงห์คำ เจ้าอุปราชเมืองเชียงเงินซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติ ศุขวงศ์จำต้องพาแบร็กกิ้นเดินทางไปด้วยเพราะไม่ไว้ใจให้แบร็กกิ้นอยู่ไกลสายตา ที่เชียงเงินซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ และเป็นประเทศราชของสยามด้วยเช่นกัน ศุขวงศ์ได้พบกับ เจ้าแม้นเมือง บุตรสาวคนโตของ เจ้าหลวงแสนอินทะ และ เจ้ากาบแก้ว กลางดงชมพูป่าซึ่งออกดอกสีชมพูสะพรั่งเพียง 10 วันในแต่ละปีเท่านั้น ศุขวงศ์รู้สึกสนใจในตัวแม้นเมืองมากเนื่องจากประทับใจในความเป็นตัวของตัวเองของเธอ จากการสังเกต ศุขวงศ์พบว่าแม้นเมืองมีสถานภาพเป็นรอง เจ้ามิ่งหล้า น้องสาวต่างมารดามากทั้งๆ ที่แม้นเมืองเป็นพี่สาว เนื่องจาก เจ้านางข่ายคำ เจ้านางหลวงคนปัจจุบันซึ่งเป็นมารดาของมิ่งหล้าและมีศักดิ์เป็นน้าแท้ๆ ของแม้นเมืองเลี้ยงดูให้แม้นเมืองต้องยอมมิ่งหล้าทุกอย่างด้วยความกลัวว่าแม้นเมืองจะได้ดีกว่าลูกสาวของตน ศุขวงศ์ยังได้รู้จักกับ เจ้าหน่อเมือง พี่ชายแท้ๆ ของแม้นเมืองซึ่งได้รับตำแหน่งเจ้าอุปราชต่อจากเจ้าสิงห์คำผู้ล่วงลับ หน่อเมืองแสดงความไม่ชอบใจศุขวงศ์ตั้งแต่แรกเห็นเนื่องจากรูปลักษณ์และความคิดของศุขวงศ์ยืนยันชัดเจนว่าเขายอมหมอบราบคาบแก้วให้กับสยามและตะวันตก ทั้งนี้ หลังจากที่มารดาเสียชีวิต และเจ้าหลวงแสนอินทะ บิดาได้สมรสใหม่ เจ้าหน่อเมืองและเจ้าแม้นเมืองสองพี่น้องก็อยู่ในความดูแลของเจ้าอุปราชสิงห์คำผู้มีความรักชาติอย่างแรงกล้า ทำให้ทั้งหน่อเมืองและแม้นเมืองได้รับการปลูกฝังให้รักความอิสระ เชื่อมั่นในเสรีภาพ และมุ่งมั่นกระทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้เชียงเงินเป็นรัฐอิสระให้ได้เจ้าศุขวงศ์พยายามต่อรองขอให้แบร็กกิ้นพักอยู่กับเขาในเขตกำแพงล้อม ซึ่งเป็นอาณาบริเวณคุ้มหลวง เพื่อบังคับให้แบร็กกิ้นอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา แต่เจ้าหลวงแสนอินทะไม่ยอมเพราะผิดประเพณีที่ไม่อนุญาตให้ชาวตะวันตกล่วงล้ำเข้ามา จากการสนทนาทำให้ศุขวงศ์ทราบว่าเจ้าหลวงแสนอินทะเองก็มีความมุ่งมั่นในการแยกตัวเป็นอิสระและรังเกียจตะวันตกอย่างยิ่ง ทำให้ศุขวงศ์รู้สึกหนักใจมากเพราะเกรงว่าการได้อยู่อย่างอิสระจะทำให้แบร็กกิ้นมีโอกาสเดินทางสำรวจทรัพยากรป่าไม้ของเชียงเงินซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากได้ตามใจชอบเจ้าศุขวงศ์มีโอกาสได้พบเจ้าแม้นเมืองตามลำพังที่ดงชมพูป่า แม้นเมืองแสดงความเชื่อของเธออย่างเปิดเผยว่าการยอมรับเอาขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติอื่นมาเป็นของตนเช่นที่ศุขวงศ์กระทำ เป็นการแสดงออกถึงความไร้ราก ไร้ความคิด และไร้ศักดิ์ศรี ทว่าคำบอกเล่าของศุขวงศ์เรื่องเมืองมัณฑ์ เมืองใหญ่ในแถบนั้นซึ่งเป็นเมืองอิสระและไม่เคยยอมก้มหัวให้สยามและตะวันตก กำลังจะกลายเป็นเมืองขึ้นของตะวันตกภายในเวลาไม่เกิน 2 ปี ก็ทำให้แม้นเมืองเริ่มไม่แน่ใจในความคิดของเธอ แต่แม้นเมืองก็พยายามเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาและโต้ตอบศุขวงศ์ว่าการล่มสลายอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองของเชียงเงินเป็นสิ่งที่เธอภาคภูมิใจมากกว่าการยอมปรับเปลี่ยนตัวเอง ในท้ายที่สุด แม้นเมืองปฏิเสธการเรียกศุขวงศ์ว่า “เจ้าพี่” ตามศักดิ์ และแสดงออกให้เห็นว่าเธอไม่ยินดีรับไมตรีของเขาในงานศพของเจ้าอุปราชสิงห์คำ เจ้าแม้นเมืองแสดงความโศกเศร้าอย่างยิ่ง ทำให้เธอไม่รู้ตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาของเจ้าศุขวงศ์ตลอดเวลา เจ้ามิ่งหล้าซึ่งเคยชินกับการได้รับความสนใจและต้องเป็นที่หนึ่งเสมอสังเกตเห็นสายตาของศุขวงศ์ที่มองแม้นเมือง ทำให้มิ่งหล้าไม่พอใจและหาทางเอาชนะแม้นเมืองให้ได้ มิ่งหล้าได้ออกอุบายเพื่อให้ตนได้ใกล้ชิดกับศุขวงศ์และหาทางกำจัดแม้นเมืองไปให้พ้นทาง ด้วยเหตุนี้ มิ่งหล้าจึงเพียรทำให้แม้นเมืองเข้าใจผิดด้วยการพยายามพูดให้พี่สาวเข้าใจว่าศุขวงศ์สนใจปองรักตน นอกจากมิ่งหล้าจะสังเกตเห็นความสนใจที่ศุขวงศ์มีต่อแม้นเมืองแล้ว เจ้าหลวงแสนอินทะก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่สังเกตเห็นด้วยเช่นกัน ด้วยความเจ้าเล่ห์ทำให้แสนอินทะมองเห็นประโยชน์ที่เชียงเงินจะได้รับทันที เขาจึงออกปากชวนให้ศุขวงศ์พักที่เชียงเงินต่อไปเจ้าศุขวงศ์พยายามหาโอกาสใกล้ชิดกับเจ้าแม้นเมือง เขาจึงตอบรับคำขอของเจ้ามิ่งหล้าที่ขอให้เขาเข้าไปแปลหนังสือภาพภาษาอังกฤษให้เธอ ทว่าศุขวงศ์ไม่เคยมีโอกาสได้พบแม้นเมืองในคุ้มหลวงเลยสักครั้ง จนวันหนึ่ง ทั้งสองได้พบกันที่ดงชมพูป่าโดยบังเอิญ ศุขวงศ์จึงมีโอกาสสัมผัสตัวตนที่อ่อนโยนของแม้นเมืองจากเหตุการณ์ที่เธอพยายามช่วยนำลูกนกที่ตกจากรังไปใส่คืนไว้ในรังของมัน ทั้งสองพูดคุยกันด้วยดีเป็นครั้งแรก ศุขวงศ์ออกปากว่าเขาจะมารอพบแม้นเมืองที่ดงชมพูป่านี้ทุกวันไม่ว่าเธอจะมาหรือไม่ก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายว่ามิ่งหล้ายังคงเพียรพยายามสร้างความเข้าใจผิดให้แม้นเมืองเชื่อว่าศุขวงศ์หลงรักตน แม้นเมืองจึงพยายามขจัดความรู้สึกสนใจที่เธอเริ่มมีให้ศุขวงศ์ออกไปจากใจด้วยความรักน้องสาว เจ้าหลวงแสนอินทะและเจ้าหน่อเมืองร่วมกันวางแผนการสามทางเพื่อการประกาศตัวเป็นรัฐอิสระของเชียงเงิน เริ่มด้วยการให้หน่อเมืองเดินทางไปรับสารตราตั้งตำแหน่งเจ้าอุปราชและดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยายอมเป็นข้าของสยามที่เชียงใหม่ ในขณะเดียวกันก็วางแผนส่งตัวมิ่งหล้าไปเป็นสนมกษัตริย์เมืองมัณฑ์ตามคำขอ และสุดท้าย จัดการให้แม้นเมืองแต่งงานกับศุขวงศ์เพื่อทำให้ญาติฝ่ายล้านนาตายใจว่าเชียงเงินไม่ได้เอาใจออกห่างหมู่ญาติ มิ่งหล้าอาละวาดอย่างหนัก เธอบีบบังคับให้แม้นเมืองรับอาสาเดินทางไปเป็นสนมกษัตริย์เมืองมัณฑ์แทนเธอ ด้วยความรักชาติ แม้นเมืองจึงยอมทำตามคำขอ ทว่าไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากเมืองมัณฑ์ระบุมาว่าต้องการตัวมิ่งหล้าซึ่งมีสถานะสูงกว่าแม้นเมือง เจ้านางข่ายคำสนับสนุนความคิดที่จะส่งมิ่งหล้าไปเมืองมัณฑ์เนื่องจากเกรงว่าแม้นเมืองจะกลายเป็นผู้มีความสำคัญมากกว่าลูกสาวของตน เจ้านางข่ายคำจึงบีบบังคับให้แม้นเมืองเกลี้ยกล่อมมิ่งหล้าให้ได้ มิ่งหล้าโกรธมากเพราะไม่เคยถูกขัดใจมาก่อนในชีวิต ประกอบกับเมื่อมิ่งหล้ารู้ว่าแม้นเมืองได้รับการวางตัวให้แต่งงานกับศุขวงศ์ ความโกรธจนขาดสติทำให้มิ่งหล้าประกาศตัดพี่ตัดน้องกับแม้นเมือง และแสดงกิริยาหยาบคายต่อพี่สาวแบบที่เธอไม่เคยกระทำมาก่อน มิ่งหล้าจงใจหยดยาพิษลงไปในใจแม้นเมืองด้วยการยืนยันว่าศุขวงศ์ยึดมั่นในความรักที่มีต่อเธอเท่านั้น อีกทั้งเขาต้องรังเกียจแม้นเมืองที่หน้าด้านใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อให้ได้ครอบครองเขาเจ้ามิ่งหล้าลอบหนีออกไปจากคุ้มหลวงเพื่อไปขอให้เจ้าศุขวงศ์ช่วยพาเธอหนี เธอขู่จะฆ่าตัวตายหากศุขวงศ์ไม่ยอมช่วย ศุขวงศ์เห็นแก่ความเป็นญาติและยังเล็งเห็นว่าการที่เชียงเงินส่งมิ่งหล้าไปเป็นสนมกษัตริย์เมืองมัณฑ์นั้นเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ เนื่องจากอีกไม่นานเมืองมัณฑ์ต้องเสียเมืองแก่ตะวันตกแน่นอน มิ่งหล้าดีใจมากที่ศุขวงศ์ยอมรับปาก เธอพูดให้ศุขวงศ์หลงเชื่อว่าการแต่งงานกับกษัตริย์เมืองมัณฑ์เป็นงานอาสา และแท้จริงแล้วนั้นแม้นเมืองเป็นผู้รับอาสาไปเมืองมัณฑ์ มิ่งหล้าออกอุบายแต่งเรื่องว่าแม้นเมืองมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะแต่งงานกับกษัตริย์เมืองมัณฑ์จนถึงกับกล้าขอสลับตัวกับเธอเพื่อตบตาเมืองมัณฑ์ ศุขวงศ์เสียใจมากที่แม้นเมืองไม่ได้มีใจให้เขาแม้แต่น้อย ในท้ายที่สุด มิ่งหล้าถึงกับออกปากยอมลดตัวลงเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งของศุขวงศ์ ยอมอยู่ในสถานะใดก็ตามที่เขาพอใจและขอติดตามเขากลับไปด้วย ศุขวงศ์รับปากแต่ขอลองพูดให้เจ้าหลวงแสนอินทะเปลี่ยนใจไม่ส่งมิ่งหล้าไปเมืองมัณฑ์ก่อนเจ้ามิ่งหล้าจงใจทำให้เจ้าแม้นเมืองเสียใจด้วยการเล่าแผนการที่เจ้าศุขวงศ์จะมาชิงตัวเธอไปจากขบวนเดินทางไปเมืองมัณฑ์ให้ฟัง ด้วยความต้องการอวดความสัมพันธ์แน่นแฟ้นของเธอกับศุขวงศ์ มิ่งหล้าเล่าแผนการทั้งหมดให้แม้นเมืองฟังและบีบบังคับให้พี่สาวสาบานว่าจะไม่แพร่งพรายไปสู่ผู้ใด มิฉะนั้นแม้นเมืองจะต้องมีชีวิตที่มีแต่ความทุกข์ ไม่มีคนรัก ไม่ได้รับการยอมรับ และตายอย่างน่าอนาถ คืนนั้น แม้นเมืองฝันถึงเจ้าอุปราชสิงห์คำ ทำให้แม้นเมืองระลึกถึงคำสอนของเขาได้ว่าชีวิตของเธอไม่มีความสำคัญเท่ากับการค้ำจุนเชียงเงินและหน้าที่ที่มีต่อบรรพบุรุษ ด้วยเหตุนี้ แม้นเมืองจึงตัดสินใจผิดคำสาบาน เธอเล่าแผนการทั้งหมดของมิ่งหล้าและศุขวงศ์ให้เจ้าหลวงแสนอินทะและเจ้าหน่อเมืองฟัง ทั้งหมดจึงช่วยกันคิดแผนการตลบหลังศุขวงศ์ แม้นเมืองรู้สึกเสียใจที่ผิดคำสาบานและเป็นต้นเหตุพรากความรักของมิ่งหล้ากับศุขวงศ์ แต่เธอพยายามกล้ำกลืนความโศกเศร้าด้วยการยึดมั่นในหน้าที่ที่มีต่อเชียงเงินเป็นสำคัญเจ้าศุขวงศ์พยายามเปลี่ยนใจเจ้าหลวงแสนอินทะด้วยการบอกให้ทราบว่าเมืองมัณฑ์กำลังจะตกเป็นเมืองขึ้นของตะวันตก แต่เขาไม่สามารถเปลี่ยนใจแสนอินทะได้ แบร็กกิ้นพยายามจะขอเข้าพบศุขวงศ์แต่ถูกกีดกัน หน่อเมืองจงใจสร้างเหตุการณ์ให้แบร็กกิ้นมีความผิดฐานล่วงล้ำเขตหวงห้าม ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเอง ศุขวงศ์สามารถช่วยชีวิตของแบร็กกิ้นได้ทันเวลา ทำให้แบร็กกิ้นตกเป็นหนี้ชีวิตของศุขวงศ์เป็นครั้งที่สอง แบร็กกิ้นขอเดินทางไปเมืองมัณฑ์ก่อนที่จะกลับไปเชียงเงิน ศุขวงศ์ยินดีอนุญาตให้แบร็กกิ้นไปเพราะเขาจะได้ดำเนินการตามแผนชิงตัวมิ่งหล้าโดยไม่มีใครรู้เห็น ศุขวงศ์ให้อินทรเดินทางไปประกบแบร็กกิ้นอย่างใกล้ชิดโดยอ้างว่าเพื่ออำนวยความสะดวกเจ้าศุขวงศ์พร้อมด้วยคนสนิทอีกสองคนเดินทางไปชิงตัวเจ้ามิ่งหล้า เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายตามที่นัดแนะกันไว้อยู่ในขบวน ศุขวงศ์จึงปักใจเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นคือมิ่งหล้า เขาเข้าไปชิงตัวเธอออกมาตามแผน หลังจากนั้น ศุขวงศ์ได้ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเดินทางล่วงหน้าต่อไปพร้อมกับคนของเขา ส่วนตัวเขาเองจะย้อนกลับไปเชียงเงินเพื่อกลบเกลื่อนแก้ข้อสงสัย และจะรีบออกเดินทางตามไปในวันรุ่งขึ้นเมื่อกลับมาถึงคุ้มหลวง เจ้าศุขวงศ์ได้ทราบว่าเขาถูกซ้อนแผน เนื่องจากผู้หญิงที่เขาเข้าไปชิงตัวมาจากขบวนนั้นที่แท้แล้วคือเจ้าแม้นเมืองซึ่งกำลังเดินทางไปทำพิธีบวงสรวงไหว้กู่พญาดาบกลางป่า เจ้าหลวงแสนอินทะแสร้งทำเป็นว่าศุขวงศ์เป็นผู้มีบุญคุณที่เข้ามาช่วยแม้นเมืองไว้จากโจรป่า ตามประเพณีของเชียงเงิน การช่วยชีวิตใครไว้ ชีวิตของบุคคลนั้นย่อมตกเป็นสิทธิ์ของผู้ช่วยชีวิต แสนอินทะทำพิธียกแม้นเมืองให้ศุขวงศ์ เขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยว่าในส่วนลึกศุขวงศ์มีความปรารถนาในตัวแม้นเมือง และรู้ดีว่านี่คือโอกาสที่จะได้แต่งงานกับเธออย่างถูกต้อง แต่วิธีการทั้งหมดนี้ กลับกลายเป็นแผนการที่ได้รับการวางไว้อย่างเจ้าเล่ห์แสนกล และแม้นเมืองเองก็เต็มใจยอมเป็นส่วนหนึ่งของแผนด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้เป้าหมายของบรรพบุรุษของเธอประสบความสำเร็จให้ได้เขียนจันทร์ ภรรยาของ ครูวงพรหม ครูดาบที่เป็นคนสนิทของเจ้าสิงห์คำได้เข้ามายืนยันให้แม้นเมืองมั่นใจว่าทุกคนมีหน้าที่ต่อเชียงเงินในลักษณะต่างๆ กัน การแต่งงานของแม้นเมืองก็เช่นเดียวกับการแต่งงานของมิ่งหล้าซึ่งถูกส่งให้เดินทางอย่างลับๆ ไปเมืองมัณฑ์พร้อมกับ ฟองจันทร์ ลูกสาวของเธอ แม้นเมืองรู้สึกสบายใจขึ้น ในคืนแรกของการแต่งงาน คู่บ่าวสาวไม่ได้อยู่ร่วมกัน เนื่องจากศุขวงศ์รู้สึกสับสนใจว่าแม้นเมืองนั้นทำทุกอย่างตามหน้าที่โดยไม่ได้มีความรักในตัวของเขาแม้แต่น้อย ส่วนแม้นเมืองเองก็เข้าใจว่าศุขวงศ์นั้นรังเกียจเธอที่ยัดเยียดตนเองมาแต่งงานกับเขาด้วยเล่ห์เพทุบาย และทำลายความรักของเขากับมิ่งหล้าอย่างน่าละอายวันรุ่งขึ้น เจ้าศุขวงศ์และเจ้าแม้นเมืองเดินทางไปเชียงเงิน บัวผัน และ คำแก้ว ได้รับเลือกให้ติดตามไปรับใช้แม้นเมืองที่เชียงเงินด้วย เจ้าหน่อเมืองร่วมเดินทางไปกับขบวนโดยทำทีประหนึ่งว่าเดินทางไปรับตราตั้งจากผู้แทนกษัตริย์สยามที่เชียงใหม่ แต่แท้จริงแล้วนั้น จุดประสงค์การร่วมเดินทางของหน่อเมืองก็เพื่อควบคุมให้มั่นใจว่าศุขวงศ์จะไม่ลอบออกไปขัดขวางการเดินทางไปเมืองมัณฑ์ของมิ่งหล้า และเพื่อให้แน่ใจว่าแม้นเมืองได้เดินทางไปกับศุขวงศ์โดยสวัสดิภาพ ตลอดเวลาที่เดินทางหลายวันนั้น ศุขวงศ์ไม่เคยล่วงล้ำเข้ามาภายในห้องนอนเลย เพราะคำพูดของมิ่งหล้าที่ทำให้เขาเชื่อว่าแม้นเมืองเป็นผู้รับอาสายอมเป็นสนมของกษัตริย์เมืองมัณฑ์ อีกทั้งการที่แม้นเมืองไม่เคยมาพบเขาตามนัดที่ดงชมพูป่าสักครั้งเป็นหนามแหลมคอยทิ่มแทงเขา ส่วนแม้นเมืองก็เสียใจเพราะเข้าใจว่าศุขวงศ์โกรธแค้นชิงชังเธอระหว่างการรอนแรม คืนหนึ่ง แม้นเมืองฝันร้ายว่าถูกเอาชีวิตเนื่องจากผิดคำสาบานที่ให้ไว้กับมิ่งหล้า ศุขวงศ์เข้ามาปลอบแม้นเมืองให้คลายความหวาดกลัว เขาตัดสินใจว่าจะค่อยๆ ใช้ความรักของตนรินรดใจของแม้นเมือง ให้เธอค่อยๆ เปลี่ยนใจยอมรับเขาให้ได้ วินาทีนั้นเอง แม้นเมืองได้ประจักษ์แก่ใจตนเองว่าเธอหลงรักศุขวงศ์มาโดยตลอด ทำให้แม้นเมืองเกิดความละอายใจที่ตนเองเป็นอุปสรรคความรักของมิ่งหล้ากับศุขวงศ์ ทว่าหลังจากที่ศุขวงศ์เข้ามาปลอบด้วยความจริงใจ และออกปากว่าเขาจะนอนเป็นเพื่อนเธออยู่หน้าฉากกั้นในห้องนอน ทั้งสองต่างก็แอบรู้สึกปลอดโปร่งและอบอุ่น หลังจากคืนนั้น แม้นเมืองก็เฝ้ารอเวลากลางคืนที่จะได้นอนร่วมห้องกับศุขวงศ์อย่างใจจดจ่อทุกคืน แม้ว่าเธอจะแกล้งทำเป็นนอนหลับเมื่อเขาเข้ามาในห้องทุกคืนก็ตามในคืนสุดท้ายก่อนที่จะถึงที่หมาย เจ้าศุขวงศ์มีโอกาสสนทนากับเจ้าหน่อเมืองตามลำพัง หน่อเมืองแสดงความคิดเห็นของตนอย่างเปิดเผยด้วยการชักชวนให้ศุขวงศ์ร่วมมือผนึกกำลังกันแยกตัวเป็นอิสระจากการปกครองของสยาม ศุขวงศ์พยายามชี้ให้หน่อเมืองเห็นว่าไม่มีประโยชน์เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันมีตะวันตกเป็นตัวแปรที่ทำให้รัฐเล็กๆ ในดินแดนล้านนาต้องพึ่งพิงสยาม เขาเห็นว่ากุโศลบายผ่อนปรนประนีประนอมที่สยามใช้กับตะวันตกเป็นผลดีกว่าการแข็งข้อ ต่างจากนโยบายของเมืองมัณฑ์ซึ่งกำลังจะกลายเป็นเมืองขึ้นของตะวันตกในไม่ช้า หน่อเมืองไม่พอใจมากเพราะเขาเชื่อว่าเชียงเงินเป็นเพียงอาณาจักรเล็กๆ เกินกว่าที่ตะวันตกจะสนใจ หรือหากเกิดอะไรขึ้น หน่อเมืองก็เชื่อว่าเขามีความสามารถพอที่จะต่อสู้ป้องกันเชียงเงินได้ หลังจากความขัดแย้งปะทุถึงขีดสุด หน่อเมืองก็เปิดเผยให้ศุขวงศ์ทราบว่าการร่วมเดินทางมากับขบวนของเขานั้น เพราะเขามีหน้าที่ควบคุมไม่ให้ศุขวงศ์ขัดขวางการเดินทางไปเมืองมัณฑ์ของมิ่งหล้า ส่วนแม้นเมืองก็เป็นฝ่ายรับหน้าที่เดียวกันในเวลากลางคืน ศุขวงศ์เจ็บปวดมากเพราะเขาเข้าใจผิดว่าการกรีดร้องขวัญเสียและการโอนอ่อนผ่อนตามของแม้นเมืองที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงการเสแสร้งแกล้งทำเพื่อหน้าที่ๆ มีต่อเชียงเงินของเธอคืนนั้นเอง เมื่อศุขวงศ์เข้าไปในห้องนอน เขาก็พบว่าแม้นเมืองกำลังนั่งรอเขาอยู่ เธอขอร้องให้เขาเก็บเรื่องที่เชียงเงินส่งมิ่งหล้าไปเป็นบรรณาการแก่เมืองมัณฑ์ไว้เป็นความลับ ศุขวงศ์ยิ่งโกรธเพราะคำขอร้องของแม้นเมืองเป็นการตอกย้ำว่าเธอทำทุกอย่างตามหน้าที่ ศุขวงศ์เรียกร้องให้แม้นเมืองปฏิบัติหน้าที่ของเธอให้เสร็จสิ้น ทั้งสองตกเป็นของกันและกันในคืนนั้นเอง แท้ที่จริงแล้วนั้น ทั้งสองต่างก็สัมผัสได้ถึงความสุขลึกซึ้ง เช้ามืดวันรุ่งขึ้น ศุขวงศ์พาแม้นเมืองขึ้นไปบนภูผาเมือง บนหน้าผาหินที่แขวนลอยเพื่อเฝ้าดูบ้านเกิดของเขาจากแสงแรกแห่งวันด้วยกัน แม้นเมืองรู้สึกประทับใจมาก ศุขวงศ์ตัดสินใจยื่นข้อเสนอให้แม้นเมืองทำดีกับเขาเพื่อให้เจ้าแม่เรือนคำ ย่าของเขาสบายใจ แลกกับการที่เขาจะไม่บอกใครเรื่องที่เชียงเงินส่งบรรณาการไปเมืองมัณฑ์ แม้นเมืองเห็นว่าข้อเสนอนี้เป็นช่องทางที่ทำให้เธอสามารถหลีกหนีความจริงที่เธอเข้าใจว่าศุขวงศ์มีแต่มิ่งหล้าในใจ ทำให้เธอสามารถแอบตักตวงความสุขจากความรักได้ แม้นเมืองจึงรับปาก แบร็กกิ้นและอินทรเดินทางมาสมทบ ทั้งสองแสดงความยินดีกับศุขวงศ์ที่ได้แต่งงานกับแม้นเมืองเมื่อเดินทางไปถึงคุ้มเจ้าราชภาติยะ ที่อยู่ตามตำแหน่งของศุขวงศ์ แม้นเมืองก็นำเมล็ดชมพูป่าที่เธอนำติดตัวมาจากเชียงเงินออกมา เธอขอร้องให้ศุขวงศ์นำเมล็ดไปเพาะเพราะเธอผูกพันกับต้นไม้ชนิดนี้ตั้งแต่เด็ก ศุขวงศ์เองก็เห็นว่าต้นชมพูป่ามีความหมายต่อความรักของเขาเช่นกัน เขาจึงให้คนตัดต้นไม้สองข้างทางเดินขึ้นภูผาเมืองเพื่อเตรียมไว้ปลูกต้นชมพูป่า นอกจากนี้ ศุขวงศ์ยังได้สั่งย้ายเรือนไม้ซึ่งเป็นเรือนพักคนเดินทางที่เขาและแม้นเมืองได้มีความสัมพันธ์ทางกายกันเป็นครั้งแรก ให้เอามาปลูกไว้ในสวนใกล้คุ้มของเขา จากนั้น เจ้าแม่เรือนคำได้เข้ามาดูตัวแม้นเมืองถึงในห้อง ทั้งสองรู้สึกถูกชะตากันอย่างยิ่ง ทำให้ศุขวงศ์มีความสุขมากเจ้าแม้นเมืองได้โอกาสพูดคุยกับแบร็กกิ้น ทำให้เธอเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อชาวตะวันตกเมื่อเธอตระหนักว่าแบร็กกิ้นก็เป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกมีเลือดเนื้อไม่ต่างจากมนุษย์คนอื่น แม้เขาจะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่าง แบร็กกิ้นเสนอตัวถ่ายรูปเดี่ยวให้แม้นเมืองไว้เป็นที่ระลึกก่อนที่เขาจะจากไปทำงานที่สิงคโปร์เจ้ามิ่งหล้ากลายเป็นสนมของกษัตริย์เมืองมัณฑ์ ในตอนแรก เธอไม่ทราบว่าว่า เจ้านางปัทมสุดา ชายาเอกของกษัตริย์เมืองมัณฑ์เป็นผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในราชสำนักเพราะเป็นราชธิดาของกษัตริย์องค์ก่อน ในขณะที่กษัตริย์เมืองมัณฑ์เดิมเป็นเพียงเจ้าชายปลายแถวที่ไร้อำนาจ มิ่งหล้าสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานภาพใหม่ได้อย่างรวดเร็ว เธอพยายามเลื่อนฐานะของตนให้เป็นชายารองด้วยการทำตัวให้กษัตริย์โปรดปราน มิ่งหล้าต้องอดทนกับความเหี้ยมโหด อิจฉาริษยาของเจ้านางปัทมสุดาซึ่งออกกฎให้ผู้หญิงทุกคนที่เข้าถวายตัวกับกษัตริย์ต้องผ่านกระบวนการทำความสะอาดภายในร่างกาย ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการกำจัดการปฏิสนธิที่อาจเกิดขึ้นได้เวลาผ่านไปด้วยความสุข ในที่สุด เจ้าแม้นเมืองก็ตั้งครรภ์ เมื่อเจ้าศุขวงศ์ทราบข่าว เขายินดีมาก ทั้งสองเฝ้ารอคอยการถือกำเนิดของทารกน้อย ในคืนที่ทารกในครรภ์ดิ้นเป็นครั้งแรก แม้นเมืองฝันว่าเธอกำลังถูกตามล่าเอาชีวิตตามคำสาบาน แต่เธอขอต่อรองประวิงเวลาไว้ก่อนเจ้านางปัทมสุดาเดินทางไปถือศีลที่วัดตามคำทำนายว่าจะสามารถทำให้เมืองมัณฑ์พ้นจากเงื้อมมือของอังกฤษได้ มิ่งหล้าได้โอกาสทำตามแผน เธอใช้ทองที่นำติดตัวมาจากเชียงเงินติดสินบน นางมิ่น ข้าหลวงคนหนึ่งของเจ้านางปัทมสุดาให้ช่วยเหลือเธอด้วยการร่วมกันโกหกว่าเธอป่วยจนไม่สามารถเข้าถวายตัวต่อกษัตริย์ได้ แผนของมิ่งหล้าถูกวางขึ้นเพื่อทำให้เธอมั่นใจว่าทารกในครรภ์ของเธอปลอดภัย นางมิ่นเห็นแก่อนาคตที่มิ่งหล้าเอามาล่อจึงรับปาก แต่โชคร้ายที่แผนการนี้ถูกเจ้านางปัทมสุดาจับได้ เธอสั่งให้ประหารชีวิตนางมิ่นต่อหน้ามิ่งหล้าอย่างเหี้ยมโหด หลังจากนั้น เจ้านางปัทมสุดาให้สั่งทำแท้งมิ่งหล้าและนำไปขังเดี่ยวในเรือนมิดมิดและอับทึบท้ายวัง และออกข่าวว่านางมิ่นปล้นทองของมิ่งหล้าจึงถูกจับประหารชีวิต ส่วนตัวมิ่งหล้าเองก็ได้รับบาดเจ็บจึงต้องแยกตัวไปให้หมอหลวงรักษา บรรดานางกำนัลที่ติดตามมิ่งหล้ามาจากเชียงเงินไม่มีใครทราบความจริง ทุกคนต่างพากันหวาดกลัวเพราะมีสามคนที่พยายามส่งข่าวกลับไปเชียงเงินถูกสั่งฆ่าปิดปาก ฟองจันทร์เป็นคนเดียวที่แอบเล็ดลอดเข้าไปพบมิ่งหล้าในสภาพบอบช้ำเจียนตายได้เป็นผลสำเร็จ ฟองจันทร์ตัดสินใจช่วยเหลือมิ่งหล้าจึงคิดจะแอบหนีไปขอความช่วยเหลือจากสยามเจ้าศุขวงศ์เดินทางไปเชียงใหม่เพื่อจัดการไต่สวนการวิวาทระหว่างคนงานที่ปางไม้ของเขากับคนงานกะเหรี่ยงที่จ้างมาทำงาน ด้วยเหตุที่พวกกะเหรี่ยงเป็นคนในบังคับของอังกฤษ ศุขวงศ์จึงเห็นเป็นโอกาสดีที่จะใช้การเดินทางไปไกล่เกลี่ยการวิวาทที่เชียงใหม่เป็นเครื่องแสดงออกให้สยามเห็นว่าอาณาจักรของเขาจงรักภักดีต่อสยาม เมื่อมาถึงเชียงใหม่ ศุขวงศ์ได้พบกับ เจ้าคุณศรีวิศัลย์ ข้าราชการสูงวัยชาวสยามที่เขาคุ้นเคย เจ้าคุณศรีวิศัลย์ตกใจที่พบศุขวงศ์เพราะเขาเพิ่งส่งจดหมายลับไปถึงศุขวงศ์เพื่อแจ้งข่าวการสะสมอาวุธของเชียงเงินที่วัดสบบุญ วัดชายป่าเพื่อก่อการกบฏ เจ้าคุณศรีวิศัลย์วางแผนจะส่งคนไปที่ปางไม้ของศุขวงศ์เพื่อลอบเข้าไปขนย้ายถ่ายเทอาวุธของเชียงเงิน เป็นการตัดแขนตัดขาให้เชียงเงินไม่สามารถทำการใหญ่ได้ นอกจากนี้ สยามยังได้วางแผนส่ง เจ้าผาคำ และ บุญสูง ญาติชาวล้านนาของศุขวงศ์ขึ้นไปที่เชียงเงินเพื่อหาโอกาสที่เหมาะสมให้เจ้าผาคำแสดงตัวเป็นเจ้าอุปราชที่ได้รับการแต่งตั้งจากสยาม มีศักดิ์เทียบเท่าเจ้าหน่อเมือง และให้บุญสูงแสดงตนเป็นข้าหลวงที่ได้รับการแต่งตั้งจากบางกอกด้วย ในท้ายที่สุด เจ้าคุณศรีวิศัลย์แสดงความมั่นใจว่าสยามไว้ใจศุขวงศ์มากแม้ว่าเขาจะแต่งงานกับแม้นเมือง ธิดาเจ้าหลวงเชียงเงินก็ตาม เจ้าคุณศรีวิศัลย์ยังชมเชยศุขวงศ์ที่ได้เลือกวิธีชาญฉลาดในการปล่อยข่าวให้สยามทราบเรื่องที่เชียงเงินส่งมิ่งหล้าไปเมืองมัณฑ์ แทนที่จะรายงานตรงๆ เจ้าคุณศรีวิศัลย์ยังได้คาดการว่าเมืองมัณฑ์น่าจะตกเป็นของอังกฤษในเวลาไม่เกินสองเดือน และเมื่อถึงเวลานั้น เชียงเงินน่าจะฉวยโอกาสประกาศตนเป็นรัฐอิสระ ส่วนอังกฤษน่าจะหนุนหลังเชียงเงินให้แยกตัวจากสยามเพื่อจะฉวยโอกาสกลืนเชียงเงินได้โดยง่ายในภายหลัง ศุขวงศ์จึงต้องรีบออกเดินทางกลับไปเชียงเงินเพื่อดักเอาจดหมายลับเพราะเกรงว่าจะตกไปอยู่ในมือศัตรูฟองจันทร์ลอบหนีออกจากคุ้มหลวงไปขอความช่วยเหลือจาก มิสซิสมัวรีน ภรรยากงสุลอังกฤษซึ่งตอบแทนบุญคุณที่ฟองจันทร์เคยช่วยเหลือเธอไว้ด้วยการส่งให้ฟองจันทร์เดินทางออกไปกับขบวนพ่อค้า ขณะที่กำลังออกจากเมืองมัณฑ์ ฟองจันทร์ได้สวนทางกับแบร็กกิ้นที่ปลอมแปลงตัวลอบเข้าไปในเมือง ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจมาก ในระหว่างการเดินทาง ฟองจันทร์ยังได้พบกับศุขวงศ์ซึ่งกำลังรีบร้อนเดินทางกลับบ้านโดยบังเอิญ ทว่าฟองจันทร์ไม่อาจแสดงตัวให้ศุขวงศ์รู้ได้เจ้าศุขวงศ์สามารถรีบเร่งเดินทางมาเอาจดหมายลับได้กลางทาง เขาจึงกลับไปถึงบ้านก่อนกำหนด ศุขวงศ์รีบร้อนไปพบเแม้นเมืองด้วยความคิดถึง ทว่าเขากลับพบว่าหน่อเมืองลักลอบเข้ามาพบแม้นเมืองในคุ้ม ศุขวงศ์แอบฟังทั้งสองคุยกันจึงได้ทราบว่าหน่อเมืองตั้งใจมารับน้องสาวกลับบ้านทันทีที่เชียงเงินประกาศตัวเป็นรัฐอิสระ หน่อเมืองแสดงความมั่นใจว่าเขารู้ใจแม้นเมืองที่จำยอมอยู่กับศุขวงศ์เพราะหน้าที่ เแม้นเมืองอึดอัดเพราะจิตใจของเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่เธอไม่สามารถบอกพี่ชายได้ ศุขวงศ์ผลุนผลันจากไปเมื่อได้ยินเแม้นเมืองตอบรับที่จะกลับไปเชียงเงิน เป็นที่น่าเสียดายว่าความใจร้อนทำให้ศุขวงศ์ไม่ทันฟังคำพูดของแม้นเมืองจนจบว่าเธอเชื่อว่าเมื่อเชียงเงินเป็นอิสระ คงไม่มีใครที่นี่ต้องการตัวเธออีกต่อไป ก่อนจากกัน หน่อเมืองยังแจ้งข่าวแก่น้องสาวว่ามิ่งหล้าส่งข่าวมาจากเมืองมัณฑ์ว่าสุขสบายดีคืนนั้น เจ้าศุขวงศ์กลับขึ้นเรือน เจ้าแม้นเมืองแสดงความดีใจ ทว่ายังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้สนทนากัน คำแก้วก็มารายงานว่าฟองจันทร์มาขอเข้าพบ ฟองจันทร์เข้ามาเล่าเรื่องเจ้ามิ่งหล้าและขอให้ศุขวงศ์ออกไปช่วยเพราะทุกคนรู้ดีว่าด้วยเกมการเมือง เชียงเงินย่อมไม่อาจออกหน้าช่วยเหลือมิ่งหล้าได้ ศุขวงศ์ถามแม้นเมืองว่าเธอต้องการให้เขาไปช่วยมิ่งหล้าหรือไม่ แม้นเมืองต้องต่อสู้กับใจของเธ
นาคี 2559

นาคี (2559/2016) โขงเจียม อุบลราชธานี พ.ศ. 2480 นายเคนสามีของคำปองจับได้งูลักษณะประหลาดเป็นสีขาวตลอดตัวขนาดใหญ่กว่าแขนยาวประมาณวาเศษบนหัวมีหงอนเหมือนหงอนพญานาค ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นงูเจ้าแม่ที่เรียกกันว่า “นาคี” เขานำไปขายให้กับฝรั่งนักค้างู จอห์น วินสัน ด้วยราคาสูงลิ่ว คำปองซึ่งท้องแปดเดือนมีความเชื่อเช่นเดียวกับชายบ้านอีกหลายคนว่างูเจ้าแม่นี้หากไปหลบหลู่ดูหมิ่นจะต้องประสบกับความพินาศฉิบหาย นางพยายามห้ามปรามสามีแต่สายไปเสียแล้ว กลุ่มของจอห์น วินสัน ประกอบด้วยผู้ช่วยชาวไทยอีกสองคนคือ นายกอ และ นายบุญส่ง นายบุญส่งนั้นร้องด่าหลบหลู่งูขาวที่จับมาได้และท้าทายว่าหากเป็นงูเจ้าแม่จริงก็ให้สำแดงฤทธิ์เดช ฉับพลันนั้นเองขณะที่เปิดกรงเพื่อนำงูที่จับได้บรรทุกขึ้นเกวียน ปรากฏอาเพศบนท้องฟ้าเกิดสุริยคราสพายุอื้ออึงฟ้ามืดครึ้มเกิดลมพายุรุนแรงจนหมู่บ้านถล่ม นายเคนถูกกระท่อมทับตายคาที่ บุญส่งถูกไม้ทับขาข้างหนึ่งจนแหลกเหลว นายกอนั้นหนีไปได้ แต่จอห์น วินสัน ถูกงูเผือกฉกตาย ส่วนคำปองนั้นเกิดเจ็บท้องคลอดกะทันหันเด็กทารกหญิงที่คลอดออกมาสิ้นชีวิต แต่ก่อนที่คำปองจะหมดสติไปนางบังเกิดเห็นภาพงูใหญ่เลื้อยแทรกกลืนหายเข้าตัวเด็ก และลูกของนางก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

คำปองตั้งชื่อบุตรสาวว่าคำแก้วย้ายจากโขงเจียมไปอยู่ดอนไม้ป่าครองตัวเป็นแม่ม่าย เด็กหญิงคำแก้วในวัยเรียนชั้นประถมศึกษามีลักษณะต่างจากเด็กทั่วไปบางครั้งขอบเดินเที่ยวในป่าคนเดียวหรือมักนั่งเงียบครุ่นคิดที่น่าประหลาดคือมักปรากฏอสรพิษอยู่ใกล้เด็กหญิงเสมอแต่ไม่เคยทำร้าย คำปองซึ่งยังเป็นสาวงามแม้จะตกพุ่มม่ายมีนายหวานพ่อม่ายลูกติดมาชอบพอแต่นางปฏิเสธไปด้วยใจยังไม่ลืมสามีและด้วยความรักที่มีต่อบุตรสาวคำแก้วมักหายตัวไปบริเวณปราสาทหินร้างท้ายหมู่บ้าน เด็กหญิงยังบอกอีกว่าสามารถพูดคุยกับงูได้และพวกมันเชื่อฟังเธอ คำปองเชื่อว่าเด็กหญิงคิดเอาเองตามประสาเด็ก คำแก้วเล่าให้แม่ฟังอีกว่าเธอชอบปราสาทหินร้างแห่งนั้นรู้จักคุ้นเคยราวกับเคยอยู่ที่นั่นมาก่อน20 ปีผ่านไป... พ.ศ. 2500คณะอาจารย์และนักศึกษาโดยการนำของอาจารย์ทัศนัยได้ลงพื้นที่ขุดค้นโบราณวัตถุ ในจำนวนนี้มี ทศพล นักศึกษาปีสุดท้ายของคณะโบราณคดีรวมอยู่ด้วย เขาเป็นคนรูปงามและหลงใหลในวัตถุโบราณเป็นอย่างมาก ทศพลขุดพบรูปปั้นประหลาดเป็นหินสลักสีขาวอมชมพูรูปหญิงสาวเปลือยท่านอนบิดตัว ช่วงล่างตั้งแต่สะโพกลงไปเป็นหางงูส่วนบนของหน้าผากที่จรดกับศีรษะมีหงอน ซึ่งอาจารย์ทัศนัยอธิบายว่านั่นคือสัญลักษณ์ของนาคีหรือพญานาค ทศพลหลงใหลในความงามของรูปปั้นจนเก็บไปเพ้อถึงทำให้พิมพ์พรที่แอบชอบเขาอยู่ไม่พอใจตั้งแต่ขุดพบรูปปั้นประหลาดมีเรื่องราวแปลกๆเกิดขึ้นกับคณะทำงาน เริ่มตั้งแต่ทศพลพบเด็กสาวสวยสวมชุดแพรเยื่อไม้สีกลีบบัว แต่เมื่อเขาติดตามไปหล่อนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในเวลาเดียวกันคำแก้วซึ่งเติบโตเป็นสาวสวยของบ้านดอนไม้ป่าเกิดฝันประหลาดว่าได้พบชายหนุ่มรูปงามเขาและพวกกำลังขุดหาวัตถุโบราณอยู่ ทศพลและเพื่อน ๆ คือ วันชนะ ประกิต เชษฐ์ สมมาตร รวมถึง พิมพ์พร รัตนาวดี ไม่ได้การต้อนรับจากกำนันแย้ม เพราะกำนันแย้ม ไม่ต้องการให้คนต่างถิ่นเข้ามายุ่มย่ามในหมู่บ้าน รวมถึงการขุดค้นที่เทวาลัย จึงขับไล่ทุกคน ไม่ให้นอนค้างที่หมู่บ้าน สุดท้ายทัศนัย จึงพาเด็ก ๆ ไปอาศัยอยู่ที่บ้านของคำปอง และที่นั่นเอง ทศพลก็ได้พบกับคำแก้ว และเริ่มชอบคำแก้วในที่สุดพิมพ์พรเดินตลาดของบ้านดอนไม้ป่าได้พบกับคำแก้วที่เก็บดอกไม้ป่าหลากชนิดมาขาย เธอไม่ชอบหน้าคำแก้วแต่แรกเห็นเพราะสวยจัดทั้งยังฉลาดรู้จักยอกย้อนต่อปากต่อคำต่างกับหญิงชาวบ้านทั่วไป พิมพ์พรเห็นรูปปั้นนาคี พิมพ์พรถึงกับประหลาดใจเมื่อพบว่าใบหน้าของรูปปั้นนั้นเหมือนเด็กสาวชาวป่าที่เธอเพิ่งได้พบแทบไม่ผิดเพี้ยน หมออ่วมทำนายกับกำนันแย้มว่าอีกเจ็ดวันจะเกิดสุริยคราสทำความวิตกให้กับเขามากเนื่องจากทุกครั้งที่เกิดปรากฏการณ์นี้จะต้องมีคนถูกฝูงงูกัดกินจนตายทุกครั้ง หมออ่วมบอกว่านี่เป็นอิทธิฤทธิ์ของเจ้าแม่นาคี เขาทำนายพิมพ์พรว่ากำลังมีเคราะห์หนักจนอาจถึงสิ้นชีวิตภายในเจ็ดวัน พิมพ์พรและรัตนาวดีได้พบกับคำแก้วที่ตลาดอีกครั้ง รัตนาวดีเริ่มเอะใจเธอจำได้ว่าคำแก้วมีใบหน้าคล้ายกับรูปปั้นนาคีทีทศพลขุดได้พิมพ์พรขอให้เธอเก็บไว้เป็นความลับหมออ่วม ฉุกใจคิดว่าเจ้าแม่นาทีที่แสดงอิทธิฤทธิ์ฆ่าคนจะเกี่ยวข้องกับคำแก้วเด็กสาวที่เกิดในวันสุริยคราสที่อำเภอโขงเจียมและเป็นวันเดียวกับที่เจ้าแม่อาละวาดเมื่อหลายปีก่อน นายอ่วมต้องการกำจัดเจ้าแม่นาคีแต่กำลังสืบหาที่อยู่และหาของขลังมาปราบ ส่วนลำเจียก ลูกสาวนายกอ ก็ตกหลุมรักทศพล ด้วยรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลา ยิ่งเมื่อเห็นทศพลชอบอยู่ใกล้ชิดกับคำแก้ว ก็ยิ่งไม่พอใจ ลำเจียกหาทางกลั่นแกล้งคำแก้วอยู่เสมอ โดยมีซ่อนกลิ่นกับชบาคอยเป็นมือขวาให้ลำเจียกทศพลพบภาพประหลาดเป็นปราสาทราชวังตะการตาและหญิงสาวสวมมงกุฏงูคนเดิมเช่นเดียวกับคำแก้วที่ฝันถึงทศพล พิมพ์พรเห็นภาพประหลาดเป็นงูเผือกยักษ์กำลังโอบรัดทศพลอยู่เธอกังวลและหวาดกลัวจนต้องเล่าให้ทศพลฟังว่างูใหญ่บางตัวมีฤทธิ์แปลงเป็นคนได้จากคำบอกเล่าของบิดา นั่นก็คือนายบุญส่งที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์อาเพศเจ้าแม่นาคีเหมือนหลายปีก่อนนั่นเองหมออ่วมลอบนำว่านพญาลิ้นงูที่ได้จากสัปเหร่อคงไปฝังไว้ที่ใต้ถุนเรือนคำปอง เพื่อทดสอบว่าคำแก้วคือร่างแปลงของนาคี จนคำแก้วร้อนรนจนอยู่บนเรือนไม่ได้ต้องเสาะหาขุดว่านนั้นทำลายเสีย หมออ่วมเริ่มแน่ใจมากขึ้น ทางด้านอาจารย์ทัศนัยขุดพบซากเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์งูเต็มไปหมดนอกจากนี้เขายังสันนิษฐานว่ารูปปั้นนาคีนั้นแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่หินสลักหรือวัตถุทั่วไปแต่เป็นศพอาบน้ำยาเช่นเดียวกับมัมมี่ ของอียิปต์ที่ถูกฝังไว้เป็นเวลานานจนแปรสภาพเป็นเนื้อหินกำนันแย้มและหมออ่วมแจ้งเตือนชาวบ้านถึงวันสุริยคราสที่จะมาถึงในพรุ่งนี้ ยังบอกอีกว่าเจ้าแม่นาคีจะต้องอาละวาดฆ่าคนอีกเพราะที่ปราสาทหินร้างท้ายหมู่บ้านนั้นมีถ้ำติดต่อไปยังอำเภอโขงเจียมที่เจ้าแม่เคยปรากฏอิทธิฤทธิ์ หมออ่วมเสริมว่าเจ้าแม่นาคีนั้นมีร่างเป็นคนอาศัยปะปนอยู่กับชาวบ้านแต่เมื่อคำแก้วคาดคั้นให้บอกออกมาว่าเป็นใครเขาก็กลับอึกอักบอกว่ายังไม่มีหลักฐานแน่นหนาพอคนขับรถที่พาคณะของอ.ทัศนัย และเด็ก ๆ ถูกงูกัดตาย ทัศนัยจะเอาศพคนขับกลับไปทำพิธี แต่กำนันไม่ยอม บอกว่าถูกงูกัดตาย หากเคลื่อนย้ายศพ จะเกิดอาเพศใหญ่ ลำเจียกไปหาทศพลถึงที่บ้านคำแก้ว ขากลับ เจองูเผือกจะทำร้าย ดีที่ใส่แหวนที่พ่อให้ไว้ จึงรอดมาได้ ทศพลกับพวก มาที่บ้านสัปเหร่อคง ถามเรื่องที่ฝังศพคนรถ ทศพลจ้างให้สัปเหร่อไปขุดโลง เปิดออกมา เห็นงูกำลังกัดกินศพอย่างหน้าสะอิดสะเอียน ทุกคนแทบช็อค ส่วนรัตนาวดีก็กลัวตาย วิ่งหนีไปจากหมู่บ้าน เจอเข้ากับผี โดนทำร้ายจนสลบไป ทุกคนตกใจ รัตนาวดีหายไป ไปแจ้งกำนันแย้ม ก็ไม่รับแจ้ง บอกถ้าภายใน 3 วันไม่กลับมาคือไม่รอด ทัศนัย แบ่งเด็ก ๆ เป็น 2 กลุ่ม ออกไปตามหา คำแก้ว ช่วยเหลือรัตนาวดีมาได้ โดยพิมพ์พร และเจิดนภา พากลับมาที่บ้านพัก แต่รัตนาวดี อยู่ในอาการหวาดกลัว ยังคงไม่พูดจากับใคร สุดท้ายคำปอง จึงไปหาหมออ่วมให้มารักษา หมออ่วมเห็นแววตาคำแก้ว พร้อมกับกลิ่นสาบงู เริ่มมั่นใจ ว่าคำแก้ว จะต้องเป็นบริวารของเจ้าแม่นาคีส่วนทศพล วันชนะ และประกิต ต้องค้างที่เทวาลัย เนื่องจากฝนตกหนัก ทำให้ทศพล ค้นพบ ถ้ำใต้เทวาลัย และได้พบกับร่างทิพย์ของเจ้าแม่นาคี ที่มีหน้าตาเหมือนกับคำแก้วอย่างไม่มีผิดเพื้ยน หลังจากออกจากถ้ำ ทศพล จึงบอกกับทัศนัย และจะพาทีมนักศึกษา เข้าไปสำรวจถ้ำต่อไป และได้พบกับวัตถุโบราณจำนวนมากลำเจียก ขะมักเขม้น ซ้อมรำถวายเจ้าแม่ ตอนแรก คำแก้ว จะไม่ยอมรำถวาย ทำให้กำนันไม่พอใจ แต่สุดท้ายคำปองเกลี้ยกล่อม ให้ทำเพื่อเจ้าแม่นาคี เพราะเคยสัญญาไว้ตั้งแต่ตอนท้องคำแก้ว ว่าหากคำแก้วปลอดภัยดี จะยกคำแก้วให้กับเจ้าแม่นาคี สุดท้ายคำแก้วจึงยอมรำถวายให้ ชาวบ้านดอนไม้ป่าเชื่อว่า เมื่อเกิดสุริยุปราคา มนุษย์ต้องสังเวยชีวิตเพื่อให้พญานาคคายดวงอาทิตย์ออกมา และเมื่อถึงวันบวงสรวง ชาวบ้านต่างมากันพร้อมหน้าที่หน้าเทวาลัย คำแก้วก็มารำถวายด้วย คำแก้วเริ่มรำไปได้ไม่นาน เธอก็เริ่มเลื้อยเหมือนงู ผิวหนังเริ่มเป็นเกล็ด ลำเจียกหันมาเห็น ร้องตกใจใหญ่ ทำให้พิธีต้องหยุดกะทันหัน คำแก้ววิ่งไปที่เทวาลัย ในขณะที่ทศพล และอาจารย์ รวมทั้งเพื่อน ๆ ต้องรีบหนีออกมาจากเทวาลัย ทศพลหยิบโบราณวัตถุออกมา ทำให้วัชระปราการ ฉัตรสุดา เลื่อมประภัส ซึ่งเป็นบริวารเจ้าแม่นาคี หลุดออกจากคำสาป กลายร่างเป็นคนทศพลสงสารคำแก้ว ที่ถูกชาวบ้านใส่ร้ายว่าเป็นเจ้าแม่นาคี จึงชวนไปอยู่กรุงเทพฯด้วยกัน ลำเจียกมาพบพอดีไม่พอใจ เธอไม่กลัวคำแก้ว เพราะใส่แหวนพิรอดของกอมาด้วย ลำเจียกวางแผนร่วมมือกับเลื่อง จะเอาคำแก้ว มาเป็นเมียเลื่องให้ได้ ทศพล เริ่มอ่านเรื่องราวจากศิลา พบชื่อ เมืองมรุกขนครและกษัตริย์ที่ปกครองเมืองนี้ก็คือพระเจ้านิรุทธราช!คำแก้วถูกลำเจียกหลอกมาที่กระท่อม ให้เลื่องปล้ำ คำแก้วตกใจ กลายร่างเป็นงูเผือก เลื่องเห็นแทบช็อค คำแก้วหมดสติไป แล้วเลื่องก็ถูกงูฉกตาย เดี่ยวกับทัพเข้ามาเจอ ถูกฉกตายไปด้วยทั้งคู่ ลำเจียกรีบวิ่งหนีไป กำนันแย้มแค้นใจมาก ลำเจียกบอกคำแก้วเป็นคนฆ่า ชาวบ้านแห่กันมาจะเอาเรื่องคำแก้ว แต่ลำเจียกไม่กล้าพูดมากนัก เพราะกลัวเรื่องจะแดงขึ้นมา ว่าตนเอง เป็นคนวางแผนให้เลื่องฉุดคำแก้วไปกำนันแย้ม ร่วมมือกับหมออ่วม ทำพิธี กำจัดเจ้าแม่นาคี ใช้แหวนพิรอด พันกับสายสิญจน์ ผูกไว้ และเผาหุ่นเจ้าแม่นาคี คำแก้ว ซึ่งกำลังขายดอกไม้ เริ่มร้อน ทุรุนทุราย ทนไม่ไหว ทศพลเห็นหมออ่วมทำพิธี รีบวิ่งไปหาคำแก้ว ถึงแม้จะถูกลูกน้องกำนันแย้มทำร้ายก็ตาม ส่วนลำเจียกเองก็กลัว ที่ต้องถอดแหวนพิรอดออกจากนิ้ว ที่กอให้ไว้ เพราะกลัวจะถูกเจ้าแม่นาคีทำร้าย ร่างทิพย์เจ้าแม่นาคีพุ่งวูบออกมาจากร่างคำแก้ว เจ้าแม่นาคีทำพิธีเรียกฝน กางแขนออก ปากขมุบขมิบสาธยายร่ายคาถาเรียกฝนมาสู้กับพิธีของหมออ่วม พายุฝนตกอย่างแรง ฟ้าฝ่าจนสายสิญจน์ขาด ไฟที่หุ่นฟางดับลง พิธีหยุดลงกะทันหัน ทุกคนวิ่งหลบฝน คำแก้วสลบอยู่ในอ้อมกอดทศพล แล้วทศพล ก็อุ้มเข้าเทวาลัยไป จนคำแก้วฟื้น ทศพลจึงให้คำแก้วขี่หลังกลับไปที่บ้านลำเจียกแต่งตัวเลียนแบบเจ้าแม่นาคี มาปล้ำทศพลถึงที่พัก แถมร้องโวยวายว่าถูกปล้ำ ทั้ง ทัศนัย พร้อมด้วยลูกศิษย์ ต่างตกใจ แต่คำแก้วบอก ว่าลำเจียกต่างหากที่มาปล้ำทศพลถึงที่พัก ทำให้ทศพล รอดพ้นจากลำเจียกไปได้ ลำเจียกแค้นใจคำแก้วมาก รุ่งเช้า ทศพล สารภาพรักกับคำแก้ว คำแก้วอดดีใจไม่ได้ แต่ทำทีปฎิเสธ จนทศพลเสียใจหมออ่วม กำนันแย้ม ลำเจียก มาที่กระท่อมทศพล ใช้แหวนพิรอด ส่องทาง ไม่ให้เจ้าแม่นาคีบังตา จนพบกับ เทวรูปเจ้าแม่นาคี กำนันแย้มและพวก จึงไปจับตัว ทศพลและเพื่อน ๆ เอาไว้ คำแก้วรีบตามไปดู ถูกชาวบ้านเอาหินปาใส่ หาว่าคำแก้วเป็นงู ทศพลเข้าช่วย บอกกับกำนันแย้มและทุกคน ว่าจะไปพิสูจน์เรื่องเจ้าแม่นาคีที่เทวาลัย เพราะไม่ว่าใครจะไปที่นั่น ก็ไม่รอดกลับมา แต่หากเขารอดกลับมาได้ ต้องยอมปล่อยตัวทุกคน และไม่ต่อว่าคำแก้วอีก คำแก้วเป็นห่วงทศพล อยากตามไปช่วยทัศนัย เข้าไปที่เทวาลัยพบศิลาจารึก พร้อมลวดลายอักขระ บนศิลา คือ มนต์อาลัมพายน์! เป็นวิชาสะกดจิตอย่างหนึ่งที่ใช้สะกดจิตพวกนาค ทัศนัยมัวแต่สนใจ อ่านอักขระ ไม่ทันมอง ว่า - เงางูใหญ่ทาบทับลงไปบนแผ่นศิลา ทำให้ทัศนัยรู้สึกตัว พอหันหลังกลับไปมองก็เห็นดวงตาเรืองๆ ของงูใหญ่วัชระปราการมองมาอย่างมุ่งร้าย สุดท้ายทัศนัยก็หมดสติไปทศพลเริ่มหนาวเพราะอากาศในถ้ำ เขาเห็นเงาทัศนัย เดินตามไป ส่วนงูเขียว พาคำแก้ว เข้ามาที่ถ้ำจนได้ เจ้ามานาคีเข้าสิงห์ร่างคำแก้ว แล้วก็มาพบกับทศพล ทศพลดีใจมากที่ได้เจอคำแก้ว โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าแม่นาคี เจ้าแม่พาทศพล มายังสระน้ำสีมรกต น้ำใส เป็นประกายระยิบระยับ สระแห่งนี้เป็นเส้นทางเชื่อมไปได้หลายแห่ง เป็นรอยต่อระหว่างโลกมนุษย์กับวังบาดาลเมืองของพวกพญานาค เจ้าแม่เล่าเรื่องอดีตให้ทศพลฟัง และบอกว่าตนเองรออยู่ จนไชยสิงห์ มาเกิดเป็นทศพล คำแก้ว ก็คือเจ้าแม่นาคีนั่นเอง รุ่งเช้า ทศพลหลับอยู่กับคำแก้ว คำแก้วตื่นมาตกใจ จำอะไรไม่ได้ คำแก้วกลับบ้านไปแบบงุนงง ไม่แน่ใจว่าตนเองเป็นของทศพลหรือเปล่ากำนันแย้ม หมออ่วม กอ สั่งลูกน้อง ทั้งทุบ ทั้งเผา รูปเจ้าแม่นาคี แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายเอาล่องแพ ไปเผาที่วัด คำแก้ว ทศพล และเพื่อน ๆ ช่วยกันออกตามหาเทวรูป แพของกำนันแตก ลูกสมุน ถูกน้ำวน ดูดจมหายไป เทวรูปก็จมไปด้วย ทศพลเสียดายมาก แต่คำแก้วบอกว่ามันอยู่ในที่เหมาะสมแล้ว คือในน้ำนั่นเอง ลำเจียกบอกกับทุกคนว่าคำแก้ว กับทศพล ผิดผีกันแล้ว คำปองเสียใจ แต่ทศพล กลับบอกว่า เป็นผัวเมียกันแล้ว ทศพลขอรับผิดชอบ สุดท้ายคำแก้วกับทศพลจึงได้แต่งงานกันในที่สุด ซึ่งลึก ๆ แล้วคำปองก็ดีใจที่คำแก้วจะมีทศพลมาคอยปกป้องหมออ่วม จะปราบนาคี โดยใช้ครุฑ คำปองมาได้ยิน แต่ถูกคนของกำนันจับตัวไว้ เลื่อมประพัตร ฉัตรสุดา ไปบอกคำแก้ว คำแก้วรีบไปช่วยแม่ แต่ถูกจับตัวเอาไว้ ฉัตรสุดาจึงกลายร่างเป็นคน ไปบอกให้ทศพลมาช่วยคำแก้ว ทศพลถุกซ้อมจนสลบไป คำแก้ว กลายร่างเป็นงู ฉกสมุนกำนันแย้ม ฉกจนสมุนตายเรียบ บุญส่ง กำนันแย้ม หมออ่วม กอวิ่งหนีงูเจ้าแม่นาคี นาคีจะฆ่าบุญส่ง แต่คำปองห้ามไว้ วัชระปราการมาช่วยนาคี สกัดพวก กำนันแย้ม หมออ่วมไว้ คำแก้วกลายร่างกลับเป็นคนร้องไห้เสียใจ ไม่อยากเป็นงู คำปองกอดลูกไว้ บอกว่าต้องมีวิธีแก้อาถรรพ์ให้ได้ ดร.สุภัทรมาที่หมู่บ้าน และได้รู้ว่าทศพลแต่งงานกับคำแก้วแล้วทศพลทำสัญลักษณ์ของนาคีบนหน้าผากรูปปั้นหลุดออกมาเขาจึงเก็บไว้กับตัวตั้งใจว่าจะเก็บไว้ติดให้เหมือนเดิม นายบุญส่งตามมาที่หมู่บ้าน และดีใจมากที่พิมพ์พร ลูกสาวของเขาปลอดภัย เขาได้พบกับคำแก้วทำให้คำแก้วจำได้ว่าเคยเป็นงูเผือกถูกจับมาขาย และนายบุญส่งได้ร้องท้าทายจนเธอโกรธจัดและอาละวาดฆ่าคน คำแก้วเกินนิมิตหยั่งรู้ว่าหากเมื่อใดที่เธอมีความโกรธหรือระลึกชาติได้ครบถ้วนเธอจะกลายร่างเป็นงูมีเพียงสถานที่เดียวคือต้องขึ้นไปบนปราสาทหินเพื่อระลึกชาติจึงจะไม่กลายร่าง คำแก้วเห็นอดีตชาติของตนเองตำบลหนองไทรในอดีตคือมรุกขนครปกครองโดยพระเจ้านิรุทธราชซึ่งมีรูปร่างหน้าตาเป็นพิมพ์เดียวกับบุญส่ง ทิศเหนือของนครมีสระน้ำกว้างใหญ่ใสสะอาดให้ชาวเมืองได้อาบกินทำการประมงที่ก้นสระนั้นเป็นที่อาศัยของนางพญานาค ขณะนั้นเจ้าชายแสนเมืองหรือทศพลในชาตินี้ได้เป็นเชลยที่ถูกจับมาจากประเทศราช นางนาคีแปลงร่างเป็นสาวสวยพบรักและสมสู่อยู่กินกับเจ้าชาย แต่ในยามหลับนางกลับคืนร่างเป็นงูเผือกยักษ์หงอนสีแดงทำให้เจ้าชายรังเกียจนางจึงหนีกลับลงบาดาลไป เมื่อเจ้าชายแสนเมืองระลึกได้ถึงความรักที่มีต่อกันจึงไปเรียกหาที่สระ แต่นางนาคีซึ่งบำเพ็ญเพียรอยู่ก้นสระไม่ยอมใจอ่อนอีกต่อมาพระเจ้านิรุทธราชจับปลาไหลเผือกได้นำมาเชือดเนื้อกินกันในหมู่บริวารซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ที่คิดปองร้ายนางในชาตินี้ได้แก่หมออ่วม นายกอ กำนันแย้ม เชษฐ์ เคน รวมถึงผู้คนที่ถูกนางพญานาคีกัดตายในวันสุริยคราสนั่นเอง สนมสองนางของพระเจ้านิรุทธราชก็คือพิมพ์พรและลำเจียกทุกคนล้วนกินเนื้อของนาง ยกเว้นไว้แต่นางกำนัลคำปองที่สงสารปลาไหลไม่ยอมกิน เนื้อของปลาไหลประหลาดนั้นยิ่งหั่นแจกก็กลับยิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้นจนต้องนำไปแจกชาวประชาให้ได้กินกันทั้งเมือง ตกค่ำคืนนั้นลมพัดแรงนางกำนัลคำปองได้ยินเสียงกระซิบให้หนีออกจากเมืองเสียก่อนที่จะเกิดหายนะครั้งใหญ่นางทำตามคำบอก คืนนั้นเองเจ้าแม่สำแดงอิทธิฤทธิ์บันดาลให้ฝนตกกระหน่ำแผ่นดินไหวน้ำท่วมมรุกขนครถล่มทลาย ด้วยกรรมหนักที่ได้ก่อนางจึงถูกฟ้าดินสาปให้กลายเป็นหินครึ่งหนึ่งเป็นคนแสดงถึงความดีงามครึ่งหนึ่งเป็นงูหมายถึงความชั่วร้าย ส่วนจิตวิญญาณเร่ร่อนเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด เป็นงูบ้างคนบ้างจนกระทั่งสิ้นเวร หลังจากนั้นนับศตวรรษนางพญาเกิดเป็นงูเผือกที่โขงเจียมบำเพ็ญเพียรแต่กลับถูกจับมาขายฝรั่ง คำปองคลอดลูกตาย เจ้าแม่นาคีจึงกลั้นใจตายแทรกวิญญาณทับร่างด็กเติบโตเป็นคำแก้วนั่นเอง ทุกครั้งที่มีการตายโดยงูกัดในวัน สุริยคราสหรือวันอื่นๆ คำแก้วจะไม่รู้สึกตัวรับรู้แต่เพียงฝันร้ายว่าฆ่าคนตายเท่านั้นบุญส่ง นายกอ กำนันแย้ม และหมออ่วมเดินทางไปตำบลหนองไทรเพื่อหาของขลังมาปราบเจ้าแม่นาคี ต่อมานำรูปปั้นพญาครุฑเพื่อกำจัดคำแก้วอีกครั้งโดยจับตัวคำปองมาเป็นเหยื่อล่อ ด้านลำเจียกให้หมออ่วมทำเสน่ห์จนทศพลหลงใหลทิ้งคำแก้วไปยังตำบลนาคหนีซึ่งเจ้าแม่นาคีไม่สามารถไปได้ เนื่องจากที่ตำบลนี้มีตำนานเล่าว่านางนาคตนหนึ่งแปลงกายมายั่วพระธุดงค์ให้ตบะแตกท่านจึงสาปให้นาคใดๆไม่สามารถเข้าเขตได้คำแก้วตามหาทศพลไปถึงตำบลนาคหนีแต่ทศพลถูกเสน่ห์ของลำเจียก ไม่ยอมกลับ แถมยังสู้ลำเจียกไม่ได้เพราะไม่มีอิทธิฤทธิ์ใดๆเกือบถูกฆ่าตายด้วยการผลักให้จมน้ำ กลับกลายเป็นว่าเมื่อลงน้ำคำแก้วมีกำลังมากขึ้นหนีจากลำเจียกที่มุ่งร้ายมาได้ เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอพบว่าคำปองถูกคนจับไปเสียอีก คำปองนั้นอันที่จริงรอดพ้นจากน้ำมือของพวกนายกอมาได้ ด้วยบริวารของเจ้าแม่คอยคุ้มกัน ไล่ต้อนคำปองขึ้นไปกักขังไว้ในปราสาทหินจนพวกของนายกอหาไม่เจอลำเจียกอยู่ที่ตำบลนาคหนีได้พบเมืองอินทร์หมอผีอายุสามสิบเศษที่มีวิชาแก่กล้า หล่อนทอดตัวเป็นเมียเพื่อให้เขาช่วยกำจัดนางพญานาคี เมืองอินทร์จึงเดินทางมาพร้อมกับลำเจียกที่บ้านดอนไม้ป่า ทศพลจึงเริ่มคืนสติและกลับมาหาคำแก้ว และแหวนหลวงปู่มั่นนั้นจะไม่คุ้มครองลำเจียกอีกเนื่องจากหล่อนทำเสน่ห์เล่ห์กลซึ่งเป็นของต่ำ ทั้งยังคิดร้ายฆ่าเมียหลวงชิงผัวเขามา คำแก้วระลึกชาติได้อีกเมืองอินทร์ในอดีตชาติคือเจ้าอินทร์ผู้ซึ่งร่ายคาถาจับปลาไหลเผือกนำมาถวายพระเจ้าอนิรุทธราช คำอ้ายหรือลำเจียกในชาตินี้แอบมองเจ้าอินทร์จากหลังม่านทำตาเจ้าชู้ เจ้าอินทร์เป็นคนหนึ่งที่กินเนื้อปลาไหลเผือกจึงต้องโทษสิ้นชีพไปเช่นกัน ลำเจียกเกิดโมโหเอามีดไล่ฟันคำแก้วในวันหนึ่งจึงถูกเจ้าแม่นาคีกลายร่างขึ้นฆ่าเธอตายพวกของบุญส่งหลอกทศพลว่าหากต้องการให้คำแก้วพ้นข้อกล่าวหาขอให้ทศพลนำชิ้นส่วนที่เป็นหงอนของรูปปั้นนำไปติดที่หน้าผากของคำแก้ว หากมีนางพญานาคีสิงอยู่นางจะปรากฏร่างออกมาและคำแก้วจะปลอดภัยเป็นคนธรรมดาไม่มีวิญญาณร้ายสิงสู่อีก ทศพลทำตามแท้ที่จริงแล้วการทำเช่นนั้นจะทำให้คำแก้วกลายร่างเป็นงูตลอดชีวิต คำแก้วเสียใจหนีไปยังปราสาทร้างกราบไว้พระอ้อนวอนขออยู่ในร่างคน เสียงจากพระพุทธรูปบอกเธอว่าให้ถือศีลอยู่แต่ในถ้ำนี้ห้ามออกไปไหนเด็ดขาดจนครบร้อยวันคำแก้วจะเป็นคนโดยสมบูรณ์ไม่มีวันกลายเป็นงูอีกทศพลพาคำปองหลบหนีพวกของนายบุญส่งที่ต้องการจับตัวไปล่อให้นางพญานาคีออกมา แต่ ท้ายที่สุดจึงถูกพวกของเมืองอินทร์และนายบุญส่งจับตัวได้ พวกของเมืองอินทร์จับคำปองและทศพลเผาทั้งเป็นเพื่อล่อคำแก้วออกมา คำแก้วอดทนจนถึงที่สุดแต่ก็ไม่อาจยับยั้งคนใจทรามได้ คำปองไม่อาจทนเห็นสภาพคำแก้ว ที่ถูกชาวบ้านทำร้ายได้ จึงยอมปลิดชีวิตตนเอง เพื่อช่วยเหลือลูก ทศพลรอดชีวิต คำแก้วในร่างนางพญางูออกอาละวาดฆ่าคนทั้งหมดตายไป และกลายร่างเป็นงูตลอดอายุขัย ทศพลเสียใจร้องขอให้คำแก้วอยู่กับเขาไม่ว่าจะในสภาพใดก็ตาม แต่คำแก้วไม่อาจอยู่ร่วมกับเขาได้ หนีกลับขึ้นไปยังเทวาลัย ทั้งสองต้องพลัดพรากจากกันอีกครั้ง และจากกันด้วยน้ำตา พระธุดงค์ได้ชี้ทางสว่างให้แก่ทศพลโดยให้เขาบวชเป็นพระจนสิ้นอายุขัย
เลือดมังกร หงส์ 2558

เลือดมังกร หงส์ (2558/2015)

หงส์ ลูกสาวคนเล็กของเถ้าแก่สุงเจ้าของคณะงิ้วเฟิ่งหวง คณะงิ้วเก่าแก่ของเยาวราช ได้รับการขนานนามว่าดอกโบตั๋นแห่งเยาวราช เถ้าแก่สุงเป็นที่นับหน้าถือตาของชาวจีนผู้ใช้แรงงาน ในแถบเยาวราชเนื่องจาก เป็นคนใจคอกว้างขวาง มีพี่น้องร่วมสาบานเสี่ยไช้เจ้าของธุรกิจเซียงกงย่านจักรวรรดิ และเฮียเต็ก เจ้าของร้านเครื่องเซ่นไหว้ใหญ่ที่สุดในเจริญกรุง ทั้งสามร่วมดื่มน้ำสาบานว่าเป็นพี่น้องกันที่ศาลเจ้า หรือที่รู้จักกันว่า “ไป่เม้ง” สาบานเป็นพี่น้องกันในนามของแก๊งหงส์ดำ คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันเถ้า แก่สุงมีบุตรสองคนคืออาฉาง ลูกชายคนโตซึ่งทั้งหล่อเหลา เอาการเอางาน และหัวดี เถ้าแก่สุงจึงรักใคร่เสมือนแก้วตาดวงใจ หมายมั่นปั้นมือจะให้เป็นเจ้าของคณะงิ้วเฟิ่งหวงต่อไป ส่วนอาหงส์นั้น เมื่อเกิดมาก็ทำให้มารดาตกเลือดเสียชีวิต เถ้าแก่สุงจึงเย็นชาไม่เคยเห็นหงส์อยู่ในสายตามาตั้งแต่เล็ก ทำให้หงส์รู้สึกแปลกแยก และยิ่งน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อเถ้าแก่สุงเลี้ยงลูกสาวไม่ต่างจากเด็กผู้ชายคน หนึ่งในคณะงิ้ว ซินแสง้วงทำนายดวงชะตาของอาเล้งและอาหงส์ บอกว่าดวงชะตาหงส์เป็นต้นเหตุทำให้คน 3 คนพบกับจุดจบแต่ก็จะช่วยเหลือผู้คนได้อีกมากมาย เถ้าแก่สุงตีความว่าหงส์เป็นตัวซวยเพราะเกิดมาก็เป็นสาเหตุทำให้ดวงตาภรรยา ร่วมทุกข์ร่วมสุขของเขาต้องตาย แต่เมื่อถามถึงดวงชะตาของอาเล้ง ซินแสง้วงกลับบ่ายเบี่ยง บอกแต่ว่าสุดแท้แต่ฟ้าดินบันดาล เพราะรู้ดีว่าอาฉางชะตาถึงฆาต !หงส์ถูกฝึกให้เล่นงิ้วในบทตัวพระ มาโดยตลอด ทั้งๆที่หงส์นั้นร่ายรำตัวนางได้อ่อนช้อยงดงามไม่แพ้นางเอกคณะงิ้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่หยกร่ายรำเป็นตัวนางก็จะถูกเถ้าแก่สุงลงโทษทุกครั้งเช่น ให้คุกเข่ากลางแดดหรือยืนยกถังน้ำหนักๆ จนอาฉางพี่ชายต้องคอยปลอบน้องสาวเสมอมาและอธิบายให้หงส์ฟังว่าบิดาคงมี เหตุผลบางอย่าง แม้หงส์จะเชื่ออาฉางแต่ก็ทำให้เป็นปมในใจมาโดยตลอดความงามต้องตา และความฉลาดหลักแหลมของหงส์เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจ โดยเฉพาะตี๋เล็ก ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเฮียเต็ก แต่หงส์ไม่ได้สนใจใคร ตี๋เล็กอ้อนวอนขอให้เฮียเต็กมาทาบทามสู่ขอหงส์ เฮียเต็กเห็นดีด้วยเพราะหากตี๋เล็กได้แต่งงานกับหงส์ก็เท่ากับจะได้ครอบครอง ทำเลโรงงิ้วโดยปริยาย เถ้าแก่สุงปฏิเสธไมตรีที่จะยกลูกสาวให้ถึงแม้จะเป็นพี่น้องร่วมน้ำสาบานกัน เนื่องจากตี๋เล็กเป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ มิหนำซ้ำยังนิสัยอันธพาล ผิดกับผู้เป็นบิดาที่ดูเป็นคนธรรมะธัมโมราวฟ้ากับเหว ทำให้เฮียเต็กรู้สึกเสียหน้าไม่น้อยณ งานเทศกาลประจำปีที่ศาลเจ้าพ่อเสือ หลง ปลอมตัวเข้ามาในงานด้วย เป็นพ่อค้าขายกระเพาะปลา คนรักของหลง ถูกยิงเสียชีวิต โดยมีมือคนของเสี่ยเล้ง แต่เล้งโยนความผิดว่าเป็นคนของเถ้าแก่สุง ทำให้หลงเข้าใจผิดเรื่อยมา และครั้งนี้ เขาก็ต้องการเห็นหน้าสุงอีกด้วย แล้วก็เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันของนักเลงแก๊งอื่นที่โรงงิ้ว (เป็นเหตุการณ์ร่วมกันทั้ง 5 เรื่อง) ขณะที่งิ้วกำลังแสดงตอน “เล่าปี่แตกทัพ” อยู่นั้น ได้เกิดการยิงกันสนั่นหวั่นไหวขึ้น ห่ากระสุนถูกสาดมาจากทั่วทิศจนโรงงิ้วเกิดความโกลาหล หงส์ตกอยู่ในอันตรายแต่อาฉางพี่ชายซึ่งกำลังแสดงงิ้วรับบทเป็น “เล่าปี่” ได้เอาตัวเองบังกระสุนปืนเอาไว้ เพื่อปกป้องอาหงส์น้องสาวจนเสียชีวิต เถ้าแก่สุงร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด ความหวังที่ตนวาดหวังไว้ดับวูบลงทันที กลายเป็นคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ปล่อยคณะงิ้วไปตามยถากรรม เต็กพี่น้องร่วมสาบาน หัวหน้าแก๊งไก่ฟ้า ก็อยู่ที่ศาลเจ้าด้วย เต็กเกือบโดนลูกหลง แต่หลงช่วยชีวิตเอาไว้ ทำให้เต็กชวนหลงไปอยู่ด้วยกันที่แก๊งไก่ฟ้า แรก ๆ คุณนายหลิวไม่วางใจหลงนัก ถึงขนาดพาตำรวจมาจับเมื่อพบว่าหลง แอบพกปืนไว้ในบ้าน แต่หลงก็ยังซื่อสัตย์ต่อไช้ ช่วยชีวิตไช้จากการทำร้ายของเกาไว้ได้ถึงสองครั้งสองครา ทำให้คุณนายหลิว เริ่มวางใจหลงมากขึ้นภายหลังการตายของอาฉาง เถ้าแก่สุงที่วันๆเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่หน้าป้ายบรรพชน นึกถึงคำพูดของซินแส ง้วง ที่ว่าหงส์เป็นสาเหตุที่ทำให้คนต้องพบจุดจบถึง 3 คน และอาฉางก็เป็นศพที่ 2 ดังคำทำนาย หงส์เข้ามาบอกกับเถ้าแก่สุงว่าจะเป็นตัวแทนพี่ชาย รับสืบทอดคณะงิ้วเฟิ่งหวงแทนพี่ชาย แต่เถ้าแก่สุงกลับโมโห ไล่ตะเพิดหงส์ออกไป และกล่าวสบประมาทว่าหงส์ไม่มีวันเป็นได้อย่างที่อาฉางเป็น หงส์น้ำตาตกใน ตั้งใจว่าจะต้องพิสูจน์ให้พ่อเห็นให้ได้ว่าตนมีความสามารถที่จะสืบทอดคณะงิ้วเฟิ่งหวงแทนพี่ชายผู้ล่วงลับให้จงได้เกา ต้องการที่ดินในทำเลของคณะงิ้วของสุง เขาคิดกำจัดทั้งสุงและหงส์ แต่เมฆินทร์เสียดายในตัวหงส์ เพราะเขาอยากครอบครองตัวหงส์ เลยปรามไม่ให้เกาทำเสียแผน เกาไม่ยอมวางมือ ส่งคนไปทำร้ายเต็กอีกครั้ง พอดีเต็กอยู่กับหงส์ จึงพลอยถูกทำร้ายไปด้วย หลงเข้ามาพบพอดี เข้าช่วยเต็กและหงส์เอาไว้ หงส์จำหน้าหลงได้ เพราะเคยเห็นที่ศาลเจ้า ในวันที่อาฉางถูกยิงตาย หงส์จึงเข้าใจผิด คิดว่าหลงเป็นมือปืนที่ฆ่าอาฉาง แต่หลงปฎิเสธ สุดท้ายหงส์ พาหลงไปทำแผลที่บ้าน ทำให้หลงได้พบและพูดคุยกับสุงก็ครั้งนี้เองกุ่ยขึ้นแสดงงิ้วแทนฉาง แต่ก็พลาดล้มกลางเวที ไม่สามารถเล่นงิ้วได้ แต่หมวยก็คอยพูดให้กำลังใจกุ่ยอยู่เสมอมา คณะงิ้วเฟิ่งหวง กำลังตกที่นั่งลำบาก ส่วนเสี่ยเกา ก็พาคณะงิ้ว บุกไปถึงสำนักสุง ท้าปะลอง ภายใน 7 วัน ใครแพ้ต้องหักปลายทวน แสดงที่ไหนไม่ได้อีก กุ่ยต้องฝึกอย่าหนัก ส่วนหงส์ ก็ต้องแอบฝึกงิ้วกับแปะจาง โดยที่ไม่ให้สุงรู้ แปะจางแนะนำให้หงส์ใช้ความอ่อนโยนชนะความแข็งแกร่ง หงส์ไม่กล้าฝึกงิ้วที่บ้านอีกต่อไปเพราะกลัวสุงจับได้ ซินแสง้วงจึงให้ไปฝึกที่ศาลเจ้า หลงได้พบกับหงส์บ่อยขึ้น หลงช่วยฝึกความแข็งแกร่งให้หงส์อีกแรง ทั้งสองเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น แต่หลงก็ยังคงตั้งใจที่จะแก้แค้นสุงให้กับคนรัก เขาตามหงส์ไปที่บ้านบ่อยครั้ง และได้พบกับตี๋เล็กที่มาหาหงส์ ทำให้หลงกับตี๋เล็กมีเรื่องชกต่อยกัน สุงจับได้ว่าหงส์แอบไปพบกับหลง เลยทำให้หงส์ ถูกเฆี่ยนอย่างหนัก หลงสงสารหงส์มากแล้วก็ถึงวันประลอง งิ้ว ของคณะเฟิ่งหวง งิ้วอันดับหนึ่งของเยาวราช กับสุดยอดปรมาจารย์จ้าวแห่งงิ้วปักกิ่ง คณะเปี่ยนฟู่ ทั้งเมฆินทร์ เกา เต็ก ตี๋เล็ก ไปกันพร้อมหน้า แต่อากุ่ยกลับหายตัวไป เพราะเกาให้ซา จับตัวกุ่ยไป เพื่อที่คณะงิ้วของตนเองจะได้ชนะ หยกมณีบอกที่ซ่อนที่คนของเกาเอาตัวกุ่ยไปซ่อนไว้ หลงอาสาไปช่วยกุ่ย สุงบอกให้พากุ่ยกลับมาให้ทันเวลา ซื่อเหนียงตามไปช่วยกุ่ยด้วย สุดท้ายโดนกระสุนปืน จบชีวิตในที่สุด ทำให้กุ่ยเสียใจมาก สุงขอบใจหลง และบอกว่าเขาติดหนี้บุญคุณหลง ที่พากุ่ยกลับมาจนได้ หงส์ขึ้นแสดงแทนกุ่ย ในบทบาทที่อาฉางเคยรับ และสามารถใช้ความอ่อนโยน สยบความแข็งแกร่ง ได้รับชัยชนะในที่สุด สุงยอมรับในตัวของหงส์มากขึ้น และยอมยกโรงงิ้วให้หงส์ สืบทอดเจตนารมณ์ต่อไปเต็กพยายามยุยุง ให้สุงและไช้แตกคอกัน เพราะหากสุง สละตำแหน่ง หัวหน้าแก๊งมังกรดำ เต็กเอง ก็อยากขึ้นเป็นใหญ่แทนสุง ซ้ำร้าย หากตี๋เล็กได้ครองคู่กับหงส์ ที่ดิน รวมถึงคณะงิ้ว ก็จะตกเป็นของเต็กด้วย เต็กพาสุงมาต่อว่า เรื่องที่ไช้นำคนไปถล่มที่บ้านของเกา ทั้งสองเถียงกันอย่างหนัก หลงได้ยิน แอบเป็นห่วงไช้ หลงได้จังหวะ จะแอบยิงสุง พอดีไช้เห็นเข้าเสียก่อนแล้วรีบห้ามไว้ คุณนายหลิวเริ่มสงสัยว่าไช้จะมีปัญหา เพราะไช้เอาแต่ดื่มเหล้าแทบทุกวัน จึงฝากให้หลงดูแลไช้อีกแรง ไช้เขียนจดหมายถึงสุง โดยให้หลงไปมอบให้ ไช้ขอลาออกจากแก๊งสามวิหค เหลือเพียงสุง แก๊งหงส์ดำ และ เต็กแก๊งกะเรียนเท่านั้น สุงเป็นห่วง ไม่อยากให้ไช้แยกตัวออกไป เพราะเกรงมีอันตราย แต่ก็สุดที่จะห้าม สุงเห็นแววตาที่หงส์กับหลงมีต่อกัน จึงรู้ว่าสองคนมีใจให้กัน แต่สุงก็คิดว่าเหมาะสมกันดีไช้ถูกวางยาพิษจนตาย คุณนายหลิวกลับไปอยู่เมืองจีน ส่วนลูกน้องคนอื่น ๆ ของไช้ ก็ไปอยู่แก๊งกะเรียนจนหมด หลิวพูดเตือนสติ ไม่อยากให้หลงต้องตกอยู่ในวังวนของวงการนี้ แต่หลงยังต้องการพิสูจน์ ว่าใครเป็นคนฆ่าคนรักของเขา สุดท้าย หลงตัดสินใจ ขอเข้าไปอยู่แก๊งหงส์ดำกับสุง หลงไม่เชื่อว่าสุงจะเป็นคนฆ่าใช้ สุงยอมรับหลงในที่สุด หงส์แอบดีใจอยู่ลึก ๆ ที่หลงเลือกมาอยู่ในแก๊งซ้งตามมาฆ่าสุงถึงในห้องนอน โชคดีสุงรู้ตัวเสียก่อน แล้วหลงก็เข้ามาช่วยเอาไว้ หลงสู้กับซ้ง ซ้งจับหงส์เป็นตัวประกัน สุดท้ายซ้งจึงรอดไปได้ หลงบอกกับสุง ว่าเห็นซ้งเป็นคนยิงอาฉางที่งานศาลเจ้า หลงบอกว่าซ้งก็เป็นคนฆ่าคนรักของหลง เมื่อ 7 ปีก่อนเช่นเดียวกัน ครั้งนี้ทำให้หลงรู้ว่า สุงกับหลง มีศรัตรูคนเดียวกัน ที่สำคัญ สุงไม่ใช่คนสั่งฆ่าคนรักของหลงแน่นอน ทำให้หลงรักและนับถือสุงมากยิ่งขึ้นเต็กมาสู่ขอหงส์ให้กับตี๋เล็ก แต่สุงไม่ยกให้ เต็กเสียหน้า จึงพาตี๋เล็กไปหาเมฆินทร์เพื่อเป็นผู้ใหญ่ไปสู่ของหงส์ให้ที เมฆินทร์ทำทีเป็นรับปาก แต่แท้ที่จริง ไม่ยินดีนัก เพราะเขาเองอยากครอบครองตัวหงส์ไม่น้อย เมื่อเการู้ข่าวก็ไม่พอใจ เพราะหากเมฆินทร์ได้ตัวหงส์ ที่ดินที่โรงงิ้ว ก็จะตกเป็นของเมฆินทร์ไปด้วย เกาคิดหาทางออกให้กับตัวเองสุงเริ่มเห็นแววว่า หลงกับหงส์รักกัน จึงพูดจาฝากฝังหงส์ไว้กับหลง เหมือนว่า จะเป็นลางร้าย โดยที่สุงไม่รู้ตัว คืนนั้น ตี๋เล็กบุกไปที่บ้านสุง หวังจะปล้ำหงส์ แต่สุงพบเข้าเสียก่อน สุงต่อว่า ที่ตี๋เล็กทำเรื่องสิ้นคิด ทำให้ตี๋เล็กโกรธ พลั้งมือฆ่าสุงจนตาย แล้วจุดไฟเผาโรงงิ้วแล้วหนีไป หงส์พบสุงก่อนสิ้นลม สุงขอโทษหงส์ แล้วก็หมดลมในอ้อมกอดของหงส์ หงส์ร้องไห้แทบขาดใจ ก่อนขาดใจตายเถ้าแก่สุงรู้แล้วว่าคนที่ต้องพบจุดจบเป็นรายที่ 3 ตามคำทำนายของซินแสง้วงก็คือตัวเขาเอง !งานศพสุง ถูกจัดขึ้นอย่างโศกเศร้า โดยเฉพาะหงส์ที่ต้องสูญเสียทั้งพ่อและพี่ชาย ธาม คณิน ทรงกลด และภรพ มาให้กำลังใจหงส์อย่างพร้อมหน้า รวมถึงเมฆินทร์ เสี่ยเกา เต็ก ตี๋เล็ก ก็มาด้วย ตี๋เล็กมีท่าทีสะใจจนเห็นได้ชัด ว่าตนเองสามารถฆ่าสุงได้ หลงผิดสังเกตในสีหน้าอันสะใจของตี๋เล็ก เกาเองก็พูดจาดูถูกเรื่องที่หงส์ไม่สามารถจะขึ้นเป็นใหญ่แทนสุงได้ จนปะทะคารมกับหงส์ สุดท้ายเมฆินทร์ต้องเข้ามาห้ามศึก เพราะเมฆินทร์เอง ก็อยากครอบครองตัวหงส์อย่างเห็นได้ชัด เล้งเองก็มางานศพสุงเช่นเดียวกัน เขาได้พบกับหลงที่นี่เอง ในวันเปิดพินัยกรรมของสุง เต็กหมายมั่นจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ แต่พินัยกรรม กลับระบุให้หงส์ขึ้นรับตำแหน่งแทน ทำให้เต็กกับตี๋เล็กแค้นใจอย่างหนักหลงจับตัวซ้งไปไว้ที่โกดัง แล้วให้หงส์ ไปถามความจริงเรื่องการตายของสุง แต่ซ้งปฎิเสธ บอกว่าตนเองไม่ใช่คนฆ่าสุง แต่ยอมรับว่าเป็นคนฆ่าอาฉาง ซ้งตัดสินใจฆ่าตัวตายในทันทีต่อหน้าทุกคน หงส์ถือคำสั่งสุงก่อนตาย เรื่องที่จะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง จึงรับปากกับทุกคนว่า หากตนเองไม่สามารถหาตัวคนร้ายที่ฆ่าสุงมาได้ จึงจะยอมสละตำแหน่ง ในขณะที่กุ่ยก็มาสารภาพรักกับหงส์ แต่หงส์บอกว่ารักกุ่ย เพียงพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น แล้วพูดเตือนสติให้กุ่ยรู้ว่า คนที่รักกุ่ยอย่างแท้จริงคือหมวยนั่นเอง เล้งอยากเป็นนายกสมาคมเลือดมังกร จึงขอให้เมฆินทร์สนับสนุนตน ซึ่งขณะนี้สมาคมมีแก๊งรวม 20 แก๊ง ประกอบด้วย เสือ เขี้ยวสิง กระทิง เหยี่ยวแดง หงส์ดำ และอื่น ๆ แก๊งกะเรียน คือของเต็ก พ่อตี๋เล็กตี๋เล็กลอบเข้ามาในบ้านสุง จนถึงห้องนอนหงส์ แล้วพยายามปลุกปล้ำหงส์ แต่หลงเข้ามาช่วยได้ก่อน หงส์บอกตัดความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องกับแก๊งกะเรียน ตี๋เล็กจึงไปฟ้องพ่อ ทำให้แก๊งหงส์ดำกับแก๊งกะเรียน บาดหมางใจกัน หลงเริ่มสงสัยที่ตี๋เล็กลอบเข้ามาในบ้านได้ คิดว่าตี๋เล็กเป็นคนฆ่าสุง แต่หงส์ไม่เชื่อธามมาหาหงส์ หลงเห็น เข้าใจผิดคิดว่า ธามกับหงส์รักกัน ธามกับหงส์คุยกันเรื่องที่จะสนับสนุน ให้ ทรงกลดได้ขึ้นเป็นนายกสมาคม ก่อนที่พวกของเต็ก เมฆินทร์ จะขึ้นเป็นใหญ่ แล้วทุกคนจะเดือดร้อนกันทั่ว ในงานเลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่ หลงไปส่งหงส์ ธามสังเกตเห็นแววตาหลง จึงรู้ว่าหลงรักหงส์ ทรงกลดได้รับเลือกเป็นหัวหน้าแก๊งเลือดมงกรในที่สุด ฝ่าย เต็ก เกา เล้ง ไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ หงส์รวบรวมหลักฐานคดีการตายของสุง หวังให้ตำรวจเอาผิดตี๋เล็กให้ได้ แต่พอดี เมฆินทร์ โทรศัพท์ให้หงส์ไปพบเสียก่อนที่ฉั่วเทียนเหลา เมฆินทร์ขอร้องให้หงส์ ไม่เอาผิดตี๋เล็ก ตามคำขอร้องของเต็ก ที่มาขอร้องตนให้ช่วยพูดให้ แต่หงส์ไม่ยอม เมฆินทร์ปลุกปล้ำหงส์ หงส์สู้ไม่ยอม หลงได้ยินเสียง จะขึ้นไปช่วย แต่ลูกสมุนของเมฆินทร์ไม่ยอม เกาเข้าไปเห็นเหตุการณ์ จึงยิงเมฆินทร์ตาย แล้วป้ายความผิดให้หงส์ เกาแจ้งตำรวจ ให้ชานนท์มาจับหงส์ หลงเข้าช่วยหงส์ รับสารภาพว่าเป็นคนยิงเมฆินทร์เอง ชานนท์ไม่เชื่อ แต่ก็ต้องจำใจจับหลงเข้าคุกเต็กกับตี๋เล็ก ตั้งใจกำจัดหงส์ด้วยอีกคน ความผิดเรื่องการฆ่าสุงจะได้จบลง ส่วนเกาไปหาหลงถึงในคุก ขอให้หลง เข้ามาเป็นพวกของตน หลงไม่ยอม ซ้ำยังต่อสู้ และต่อยหน้าเกาอีกด้วย ทำให้เกาแค้นมาก ส่งเจ็งกับซา มาฆ่าหลงถึงในคุก แต่หลงรอดไปได้ เต็กเรียกประชุมสมาชิกแก๊งเลือดมังกรกะทันหัน อาสารับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งแทนหงส์ แปะจางรู้เรื่องรีบนำไปบอกหงส์ หงส์บอกไม่มีวันที่เต็กจะได้ขึ้นรับตำแหน่ง เพราะเธอมีหลักฐานเรื่องการฆ่าสุงเต็กเรียกสมาชิกมาประชุมลับ เพื่อเกลี้ยกล่อมเรื่องให้ตนเองขึ้นเป็นนายกสมาคม แต่ทุกคนให้ตี๋เล็กพิสูจน์ตัวเองก่อน สุดท้ายเต็กวางยาพิษให้ทุกคนดื่ม จนตายไปหมด หงส์จึงพาชานนท์มาจับตี๋เล็กที่บ้าน ตี๋เล็กสู้ ยิงเข้าใส่หงส์ กุ่ยรับกระสุนแทนบาดเจ็บ ตำรวจจึงยิงตี๋เล็กตาย เต็กเสียใจจนคลั่งเกาให้ซาไปกำจัดหงส์ ซาส่งคนร้ายไป แต่ หลงมาช่วยไว้ทัน หลงต่อสู้กันคนร้ายจนปราบได้หมดสิ้น แต่หงส์ กลับถูกจับตัวไป เกาบังคับให้หงส์ ยกที่ดินตรงโรงงิ้วเฟิ่งหวงให้ตน แต่หงส์ไม่ยอม หลงบุกเข้ามาช่วยหงส์ แต่ถูกคนของเกา ซ้อมอย่างหนัก ปางตาย หงส์สงสาร จะเซ็นชื่อยกที่ดินให้ แต่พอดี ภรพ คณิน ทรงกลด ธาม เข้ามาช่วยไว้ก่อน ตามที่แปะจางโทรไปปรึกษาเรื่องที่หงส์หายตัวไป จนทุกคนตามมาพบหงส์ที่นี่ เกิดการยิงกันกระหน่ำ จนเกาพลาดท่าจบชีวิตลงที่นั่นเอง ชานนท์บอกว่า ถึงแม้หลง จะไม่ได้ฆ่าเกา แต่หลักฐานอย่างอื่นก็ไม่มีที่จะเป็นเครื่องยืนยันความบริสุทธิ์ ชานนท์ จึงแนะนำให้หลงหนีไป ในฐานะที่เห็นแต่ความดีของหงส์ และทุกคน ด้วยความเป็นเพื่อน แต่หลงบาดเจ็บปางตาย หงส์ พาหลงไปรักษากับซินแสง้วง หงส์ร้องไห้เสียใจ ที่เป็นต้นเหตุให้หลงต้องมาลำบากหลงตัดสินใจหนีไปจากหงส์ เพราะไม่ต้องการให้หงส์มาเสียชื่อเสียงเพราะตน แล้วหนีไปตามคำแนะนำของชานนท์ หงส์กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ออกตามหาหลงเท่าไหร่ก็ไม่พบ หงส์มาไหว้พระที่ศาลเจ้าซินแสง้วง และได้พบกับหลง หงส์ขอร้องให้หลง อยู่ดูเธอ ในวันที่ได้ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ หลงรับปาก จะยืนอยู่คอยเป็นกำลังใจให้หงส์อยู่ห่าง ๆเล้งปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เพราะเขายังไม่ตาย ขอให้เต็ก ร่วมมือกับเขาฆ่าหงส์ให้ได้ หลงแอบรู้แผนการเข้าเสียก่อนเล้งส่งคนมาทำร้ายหงส์ แต่หลงปราบได้หมด แต่หลงเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ส่วน ทรงกลด ธาม คณิน ภรพ ก็ไปพบเล้งที่ห้อง ซึ่งเล้งซ่อนตัว พวกเขาไม่ฆ่าเล้งให้ตายเสียทีเดียว แต่ให้ตายอย่างทรมาน ด้วยการยิงที่ขาให้เล้งพิการ ไม่สามารถไปทำร้ายใครได้อีก เล้งพ่ายแพ้อย่างหมดรูป คลุ้มคลั่ง สูญเสียทุกสิ่งจนเสียสติไป ส่วนเต็ก ก็ทำใจไม่ได้ สุดท้ายตัดสินใจกระโดดน้ำตายในงานสถาปนาหงส์ หลงมาให้กำลังใจ หงส์ดีใจมาก ทั้ง ธาม ภรพ ทรงกลด คณิน ต่างสัญญา ต่อหน้าสมาชิกเลือดมังกร ว่าจะแต่สิ่งดี ๆ ให้แผ่นดินนี้ กลายเป็นถิ่นมังกรสีขาวให้ได้
เลือดมังกร แรด 2558

เลือดมังกร แรด (2558/2015)

เมื่อ “เสี่ยเส็ง” หัวหน้าแก๊งเหยี่ยวแดง ต้องการลงจากตำแหน่ง จึงประกาศต่อหน้าสมาชิกว่าจะยกอำนาจให้แก่ ลูกชายคนโตของตระกูล “คณิน หรือ คิ้ม”หนุ่มเสเพลผู้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเจ้าชู้ จึงสร้างความไม่พอใจให้ “เสี่ยบุ๊ง” ที่หวังจะฮุบตำแหน่ง มาเฟียเจ้าเล่ห์จึงอ้างถึงการหายตัวไปจากปากน้ำโพเนิ่นนานถึง 6 ปีเต็มของคณิน เสี่ยเส็งจำต้องลั่นวาจาว่าถ้าลูกชายไม่กลับมาภายใน 15 วัน ตนจะยินยอมยกตำแหน่งให้ผู้ที่มีความเหมาะสมวันต่อมา เสี่ยเส็งจึงเข้ากรุงเทพฯ เพื่อร่วมงานสารทจีนกับพี่น้องร่วมสาบานหลายตระกูลที่เยาวราช รวมทั้งต้องการตามหาตัวบุตรชายกลับบ้าน ขณะที่คณิน เรียนจบแล้ว เขาตั้งใจจะอยู่กรุงเทพฯไม่มีกำหนดกลับ เพราะไม่อยากเป็นมาเฟียเหมือนพ่อ และไม่อยากสืบทอดกิจการโรงสีของตระกูล เสี่ยเส็งส่ง “กิตติ” มือขวาไปตามหาคณิน คณินไม่ตกปากรับคำเรื่องขึ้นรับตำแหน่ง แต่จำต้องเข้าร่วมงานสารทจีนตามคำสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ คณินร่วมทิ้งกระจาดกับสหาย จนกระทั่งเสียงปืนดังขึ้น งานบุญจึงกลายเป็นสงครามขนาดย่อม การดวนปืนระหว่างคนร้ายไม่รู้สังกัดลั่นเมือง คณินต่อสู้อย่างสุดกำลัง กระทั่งติดตามคนร้ายไปยังท่าเรือ เขาเพลี่ยงพล้ำให้กับ “นักฆ่าซามูไร” และ “ชายในชุดแป๊ะยิ้ม” ที่ฝากมีดไว้บนหน้าท้องของเขาและถีบเขาตกน้ำโชคดีของคณินที่ได้ “ซินแสง้วง” ช่วยไว้ เขาจึงรอดชีวิตมาได้ คณินอยู่รักษาตัวกับซินแสง้วงที่ศาลเจ้า โดยหารู้ไม่ว่า ทางปากน้ำโพมีข่าวลือแพร่สะพัดเรื่องที่เขาตายไปแล้ว เสี่ยเส็งและซกเค็งผู้เป็นแม่กลัดกลุ้มใจ วิภาดาน้องสาวมิเป็นอันทำอะไรนอกจากสวดมนต์อ้อนวอนให้พี่ชายปลอดภัย ขณะที่ข่าวร้ายเรื่องเขาตายยังไม่จาง โรงสีเสี่ยเส็งต้องเผชิญปัญหาหนัก เมื่อข้าวล็อตใหญ่ถูกตีกลับจนขาดทุนย่อยยับ“แพน” มักจะทำตัวประชดบิดา “เสี่ยเป้ง” และสร้างความอับอายด้วยการไปรำพัดที่โรงน้ำชาเสมอ “มนชิต” ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายหลงรักเธอจนถอนตัวไม่ขึ้น เขาจึงมักจัดการกับผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้เธอ เสี่ยเป้งเป็นหนี้เสี่ยเส็งอยู่มาก จึงส่งแพนไปทำงานขัดดอกที่โรงสี แพนสนิทกับ “กริช” ลูกชายของเสี่ยบุ๊ง ที่แอบชอบวิภาดามาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบัน กริชดูแลคณะเชิดสิงโต ซึ่งเป็นสมบัติตกทอดจากแม่ที่ตายไปแล้ว แพนเข้ามาทำงานเป็นเสมียนดูแลบัญชี ขณะโรงสีมีปัญหา เจอภาวะหนี้สินมหาศาล เสี่ยเส็งกลุ้มใจเรื่องลูกชาย เรื่องโรงสี จนลืมเรื่องตำแหน่งหัวหน้าแก๊งคนใหม่ ที่อาจตกเป็นของเสี่ยบุ๊ง หากวันกำหนดใกล้เข้ามามนชิตซึ่งทำงานลับๆให้กับมาเฟียใหญ่ผู้หนึ่งของยุค พยายามยุยงเสี่ยบุ๊งให้ทำการยึดอำนาจตลอดเวลา นั่นเพราะเขามั่นใจว่า คณินได้ซี้แหง่แก๋ไปแล้ว เพราะเขาเองที่ส่งนักฆ่าไปปลิดชีพคณินที่งานสารทจีน และนักฆ่าในหัวแป๊ะยิ้ม ตอนนี้ทำงานที่โรงสีของเสี่ยเส็งเสียด้วย มันผู้นั้นชื่อ “ไท”ซินแสง้วงไม่อยากให้คณินฝืนลิขิตสวรรค์ บอกให้เขากลับบ้าน เพื่อไปจัดการเรื่องทุกอย่างให้จบ เมื่อถึงวันครบกำหนด 15 วัน ตามคำประกาศของเสี่ยเส็ง โรงสีของเขาถูกโจรขึ้นปล้นจนข้าวของเสี่ยหาย ตราประจำหัวหน้าแก๊งหายไป ซึ่งเป็นการจัดฉากของไท ขณะเสี่ยบุ๊ง เรียกสมาชิกเข้าประชุม เพื่อจะประกาศชื่อของตัวเอง เป็นหัวหน้าแก๊งเหยี่ยวแดงคนใหม่ แต่แล้ว คณินกลับปรากฏตัวขึ้น ท่ามกลางเสียงฮือฮาของชาวบ้านที่วิจารณ์เซ็งแซ่ เรื่องที่เขายังไม่ตาย หนึ่งในไทยมุงคือแพน ที่ตั้งใจจะหนีออกจากบ้านในวันนี้คณินเห็น “แพน” หญิงสาวที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ จนลืมหญิงสาวทุกนางในกรุงเทพฯ หลายคนเจ็บใจกับการกลับมาของเขา แต่ครอบครัวของเขาเป็นสุข สมหวัง เสี่ยบุ๊งทำทีเป็นญาติดี มาเชิญคณินไปร่วมงานฉลองตำแหน่งว่าที่หัวหน้าแก๊งที่โรงน้ำชาเพื่อล่อให้เขาไปถูกฆ่า แต่ไม่สำเร็จ ในคืนนั้นเอง แพนปรากฏตัวขึ้นในฐานะนางรำพัดอีกเช่นเคย เสี่ยเป้งสั่งมนชิตให้ลากตัวแพนกลับบ้าน แพนเห็นว่าคณินจะสามารถปกป้องเธอได้ จึงจัดการจูบเขาต่อหน้าทุกคน สร้างความอับอายให้เสี่ยเป้งไปทั้งเมือง ยิ่งไปกว่านั้น คณินผู้เคยแต่จูบคนอื่น กลับถูกจูบเสียเองแบบนี้ ก็เสียหน้าไม่น้อยคณินเข้ามาคุมโรงสี ในฐานะผู้จัดการ เขาได้พบกับแพนอีกครั้ง จึงหาโอกาสกลั่นแกล้งเธอ เพราะอยากจะใกล้ชิด เขาออกคำสั่งให้เธอชดใช้ความอับอายของเขา โดยการมาหาเขาทุกวัน และดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน คณินหลงรักคนงานขัดดอกคนนี้โดยไม่ต้องสงสัย แต่ซกเค็ง มารดากลับนัดหมายกับ “หลิน” แม่เลี้ยงใจร้ายของแพน ให้คณินกับ “มนสิชา” ลูกสาวคนเล็กของนางกับเสี่ยเป้งไปดูตัว เพื่อแต่งงานกัน มนชิตสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างคณินกับแพนว่าอาจไม่ใช่เพียงแค่ลูกจ้างนายจ้าง จึงพยายามจะปลุกปล้ำแพน เพื่อเอาเป็นเมียให้ได้ แต่ก็ยังไม่สำเร็จคณินสืบเรื่องคนร้ายที่ไปฆ่าเขาที่เยาวราช แต่ยังไร้วี่แวว ขณะเดียวกัน เขาสืบจนรู้ว่าโรงสีมีหนอนบ่อนไส้ แต่ยังควานหาตัวไม่พบ แม้ลึกๆจะมีความสงสัยในตัวไท ก็ตาม แพนสนิทกับไท เพราะคอยดูแลช่วยเหลือกัน ทำให้คณินหึง แพนไล่ให้เขาไปดูตัวเสีย ไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกับเธอ แต่คณินถูกดักทำร้ายกลางทาง ทำให้หนุ่มหล่ออย่างเขากลายสภาพเป็นขอทานในบัดดล เมื่อไปถึงร้านที่นัดหมาย มนสิชาเห็นสภาพของคู่หมั้นในอนาคตก็เผ่นแน่บ ไม่ยอมแต่งงานด้วย การดูตัวไม่สำเร็จคณินเห็นสภาพร่างกายของแพน ซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยการถูกทุบตี เขาสงสารและอยากพาเธอไปให้พ้นจากสภาพนี้ จึงออกปากชวนแพนหนีไปอยู่กรุงเทพฯด้วยกัน แพนลังเลเพราะยังไม่มั่นใจในตัวคณิน ซึ่งล่ำลือเรื่องความเจ้าชู้ กระทั่งเสี่ยเป้ง เบื่อเสียงนินทาเรื่องลูกสาวคนโตไม่ไหว จึงคิดจะขายแพนให้เสี่ยบุ๊ง และผู้ชายคนอื่นๆที่สามารถล้างหนี้ให้เขาได้ แพนจึงยอมตกลงที่จะหนี แต่แล้วในคืนนั้นเอง เธอถูกมนชิตฉุดตัวไป คณินเองก็ถูกไทและคนจากคณะเชิดสิงโตที่ถูกจ้างมาตามไล่ฆ่า คณินจัดการกับคนจากคณะเชิดสิงโตสำเร็จ ไทหนีไปได้ แต่ยังไม่ทันสืบสวนว่าใครส่งมา คนพวกนั้นก็ขาดใจตายเพราะยาพิษแพนหนีจากมนชิตมาได้ แต่กลับถูกเป้งตบหน้า มนชิตได้ใจเพราะเป็นลูกชายสุดที่รัก คิดจะขังแพนไว้ในบ้านอีก แต่แพนชิงหนีออกจากบ้านไปในตอนดึก เพื่อไปรอคณินที่ท่าเรือตามการนัดหมายในตอนฟ้าสาง แต่เธอดันสลบกลางทางเสียก่อน เมื่อตื่นในตอนเช้า เจอกริช ซึ่งเข้ามารับศพของคนเชิดสิงโตกลับสำนัก กริชอาสาพาแพนไปส่งที่จุดนัดพบ คณินเห็นแพนกับกริชยืนกอดลากันอยู่ก็เข้าใจผิด คิดว่าแพนเลือกกริช เขาแสร้งกลบเกลื่อนความเสียใจ ด้วยการทำนิสัยเลวๆ พูดจาดูถูกเธอ ทำให้ต่างฝ่ายเสียใจมากคณิน อกหัก รักคุด จนต้องไประบายให้กับทรงกลด ธาม และ ภรพฟัง คณินหายไปนานหลายวัน ส่วนแพนยังคงมาทำงานที่โรงสี วิภาดายังไม่ลงรอยกับกริช เพราะถือเป็นศัตรู ตั้งแต่ที่มีข่าวลือว่าเสี่ยบุ๊งเป็นผู้บงการสั่งฆ่าพี่ชาย เมื่อวิภาดารู้ว่าแพนกำลังจะถูกส่งตัวไปแต่งงานกับพ่อค้าที่นครปฐม เธอไปพูดให้กริชช่วยแพน เพราะอย่างไรเสียก็เป็นคนรักกัน กริชได้แต่ยิ้ม ที่วิภาดายังคงคิดว่าเขารักกับแพน ทั้งที่เขามีใจให้เธอมานานแล้วเสี่ยเป้งกลุ้มใจเรื่องที่ผู้ชายที่หวังจะให้แพนแต่งงานด้วย พากันตายไปจนหมด หลินกับมนสิชาหาว่าแพนมันดวงกินผัว หากความจริงแล้ว มนชิตเป็นคนจัดการทั้งหมด เขาไม่มีวันยกแพนให้กับใครหน้าไหนทั้งนั้น แพนจึงรอดตัวจากการถูกคลุมถุงชนไปถึงสามครั้ง แพนยังคงไปยังจุดนัดพบระหว่างเธอกับคณิน เพื่อรอคอยการกลับมาของเขาทุกลมหายใจคณินกลับมาก็พบกับเหตุการณ์ร้ายของบ้าน เมื่อโรงสีถูกลอบวางเพลิง ซึ่งเป็นฝีมือของไท คณิน ฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วยเสี่ยเส็งที่สลบอยู่ด้านใน ในมือของเขามียาพ่น ซึ่งถูกสับเปลี่ยนก่อนหน้านั้นจากฝีมือของไทเช่นกัน คณินเห็นแพนนอนสลบอยู่ไม่ไกลกัน แต่เขาต้องช่วยบิดาก่อน เมื่อส่งเสี่ยเส็งให้กิตติแล้ว เขากลับเข้าไปในกองเพลิงอีกครั้ง เพื่อช่วยแพน คณินเพิ่งมารู้ตัวว่าเกือบจะเสียคนที่รักไปถึงสองคน เพราะความเห็นแก่ตัวของเขาเอง เสี่ยเส็งนอนสลบบนเตียงเพราะเส้นโลหิตในสมองแตก ส่วนแพน ถูกคณินสืบสวนเพราะต้องสงสัยวางเพลิง ทำให้แพนเสียใจเป็นอย่างมาก แม้เธอจะพยายามอธิบาย แต่เขากลับไม่เชื่อใจเธอ กลับคิดว่าเธอทำงานให้กริช ซึ่งมีกิจการโรงสีเช่นเดียวกัน เมื่อเส็งล้ม เสี่ยบุ๊งและสมุนพากันฉลอง เป็นกริชที่พยายามยื่นมือเข้ามาช่วยครอบครัวเสี่ยบุ๊ง เพราะเห็นใจวิภาดา โดยให้เธอยืนเงินจำนวนหนึ่งมาใช้ค่าแรงคนงานและค่ารักษาพยาบาลของพ่อ โดยมีแพนเป็นตัวกลางเรื่องการมอบหมายโฉนดเป็นหลักฐาน คณินจับได้เสียก่อนว่าแพนเอาเงินกริชมาให้วิภาดา เขาตามไปเอาเรื่อง จนเกือบทำให้แพนถูกรถชนเสี่ยบุ๊งได้โฉนดที่ดินบ้านของเสี่ยเส็งไปครอบครอง ด้วยกลโกงฉ้อฉล ทำให้คณินยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ เสี่ยเป้งที่ยังติดหนี้เสี่ยเส็ง พยายามหลบเลี่ยงเมื่อคณินมาที่บ้านของเขา เพื่อเจรจาเรื่องการแต่งงาน ตามคำบอกของซกเค็ง ซึ่งต้องการให้มีงานมงคลที่บ้าน เพราะอาจทำให้เสี่ยเส็งอาการดีขึ้น คณินไม่เคยอยากได้มนสิชามาเป็นเมียเลยสักนิด เขามีหลักฐานเกี่ยวกับหนี้สินของเสี่ยเป้ง แพนอาสาจะทำงานให้คณินโดยไม่รับเงินเดือน จนกระทั่งกอบกู้โรงสีได้เพื่อชดใช้หนี้ คณินตกลงตามนั้น โดยให้เธอตามกลับไปที่โรงสีในทันที ที่นั่นเอง คณินกับแพนทะเลาะกันหนัก และมีเหตุผิดพลาด ทำให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันทั้งคืน รุ่งเช้า ข่าวลือของทั้งสองคนกระฉ่อนไปทั่วเพื่อไม่ให้ผู้ใหญ่เสียหน้า คณินต้องแต่งงานกับแพน แต่สาเหตุจริงนั้น คณินรู้อยู่แก่ใจว่าอยากดูแล อยากให้เธอมาอยู่ใกล้ๆ แต่แพนคิดว่าคณินต้องการกลั่นแกล้งเธอ อยากจะแก้แค้นเรื่องที่เธอเลือกกริช ตามความเข้าใจผิดของเขาในครั้งก่อน แต่เธอก็พอใจที่จะได้รับใช้เสี่ยเส็งในฐานะพ่อผัว ซึ่งยังคงเป็นอัมพาตครึ่งซึก พูดไม่ได้ เนื่องจากเสี่ยเส็งมีบุญคุณกับครอบครัวของเธอมาก ที่สำคัญกว่านั้น หัวใจของเธอเป็นของคณินไม่เปลี่ยนแปลงคณินท้าเสี่ยบุ๊งชนะ จนได้โฉนดบ้านคืน ทำให้มาเฟียหลายคนในฟากเสี่ยบุ๊ง เริ่มเห็นความกล้าหาญและฉลาดหลักแหลมเหนือใครของเขา เสี่ยบุ๊งเจ็บใจ เร่งรุดขยายโรงสี รับซื้อข้าวในราคาแพงตัดหน้าคณิน แล้วมนชิตก็ให้โอชินไปทำร้ายบุ๊งเพื่อโยนความผิดให้คณิน บุ๊งถูกยิง กริชเสียใจมาก คิดว่าคณินเป็นคนทำ เขาไม่ยอมพูดดีกับวิภาดาอีก วิภาดาเสียใจมาก คณินเริ่มสงสัย ว่าจะมีมือที่สามคอยหาเรื่องใส่ร้ายเขา ยิ่งมีพยานยืนยันว่า คนที่มาทำร้ายบุ๊งเป็นผู้หญิงคณินเริ่มสังสัย ตามสืบจนแน่ใจว่า ต้องเป็นโอชินที่ร่วมมือกับมนชิต แพนเห็นคณินอยู่กับหยกมณีก็ไม่พอใจ คณินเห็นแพนอยู่กับกริช ก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน คณินกับกริชจึงท้ากันเชิดสิงโต ใครปีนขึ้นไปเอาถุงเงินบนยอดเสาได้ก่อนชนะ ถ้าคณินแพ้ ต้องขอขมาบุ้ง แต่ถ้าคณินชนะ คณินห้ามไม่ให้บุ้งทำโรงสีอีก แต่ให้กริชมาบริหารงานแทน โดยให้เวลาเตรียมตัว 15 วันอีกด้านหนึ่ง คณินจับได้ ว่าไทคือหนอนบ่อนไส้ในโรงงาน พยายามถามว่าไทเป็นคนของใครแต่ใครไม่ยอมบอก คณินแกล้งจะฆ่าไท แพนออกมาห้าม มนชิตตามมา ยิงใส่คณิน แต่พลาด ไทได้ทีรีบหนีไป มนชิตฆ่าปิดปากไทอย่างโหดเหี้ยม หยกมณีมาหาคณิน รู้ว่าแพนเข้าใจผิด เลยอธิบายให้แฟนฟัง ว่าเธอกับคณิน เป็นเพื่อนกัน แพนสบายใจขึ้น คณินหลอกว่าจะขนข้าวไปส่งทางเรือ มนชิตรู้ ให้คนไปยิงถล่ม ปรากฏว่าถูกหลอก แถมลูกสมุนตายเรียบ มนชิตแค้นคณินมาก ที่จริงคณิน ขนข้าวไปทางรถไฟ แล้วไปส่งให้ธาม ที่โกดังข้าวเยาวราชที่หน้าสมาคมเหยี่ยวแดง เป้ง ตั้งโต๊ะรับแทงพนันการแข่งเชิดสิงโตของกริชกับคณิน แพนอายมาก บุ๊งบอกแพน ว่าเป้ง เอาโฉนดบ้านมาจำนองไว้กับบุ้ง ให้แพนทำยังไงก็ได้ ให้คณินแพ้ ไม่งั้น จะยึดโฉนดบ้านเป้งเสียให้หมด แพนไม่ยอมใส่ยาพิษให้คณินกิน สุดท้ายโดนพิษเสียเอง แล้วก็ถึงวันประชันสิงโต บรรยากาศที่ตลาดปากน้ำโพคึกคัก คณินกับกริชเริ่มเชิดสิงโตแข่งกัน สุดท้ายคณินชนะ แต่แพนถูกพิษจนสลบไป คณินพาแพนส่งโรงพยาบาล โอชินบอก เล้ง ถ้าไม่ถอนพิษ ภายใน3วันแพนจะตายอย่างทรมาน ซินแสง้วงบอกแพนโดนยาพิษ มนชิตรู้ว่าเป็นฝีมือโอชิน แค้นจัด สุดท้ายมนชิตตัดสินใจช่วยแพน ให้คนส่งจดหมายถึงคณิน ว่าโอชินมียาถอนพิษ บุ้งจับตัวโอชินไว้ เพราะมีพยานเห็นว่า โอชิน เป็นคนทำร้ายตน ไม่ใช่คณิน โอชินบอกกับคณิน ว่ายาที่ให้ไปนั้น เป็นเพียงครึ่งเดียว อยู่ได้อีก 7 วัน ส่วนยาอีกครึ่งอยู่ที่ใครนั้น โอชินไม่ยอมบอก พอดีโอชินหนีจากการจับกุมตัวมาได้ เจอเข้ากับมนชิต เขาจะเอายาถอนพิษ โอชินไม่ยอมบอกอยู่ที่ไหน มนชิต ยิงโอชินแล้วหนีไป คณินมาเจอตัว ช่วยโอชินไปได้ แพนฟื้น กริชมาเยี่ยม แพนให้กริช รีบสารภาพรักกับวิภาดา ก่อนที่จะไม่มีโอกาส วิภาดาได้ยินกริชบอกรัก ยิ้มดีใจ เส็งบอกคนเลวที่สุดที่อยู่เบื้องหลังน่าจะเป็นเล้ง คณินเริ่มได้คิด มนชิตบอกกับเล้งว่าคณิน เป็นคนฆ่าโอชิน เล้งแค้นคณินจัด มนชิตให้คนส่งจดหมายของเล้งมาให้คณิน ว่าถ้าอยากได้ยาถอนพิษ ให้คณินลาออกจากหัวหน้าแก๊งเหยี่ยวแดงซะแพนเสียใจ เพราะรู้ว่าคนที่ให้ซองยาพิษตนมานั้นคือพ่อของตนเอง แต่เป้งไม่ยอมบอกว่าได้ยามาจากไหน แพนเสียใจที่คณินต้องมาถูกบีบคั้นจากตนเอง หลังจากที่ทั้งสองได้เข้าห้องหอกันด้วยความถูกต้องสมบูรณ์แล้ว แพนก็จากคณินไปในวันรุ่งขึ้น เล้งเตรียมยาถอนพิษของแพนไว้ หากคณินยอมลาออก แต่จะให้คณิน กินยาพิษแทน ให้เลือกเอาว่าตัวจะตาย หรือจะเห็นคนที่ตนเองรักตายจากไปต่อหน้า มนชิตขอชีวิตแพนกับเล้ง แต่เล้งไม่ยอม มนชิตแอบเสียใจ เป็นห่วงแพนที่สมาคมเหยี่ยวแดง ทุกคนมากันพร้อมหน้า คณินให้สมาชิกทุกคนเลิกทำเรื่องผิดกฎหมาย แล้วทำทีจับได้ว่ากิตติ เป็นคนของแก๊งมังกรดำ ให้นำกิตติไปลงโทษ เพื่อหลอกให้คนร้ายตัวจริงเผยตัวออกมา คณินบอกว่าขอลาออก โดยคืนตำแหน่งให้เส็ง เส็งมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ซี่งเป็นที่รู้กันระหว่างเส็งและคณินว่า ตำแหน่งที่คณินลาออกคือตำแหน่งผู้จัดการโรงสี ไม่ใช่หัวหน้า แก๊งเหยี่ยวแดงคณินตามหาตัวแพนตามหาตัวแพนจนเจอ ทั้งสองกอดกัน บอกจะมีชีวิตรอดเพื่อให้ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เล้งสั่งให้มนชิตเอาคนของบุ๊งไปถล่มบ้านของเส็ง มนชิตคิดว่ากิตติเป็นคนแก๊งมังกรดำ จึงพามาด้วย กิตติได้เห็นหน้าเล้ง จึงรู้ว่าทุกอย่างเป็นฝีมือเล้ง แล้วคณินก็ปรากฏตัวขึ้น คณินอึ้งที่เล้งยังไม่ตาย แถมบังคับให้คณินกินยาพิษ แล้วผายาถอนพิษของแพนทิ้งเสีย เล้งสั่งให้มนชิตฆ่าคณิน เกิดการต่อสู้กันขึ้น กิตติที่ทำที พาคนไปถล่อมบ้านเส็ง แล้วกลับมาพอดี กิตติบอกกับคณินว่าครอบครัวปลอดภัยดี เพราะกริชพาคน จากแก๊งกวางสวรรค์ กว่า20 ชีวิต มาช่วยเส็งไว้ เส็งแค้นบุ๊ง ให้กริชพาบุ๊งไปจากปากน้ำโพซะพอโอชินฟื้น ก็จับตัวแพน แล้วกลับไปหาเสี่ยเล้งทันที คณินตามมาช่วยแพน เล้งบังคับให้แพนแทงคณิน แพนไม่ยอม คณินจับตัวโอชินไว้ โอชินถามเรื่องที่เล้งสั่งให้มนชิตไปฆ่า มนชิตกลัวความจริงเปิดเผย ว่าตนเองทำโดยพละการ มนชิตจึงลั่นกระสุนใส่โอชิน แต่คณินช่วยโอชินไว้ แพนแกะเชือกแล้ววิ่งไปหาคณิน เล้งเห็นจึงยิงใส่แพน แต่คณินรับกระสุนแทน โชคดีใส่เสื้อเกราะเอาไว้ โอชินจะฆ่ามนชิต แต่เป้งรับมีดแทน ถูกแทงที่ท้องเต็ม ๆ พอดีกิตติพาลูกน้องมาช่วยทุกคนไว้ทัน เกิดการยิงกัน เล้งพามนชิตหนี โอชินรีบตามไป แพนร้องไห้จนแทบเสียสติ คิดว่าคณินตาย แล้วแพนก็สลบไป ซินแสง้วงสามารถสกัดยาถอนพิษเองได้ จึงเอายามาให้แพนกินทันเวลาพอดีโอชินแค้น ให้เล้งเลือกระหว่างมนชิตกับตนเอง มนชิตคิดว่าตนเองต้องตายแน่ จึงแทงเข้าใส่เล้ง แต่เล้งกลับ ยิงใส่โอชินทันที และสารภาพว่ามนชิตคือลูกของเขาที่เกิดกับหลินนั่นเอง ทำให้มนชิตช็อคไปชั่วขณะ บุ๊งพาลูกน้องมาจับตัวมนชิต แต่เล้งกลับบังคับให้บุ๊งฆ่าคณิน เพื่อขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง แต่กริชมาช่วยคณินไว้ บุ๊งไม่กล้ายิง มนสิชากับหลินก็ตามมาด้วย หลินแทบช็อค เมื่อเห็นเล้งจับตัวมนชิตไว้ มนชิตเสียใจที่ตนเองจะไม่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง ดังที่เล้งสัญญาไว้ เล้งจะยิงแพน แต่เป้งเอาตัวบังไว้ เป้งจึงจบชีวิตลงที่นี่เอง ระหว่างนั้นเอง เกิดการยิงต่อสู้กัน มนชิตขอทำความดีตอบแทนคุณที่เล้งเป็นพ่อ ด้วยการช่วยให้เล้งลงแพหนีไป ส่วนตนเอง กลับถูกยิงตาย หลินเสียใจมากหลายวันต่อมา แพนฟื้นขึ้นอย่างปรกติ แต่ต้องเสียใจที่กลับต้องไปงานศพเป้งแทน แพนไถ่โฉนดบ้านได้แล้ว มอบให้หลินกับมนสิชาอยู่ต่อไป เส็งกับบุ๊ง ปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด วิภาดากับกริช ก็คบหากัน แพนกับคณิน ก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่มีอุปสรรคใด ๆ อีกต่อไป
เลือดมังกร กระทิง 2558

เลือดมังกร กระทิง (2558/2015) “ธาม ธราธร”ลูกชายบุญธรรมของเฉินอี่เสียง เดินทางกลับมาเมืองไทยเพื่อรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งกระทิง และเพื่อมาดูแลธุรกิจของ “ตั้งเช็งเอี๊ยง” และ “หลิวเจียหลิน” พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งในอดีต ธาม ก็คือ ชลธีนั่นเอง เหตุการณ์นับสิบปี ที่ยังสร้างความเจ็บปวดให้กับ ชลธีไม่หาย เมื่อครั้งหนึ่ง เล้ง กับ เช็ง และ เจียหลิน เป็นเพื่อนรักกัน เช็งได้แต่งงานกับเจียหลิน ทำให้เล้ง ซึ่งเป็นเพื่อนรักของเช็ง โกรธแค้นเช็งมาก เพราะเล้งเอง ก็หลงรักเจียหลินเช่นเดียวกัน เช็งกับเจียหลิน มีลูกด้วยกันสองคน คือชลธี และ ธาม แต่เล้งยังคงต้องการให้เจียหลินมาอยู่กับตน จึงวางแผนใส่ร้าย ว่าเช็ง ค้าทองปลอม จนเช็งต้องยิงตัวตาย แต่เจียหลินก็ยังไม่หมดรักเช็ง ไม่ว่าเล้งจะบังคับยังไง ให้เจียหลินไปอยู่ด้วย เธอก็ไม่ยอม สุดท้ายเจียหลิน ตัดสินใจ ยิงตัวตายตามเช็งไปอีกคน เล้งตัดสินใจ เผาบ้านของเจียหลินและเช็ง เพื่อกลบเกลื่อนความผิด เรื่องที่ตนเองเป็นคนทำให้สองผัวเมีย ต้องจบชีวิตลง ขณะนั้น ชลธีก็รักอยู่กับจันทร์ชมพู เล้งให้ซ้ง ผู้ช่วยคนสำคัญ จับตัว พ่อแม่ของจันทร์ชมพูไป แล้ว ซ้งก็บังคับให้จันทร์ชมพูฆ่าชลธีให้ตาย ไม่เช่นนั้น เล้งจะฆ่าพ่อแม่ของจันทร์ชมพูเสีย จันทร์ชมพูไม่มีทางเลือก จึงตั้งใจยิงชลธี แต่ไม่ให้ตาย พอดีซ้ง คนของเล้งมาเห็นเข้า กลัวชลธีไม่ตายจริง ๆ จึงยิงซ้ำไปอีกครั้ง ชลธีเสียใจมาก ไม่เข้าใจว่าทำไม่จันทร์ชมพูถึงยิงตนเอง ชลธีพาร่างที่บาดเจ็บ กลับไปหาพ่อแม่ที่บ้าน พบว่าพ่อแม่ตายแล้ว ก่อนหมดลม เช็งให้ชลธีล้างมณฑิน เรื่องค้าทองปลอมให้ตนเองด้วย ชลธีกำลังจากถูกไฟคลอกไปอีกคน โชคดี เฉินอี่เสียน เพื่อนร่วมสาบานของเช็ง มาช่วยชีวิตชลธีไว้ และพาชลธีไปรักษาตัวที่อเมริกา สุดท้ายจันทร์ชมพู ก็ไม่สามารถช่วยพ่อและแม่ของตนเองได้ เล้งฆ่าพ่อแม่จันทร์ชมพูตาย และเล้งก็เป็นคนยิงจันทร์ชมพู แล้วให้หลง เป็นคนฝังศพจันทร์ชมพูอีกด้วย โชคดีที่พ้งมาช่วยไว้ก่อน จึงนำตัวจันทร์ชมพูไปรักษา แล้วเอาศพคนอื่น มาให้หลงฝังแทน โดยที่เล้งไม่รู้ พ้ง พาจันทร์ชมพูไปอยู่ที่เมืองจีน แล้วฝึกวิชา การต่อสู้ให้กับจันทร์ชมพูอีกมากมาย เพื่อรอวันที่จันทร์ชมพูจะกลับมาแก้แค้นเล้ง แทนพ่อแม่ของเธอ จันทร์ชมพูเปลี่ยนชื่อใหม่ กลายเป็นย่าหยา ไม่มีผู้หญิงที่ชื่อจันทร์ชมพูอีกต่อไป ส่วนเฉินอี่เสียน ก็พาชลธีมารักษาตัวจนหาย ซึ่งชลธี มีพี่น้องฝาแฝดอีกหนึ่งคน ชื่อธาม แต่ธามโชคร้าย กลับประสบอุบัติเหตุตายเสียก่อน ชลธีจึงกลับมาที่เมืองไทยอีกครั้ง เพื่อสะสางความแค้นกับเล้ง โดยใช้ชื่อว่า ธาม ฝาแฝดของเขา ในการกลับมา สำหรับคนทั่วไป คนชื่อชลธี ได้กลายเป็นอดีต ตายจากโลกนี้ไปแล้ว เหลือแต่ธามเท่านั้น ย่าหยา หรือ จันทร์ชมพู เดินทางจากเซี่ยงไฮ้มาด้วยจุดประสงค์เดียวกับธาม คือแก้แค้นเล้งนั่นเอง ธามและย่าหยามาเจอกันที่สนามบิน ทั้งคู่ต่างคุ้นหน้ากันมาก ธามทักย่าหยาว่า “จันทร์ชมพู” ย่าหยาปฏิเสธว่าเธอไม่ได้ชื่อจันทร์ชมพู แล้วให้ธามขอโทษเธอที่ทักผิดคน ธามจูบย่าหยาแล้วเอ่ยปากขอโทษ สร้างความแค้นให้กับย่าหยามาก ย่าหยามาหาซินแสง้วง รีบบอกซินแสว่าเธอเจอชลธีที่สนามบิน ซินแสดับฝันย่าหยาโดยบอกว่าคนที่ย่าหยาเจอคือ ธาม พี่ชายฝาแฝดของชลธี ส่วนชลธีตายไปนานแล้ว ย่าหยาเจ็บปวดได้แต่หลอกตัวเองว่าพี่ธีของเธอยังมีชีวิตอยู่ พ้งพ่อบุญธรรมของย่าหยาเช่าโรงแรมเป็นที่พักไว้ให้ หญิงสาวมาสมัครงานที่ภัตตาคารฉั่วเทียนเหลา โดยได้รับความช่วยเหลือจากหยกมณีที่ช่วยฝาก สุ่ย เจ้าของภัตตาคารในตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟให้ ย่าหยามาทำงานที่นี่เพื่อต้องการพบตัวเล้ง เมื่อเล้งเห็นหน้าย่าหยาก็ตกใจเพราะย่าหยาหน้าเหมือนจันทร์ชมพูไม่ผิดเพี้ยน ทั้งธามและเล้งต่างก็สืบหาปูมหลังย่าหยา เพราะทั้งคู่ต่างสงสัยว่าย่าหยากับจันทร์ชมพูคือคนคนเดียวกัน โดยเฉพาะธามถึงกับตามประกบหญิงสาวแทบจะทุกฝีก้าว จนกระทั่งธามจับ ฮก / ฮั้ว ลูกสมุนเล้งได้ ถึงได้รู้ความจริงว่า 2 คนนี้ รวมทั้ง เกี๊ยงลูกน้องอีกคนของเล้งได้ฆ่าจันทร์ชมพูตายแล้ว ในขณะที่ธามเลิกสงสัยย่าหยา เล้งก็เชื่อว่าเขาระแวงไปเอง เขายิงจันทร์ชมพูกับมือ ลูกกระสุนโดนจุดสำคัญ ต่อให้เป็นผู้ชายก็ไม่รอด เล้งเลิกจับผิดย่าหยาแต่หันมาสนใจหญิงสาวเป็นพิเศษเพราะบุคลิก นิสัย รสนิยมของย่าหยาช่างเหมือนหลิวเจียหลิน แม่ธามซึ่งเป็นอดีตรักแรกพบของเล้งทุกกระเบียด โดยที่เล้งไม่รู้เลยว่านั่นคือแผนของย่าหยาที่ทำทุกอย่างเพื่อให้เล้งหลงใหล เธอต้องการใกล้ชิดเล้งเพื่อจะฆ่าเล้งให้สาสมกับความเลวที่เล้งทำไว้กับพ่อ แม่และตัวเธอ จากการที่ธามตามประกบย่าหยาทำให้ชายหนุ่มผูกพันกับหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว สร้างความไม่พอใจให้กับโบตั๋น ซึ่งเป็นเมียลับๆของธาม ในขณะที่ธามกับเล้งชิงไหวชิงพริบในเรื่องธุรกิจ ทั้งคู่ก็ห้ำหั่นกันเรื่องความรักด้วย ธามไปเปิดร้านทองสาขาย่อยที่ภูเก็ตตัดหน้าเล้ง เขาขอสุ่ยพาย่าหยาไปด้วยเพราะยิ่งเห็นย่าหยาโปรยเสน่ห์ใส่เล้งมากเท่าไหร่ ธามยิ่งไม่ไว้ใจเธอมากเท่านั้น การเดินทางครั้งนี้ทั้งคู่ต้องหนีการไล่ล่าของลูกน้องเล้ง ย่าหยาถูกยิงเพราะช่วยธาม ธามจึงพาเธอไปรักษาตัวที่บ้านพักบนเขาและดูแลเธอย่างดี ทั้งคู่ สัญญาจะไม่โกหกกันและจะดูแลกันเหมือนคนในครอบครัว เล้งแค้นใจที่รู้ทีหลังว่าธามพาย่าหยาไปภูเก็ตด้วย เขาวางหมากสุดท้ายด้วยการใช้ให้โบตั๋นซึ่งเป็นหลานของซ้ง มือขวาเล้งใช้มารยาหญิงหลอกล่อ เฉียง มือขวาธามให้แตกคอกับธาม ความรู้สึกดีๆก่อตัวขึ้นในใจธามกับย่าหยา แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องผิดใจกันอย่างรุนแรง ในงานศพของสุง เมื่อธามเห็นย่าหยาจับมือถือแขนกับหลงซึ่งเป็นบอดี้การ์ดหงส์ และย่าหยาก็เห็นธามกอดและแสดงออกว่ารักหงส์มากจนเข้าใจว่าหงส์คือคู่รักของธาม ในขณะที่ธามก็เข้าใจว่าหลงคืออดีตคนรักของย่าหยาที่กลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับหญิงสาว ความเข้าใจผิดบานปลายจนย่าหยาเข้าใจว่าธามจะแต่งงานกับหงส์ เธอจึงประกาศจะหมั้นกับเล้งซึ่งขอเธอแต่งงานก่อนหน้านี้หลายครั้ง ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ย่าหยาได้พบกับหลง ต่างก็จำกันได้ เพราะในวันที่เล้งยิงจันทร์ชมพู แล้วสั่งให้หลงฝังศพเธอ จันทร์ชมพูกลับฟื้นขึ้นมาก่อน และพอดี พ้งก็เข้ามาช่วย นำศพคนตายมาฝังแทนจันทร์ชมพู โดยหลงเป็นคนฝังศพคนอื่นไปแทน เพื่อช่วยจันทร์ชมพู ซึ่งก็คือย่าหยาในวันนี้เอง ย่าหยาขอบคุณหลงอย่างสุดซึ้ง ส่วนหลงก็เล่าว่า ตนเอง ก็ถูกเล้ง เกี๊ยง ฮก ฮั้ว ตามฆ่า จนต้องกระโดดหน้าผาหนี แต่กลับรอดชีวิตมาได้ แต่ลูกและเมียกลับถูกฆ่าตายหมด ทั้งย่าหยาและหลงที่กลับมาครั้งนี้ ก็เพื่อชำระแค้นกับเล้งด้วยกันทั้งคู่ เล้งต้องการหักหน้าธาม ด้วยการเอาคนของธาม มาอยู่กับตน จึงบอกให้โบตั๋น วางยาเฉียง เพื่อให้โบตั๋นเป็นชู้กับธาม ไม่เช่นนั้น เล้งจะฆ่าซ้ง อากู๋ของโบตั๋นเสีย โบตั๋นจำใจต้องทำ เพราะตอนนี้เธอเหลือซ้งเป็นญาติเพียงคนเดียว ด้านเฉียง ก็มีใจให้โบตั๋นอยู่แล้ว เมื่อโดนยาสั่งของเล้งเข้าไป ทั้งโบตั๋นและเฉียงจึงเป็นของกันและกัน ทั้งธามและจิวจับได้ ธามบอกให้โบตั๋นเป็นอิสระจากชีวิตเขา และไล่เฉียงออกจากแก๊งกระทิง เล้งเกลี้ยกล่อมให้เฉียงมาอยู่กับเขา ยิ่งเมื่อโบตั๋นรู้ความจริงว่า ซ้งเสียชีวิตแล้ว ยิ่งทำให้โบตั๋นแค้นเล้งมาก โบตั๋น ได้ทำร้ายคนที่เธอรักที่สุดในชีวิตคือธาม และทำให้เฉียง คนที่รักเธอ อยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุดในชีวิต โบตั๋นกับเฉียง เหมือนคนไม่มีทางไป ทั้งคู่ตกลงใจ จะทำความดี ชดใช้เรื่องเลวร้ายที่ทำต่อธาม ด้วยการทำทีเข้าไปอยู่แก๊งของเล้ง แล้วหาทางช่วยธาม ฆ่าเล้งให้ได้สักวัน ก่อนจะมีงานมงคลระหว่างเล้งกับย่าหยา เล้งก็ส่งท้ายความเลวของตัวเองด้วยการบุกถล่ม ธาม ภรพ ทรงกลด คณิน หงส์ ที่ฉั่วเทียนเหลา เพราะต้องการถอนรากถอนโคนพวกเลือดมังกรรุ่นใหม่ที่ประชุมเรื่องล้างอิทธิพลเถื่อนและธุรกิจนอกกฎหมายอยู่ที่นั่น ธามขอร้องไม่ให้ย่าหยาไปที่ฉั่วเทียนเหลา แต่เธอไม่ยอม ยืนยัน จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างธาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่ฉั่วเทียนเหลา อิกมาช่วยเล้งอีกแรง อิกจะยิงธาม ย่าหยาเห็น จะเข้าช่วย เล้งเห็นย่าหยาวิ่งออกไป จึงเอาตัวเข้ากำบังกระสุนแทน ทำให้เล้งบาดเจ็บ ย่าหยาแอบแค้นใจที่เล้งไม่ตาย สุดท้ายพาเล้งส่งโรงพยาบาล และอาสาไปทำแผลให้เล้งที่บ้านอีกด้วย หญิงสาวมีโอกาสหลายครั้งที่จะจัดการเล้งแต่เธอทำไม่ได้เพราะธามตามมาขัดขวางทุกครั้ง เขาต้องการเล้งไปสารภาพบาปและขอขมาพ่อแม่เขาในขณะที่ยังมีลมหายใจ ยิ่งนานวัน ธามและย่าหยาก็รักกันมากขึ้นทุกวัน ธามแทบไม่อาจห้ามใจ แต่ย่าหยาปฎิเสธ เพราะเธอเองรู้สึกผิดต่อชลธี และยืนยันกับธาม ว่าจะรอคนรักของเธอกลับมา โดยที่ย่าหยาไม่รู้ว่า ธามก็คือชลธีนั่นเอง เฉียงเริ่มส่งสัญญาณ ให้จิวรู้เรื่องความเคลื่อนไหวของเล้งอย่างเงียบ ทำให้จิวรู้ว่าเฉียงยังทำงานให้กับธาม ธามเองก็วางแผนให้ชานนท์ จับเล้งเรื่องค้าทองปลอม และค้ายาเสพติด แต่เล้งก็รอดไปได้ทุกครั้ง โบตั๋นเริ่มเห็นความดีในตัวเฉียงมากขึ้นทุกวัน สุดท้ายสองคนก็รักกันจริงๆ ตกลงใจอยู่กันฉันท์สามี ภรรยาอย่างสมบูรณ์ในที่สุด ย่าหยาตัดสินใจ รับปากเรื่องที่จะแต่งงานกับเล้ง เพื่อใกล้ชิดกับเล้งให้มากขึ้น ธามเสียใจมาก ที่ย่าหยายอมเอาตัวเองเข้าแลก ทั้งเสียใจและน้อยใจ ทั้งสุ่ยและหยกมณี ไม่เห็นด้วยที่ย่าหยาจะแต่งงานกับเล้ง พยายามพูดจาหว่านล้อมให้ย่าหยาเปลี่ยนใจ เพราะรู้ดีว่า ย่าหยารักธาม สุดท้ายย่าหยาจึงยอมทำตามใจตนเอง ไปหาธามที่บ้าน สารภาพรักกับธาม ธามดีใจมาก ทั้งสองมีความสัมพันธ์กัน ธามดีใจจนออกนอกหน้า บอกจะลืมเรื่องราวอันแสนเจ็บปวด ที่คนรักของเขาเคยยิงตนเองให้ตายทั้งเป็นมาแล้วครั้งหนึ่ง ความสุขที่ย่าหยามีได้พังทลายลงเพียงชั่วข้ามคืน เมื่อธามสารภาพว่า เขาเองนี่แหละคือชลธี แต่ต้องปลอมตัวกลับมาเป็นธาม พี่ชายร่วมสายเลือด หลังจากที่ธามประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน เพราะต้องการกลับมาแก้แค้นเล้ง ย่าหยาเสียใจมาก เพราะหากชลธีได้จบชีวิตลงแล้ว เธอก็จะเริ่มต้นใหม่กับธาม แต่ในเมื่อธามคือชลธี เธอจะทำเช่นไร ย่าหยาไม่กล้าที่จะบอกกับธามว่าตนเองนี่แหละคือจันทร์ชมพู คนที่ยิงชลธีด้วยตนเอง เพื่อช่วยพ่อและแม่จากน้ำมือของเล้ง เธอจะทำอย่างไร ธามจะเกลียดเธอขนาดไหน ถ้ารู้ว่าเธอคือจันทร์ชมพู ธามพาย่าหยามาที่ภูเก็ต เพื่อรอจัดการกับเล้ง ในวันที่เล้ง มาส่งมอบยาเสพติดให้กับมิสเตอร์ลี ย่าหยาทำทีโทรศัพท์หาเล้ง บอกว่ารอเขาอยู่ที่ภูเก็ต ทำให้เล้งฝันหวาน ถึงวันแต่งงานกับย่าหยาอย่างใจจดจ่อ แล้วความจริงทุกอย่างก็เปิดเผยขึ้นก่อนวันสำคัญ หลังจากที่อาฟงได้รับมอบหมายจากธาม ให้ไปตามสืบประวัติย่าหยา อาฟงมาบอกกับธามว่า คนชื่อพราวเดือนที่ย่าหยาอ้างว่าเป็นตนเองนั้น ที่จริงพราวเดือน สติฟั่นเฟือน โดยมีป้าพูนดูแลอยู่ และคนที่พาพราวเดือนไปรักษาก็คือย่าหยา หรือจันทร์ชมพูนั่นเอง ธามแค้นใจมากที่ย่าหยาหลอกตนเอง เขายกปืนขึ้นมาจะฆ่าย่าหยา ซึ่งย่าหยาเองก็ไม่ตอบโต้ ยอมรับในชะตากรรม สุดท้ายธามตัดใจไม่ลง จึงขังย่าหยาเอาไว้ที่บ้าน และพ้ง ก็ตามมาช่วยย่าหยา ออกไปได้ในที่สุด ชานนท์ นำกำลังตำรวจ มาจับเล้ง ขณะส่งมอบยาเสพติดให้กับมิสเตอร์ลี ธามปรากฏตัวขึ้น เล้งจึงรู้ว่าทุกอย่างเป็นแผนการของธาม ธามให้ชานนท์กันตัวมิสเตอร์ลีออกไป เสียงปืนดังขึ้นไม่หยุด เกิดการต่อสู้กัน เพราะเล้งไม่ยอมให้ตำรวจจับ เฉียงไปช่วยธามอีกแรง แล้วพ้งกับย่าหยาก็ปรากฏตัวขึ้น เล้งจะยิงธาม ย่าหยาเข้าช่วย บอกให้ธามยิงเล้ง แล้วย่าหยาก็สารภาพว่า เธอไม่เคยรักเล้งเลย ที่พยายามเข้าใกล้เพราะหาทางฆ่าเล้ง แก้แค้นแทนพ่อแม่เธอนั่นเอง เล้งหัวใจสลาย เล้งไม่ลดละที่จะฆ่าธาม พ้งเอาปืนจ่อเล้ง แต่ยิงเล้งพลาดไป เล้งจึงเป็นฝ่ายยิงพ้งเสียเอง ส่วนธามก็ยังแค้นใจย่าหยาไม่หาย ย่าหยาจึงตัดสินใจยิงเล้งด้วยตนเอง แล้วเอาปืนยิงตนเอง เพื่อไถ่โทษให้กับครอบครัวของธาม และชดใช้ในสิ่งที่เคยทำให้ธามเจ็บปวด ย่าหยาบาดเจ็บ เธอกำลังจะตกลงไปในน้ำ ทั้งเล้งและธาม ช่วยกันยื้อยุดไว้ ย่าหยาปล่อยมือเล้ง และบอกกับธาม ว่าขอชดใช้ให้ครอบครัวธามด้วยลมหายใจ ไม่ว่าเขาจะเป็นชลธีหรือธาม เธอก็รักสุดหัวใจ แล้วย่าหยาก็ปล่อยมือธาม ปล่อยให้ตนเองตกลงไปในน้ำ ธามกับเล้งเสียใจไม่แพ้กัน เล้งพยายามพูดยั่วให้ธามฆ่าตนเอง เล่าถึงอดีตที่เคยใส่ความพ่อของธามจน พ่อธามต้องฆ่าตัวตาย แต่สุดท้ายแม่ของธามก็ยิงตัวตายตามไปอีกคน ธามจะลากตัวเล้งไปขอขมาพ่อและแม่หน้าหลุมศพ เล้งไม่ยอม ธามจึงต้องแทงเข้าที่ขาของเล้ง แล้วพาตัวไป เล้งทรมานใจที่ต้องไปขอขมาต่อเจียหลิน ผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด และยิ่งสลดใจไม่หาย เมื่อเห็นว่าย่าหยายิงตัวเอง แล้วปล่อยร่างให้ตกน้ำไป เล้งเสียใจสุดขีด ธามพาเล้งมาขอขมาที่หลุมศพจนได้ โดยมีภรพ คณิน ทรงกลด มาเป็นพยานอีกด้วย เฉียงกับโบตั๋น ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ธามให้เฉียงพาโบตั๋นไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้อย่างมีความสุข ธามเสียใจที่ย่าหยาได้จากไป ซินแสง้วง จึงเล่าให้ฟังว่า ในอดีต จันทร์ชมพูรักชลธีมาก แต่จำใจต้องทำร้ายครอบครัวเขา เพราะถูกเล้งบังคับ จันทร์ชมพูแทบเอาชีวิตไม่รอด เพราะถูกเล้งยิง จนพ้งพามาให้ซินแสง้วงรักษา จันทร์ชมพูเพ้อถึงชลธีตลอดเวลา และรู้สึกผิดต่อครอบครัวของชลธีมาตลอด จนสุดท้าย พ้งต้องพาจันทร์ชมพูหนีไปต่างประเทศ ธามโล่งใจ เพราะรู้แล้วว่า จันทร์ชมพู หรือย่าหยา รักเขาอย่างจริงใจ ย่าหยารอดชีวิตมาได้ เธอไปจุดธูปขอขมา พ่อและแม่ของธาม และคลาดกับธามเพียงนิดเดียว ธามเองก็ยังรอคอยที่จะได้กลับมาใช้ชีวิตร่วมกับย่าหยาอีกครั้ง ต่างฝ่ายก็มีความรักให้กันและกัน รอเพียงเวลา ที่จะกลับมารักกันอีกครั้งเท่านั้นเอง

เลือดมังกร สิงห์ 2558

เลือดมังกร สิงห์ (2558/2015) ทรงกลด ลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวตง มหาเศรษฐีเจ้าของเซียงกงย่านเยาวราช ผู้มีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สิ่งที่ขาดไปคือความรักและความอบอุ่นทางใจ ตงไล่เขากับวรดีผู้เป็นแม่ไปจากชีวิต ทรงกลดจึงไม่ลงรอยกับพ่อเท่าไรนัก เจ้าสัวตงแต่งงานอีกครั้งกับ เหมยลี่ หญิงสาวคราวลูกยิ่งทำให้เขากลายเป็นส่วนเกินของครอบครัวแต่แล้วหัวใจที่หยาบกระด้างของเขาก็กลับอ่อนละมุนลงเมื่อได้พบกับอาจู สาวน้อยที่ก้าวเข้ามาสมัครงานในตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวที่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่เขาขาดหายมาทั้งชีวิต

ในเทศกาลสารทจีน ทรงกลดถูกลอบปองร้ายจากใครบางคนจนแทบเอาชีวิตไม่รอดที่โรงงิ้ว ทำให้อาจู ต้องพลอยรับชะตากรรมไปด้วย ถึงแม้ภายนอกของอาจูจะดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อย แต่กลับฉลาดทันเกมเขาไปเสียทุกเรื่อง ทำให้ทรงกลดอดเอ็นดูเลขาสาวไม่ได้ ทรงกลดมืดแปดด้านไม่รู้ว่าใครที่เป็นหมาลอบกัดกล้าปองร้ายสิงห์หนุ่มอย่างเขาในช่วงที่เกิดเหตุชุลมุนอาอัน มือขวาของทรงกลดสืบข่าวจนรู้เบาะแสบางอย่างจากหยกมณี คนรักที่เป็นนักร้องในภัตตาคารฉั่วเทียนเหลาว่าคนที่ลอบทำร้ายทรงกลดอาจจะเป็นคนของแก๊งเต่ามังกร ของเสี่ยเคี้ยง ก็เป็นได้ ทรงกลดปักใจเชื่อเนื่องจากแก๊งเต่ามังกรคือแก๊งอันธพาลที่เก็บค่าคุ้มครองในย่านเยาวราชจนกระทั่งรุกล้ำเข้ามาในเขตของแก๊งเขี้ยวสิงห์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าสัวตงอยู่บ่อยครั้ง ด้วยความมุทะลุของสิงห์จึงพาอาอันกับสมุนบุกไปถึงถิ่นแก๊งเต่ามังกรอย่างไม่กลัวตายทันทีทรงกลดบุกเข้าไปเผชิญหน้ากับ เสี่ยเคี้ยง หัวหน้าแก๊งเต่ามังกรทันที ทรงกลดหาว่าเต่ามังกรเล่นไม่ซื่อ ส่งให้ อาอิก สมุนมือขวาวางแผนสกปรกลอบกัดทีเผลอ แต่เสี่ยเคี้ยงกลับยืนกรานปฏิเสธ ทรงกลดไม่ไว้ใจเสี่ยเคี้ยงตลอดมาทรงกลดกับอาจูใกล้ชิดสนิทสนมในเวลาอันรวดเร็ว เขาอยากรู้จักอาจูจึงสะกดรอยตามไปที่บ้านของเธอ จนพบว่าอาจูอาศัยอยู่ห้องแถวไม้ซอมซ่อกับ เง็กผู้เป็นแม่ ย่าซิ่วเอ็ง และอาเว่ยน้องชาย โดยทำขนมถ้วยจีน ขายที่หน้าศาลเจ้า ส่วนพ่อตายตั้งแต่อาจูยังจำความไม่ได้ ทรงกลดรู้สึกเห็นใจและสงสารในชีวิตความเป็นอยู่ของอาจูที่ต้องทำงานหาเลี้ยงแม่และย่าและส่งเสียน้องชายให้เรียนมหาวิทยาลัย อาจูแนะนำทรงกลดให้แม่และย่ารู้จัก แต่แล้วเง็กก็ถึงกับหน้าถอดสีเมื่อรู้ว่าทรงกลดเป็นลูกชายของเจ้าสัวตง หัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ ในขณะที่ซิ่วเอ็งตาวาวโรจน์ด้วยความยินดีที่การรอคอยเพื่อแก้แค้นให้อาเหลียง ลูกชายของนางเป็นเวลากว่า 20 ปีมาถึงแล้วเง็กสั่งห้ามอาจูไม่ให้คบหากับทรงกลดเด็ดขาด จนถึงขั้นสั่งให้อาจูลาออกจากการเป็นเลขาส่วนตัวของทรงกลด เง็กยอมเล่าความจริงให้ฟังว่าไม่อยากให้อาจูคบหากับทรงกลดเพราะไม่ไว้ใจพวกนักเลง กลัวว่าทรงกลด จะพลอยทำให้อาจูเดือดร้อนไปด้วย อีกอย่างเจ้าสัวตงมีส่วนทำให้อาเหลียง ลูกชายของซิ่วเอ็งต้องผูกคอตาย ทรงกลดไปมาหาสู่อาจูเสมอ เขารักอาจูอย่างจริงใจ เพราะถึงแม้อาจูจะเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆ แต่เธอก็เสี่ยวเป็นเสี่ยงตาย ร่วมกับทรงกลดมาหลายครั้ง ซิ่วเอ็งหาหนทางเข้าถึงตัวของตงได้ในที่สุด เพราะซิ่วเอ็ง เข้าใจว่า ตง พ่อของทรงกลด เป็นคนฆ่าเหลียง ลูกชายคนเดียวของซิ่วเอ็ง พ่อของเว่ย ซิ่วเอ็งวางยาในน้ำชา ให้ทรงกลดและอาจูดื่ม วันที่ทรงกลดมาหาอาจูที่บ้าน แล้วจับคนทั้งคู่ ขึ้นไปนอนอยู่เตียงเดียวกัน เมื่อเง็กกลับมาที่บ้าน เห็นสภาพของทรงกลดและอาจู ก็โกรธจัด เฆี่ยนตีอาจูไม่ยั้ง ซิ่วเอ็ง ไปพบตงที่บ้าน บอกให้ตงรับผิดชอบด้วยการ ให้ทรงกลดแต่งงานกับอาจู อันเริ่มสงสัย ว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง ทำให้ทรงกลดพลอยคิดมากไปด้วย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นแผนของใครอาจูจับได้ว่าซิ่วเอ็ง เป็นคนวางยา ซิ่วเอ็งบังคับให้อาจูเข้าไปอยู่ที่บ้านทรงกลด ไม่เช่นนั้น เง็ก กับเว่ยจะเป็นอันตราย อาจูจึงจำใจยอมรับสภาพในที่สุด ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง งานแต่งของทรงกลดกับอาจู ถูกจัดขึ้นอย่างเงียบ ๆ ทรงกลด อัน มารับตัวอาจูที่บ้าน โดยมีเว่ย ตามไปส่งอาจูด้วย ระหว่างทาง อิก ลูกน้องของเคี้ยง มาจับตัวอาจูไป แล้วให้ทรงกลด ไปรับตัวอาจู ที่แก๊งเต่ามังกรของเคี้ยง เพราะเคี้ยงแค้นใจที่ทรงกลด ส่งคนไปบุกที่บ่อน และโรงฝิ่น ซึ่งทรงกลดเองไม่รู้เรื่องเลยว่า คนที่ให้ร้ายทรงกลด คือหมง และอิก ที่ร่วมมือกัน โดยมีเล้งบงการอยู่เบื้องหลัง เคี้ยงจึงเข้าใจทรงกลดผิดไปทรงกลดยอมคุกเข่าขอขมาเคี้ยง ด้วยความแค้นใจ แต่ด้วยเพราะอยากช่วยอาจู แล้วทรงกลด ก็พาอาจูกลับบ้านไป เมื่อเง็กรู้ว่าเคี้ยงจับตัวอาจูไปก็แค้นใจจัด ตรงไปที่บ้านของเคี้ยง ตบตี ด่าว่า เคี้ยงสารพัด จนแทบไม่เหลือมาด หัวหน้าแก๊งเต่ามังการ เง็กเปิดเผยว่า อาจู คือลูกของเคี้ยงกับเง็ก ที่เง็กตั้งท้องตั้งแต่ยังสาว ตอนที่ยังอยู่กินกับเคี้ยง แล้วเง็กก็เลิกราไป เพราะรับสภาพของเคี้ยงไม่ได้ ที่ชอบเลือกเดินทางแบบนักเลง เคี้ยงทั้งดีใจ ทั้งตกใจ และเสียใจที่เป็นคนทำร้ายลูกสาวของตนเองกับมือ ที่สำคัญ เคี้ยงกลายเป็นพ่อตาของทรงกลดไปเสียแล้วตงทำพิธีต้อนรับอาจูที่บ้าน เคี้ยงระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ จึงไปที่บ้านของตงพร้อมเง็ก และเปิดเผยต่อหน้า ตง ปอ อัน ทรงกลด เหมยลี่ หมง ว่าอาจูเป็นลูกสาวของตน ทุกคนช็อคไปตาม ๆ กัน อาจูรับไม่ได้ว่าเคี้ยงเป็นพ่อ ที่สร้างความร้ายกาจให้กับทรงกลดมากมาย ทรงกลดเองก็รับไม่ได้ ที่อาจูกลายเป็นลูกของเคี้ยง คืนนั้น อาจูต้องนอนอยู่ในห้องหอเพียงลำพัง เพราะทรงกลดทำใจยอมรับไม่ได้ รุ่งเช้า เธอจึงเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านตงทันที ทรงกลดทำอะไรไม่ถูก มีเพียงอันที่คอยเตือนสติ ให้ทรงกลด รีบคิด รีบแก้ไขเหตุการณ์แต่โดยเร็ว ก่อนที่จะไม่ได้เห็นหน้าอาจูอีกทรงกลดไปถึงบ้านอาจู ก่อนที่อาจูจะกลับมาพบเง็ก เขามานั่งรออาจู พร้อมทั้งขนข้าวของให้ซิ่วเอ็ง เง็ก และเว่ย ย้ายไปอยู่ที่บ้านตงด้วยกัน แรกทีเดียวอาจูไม่ยอม แต่สุดท้าย ทั้งซิ่วเอ็ง และเง้ก ก็เกลี้ยกล่อมให้อาจู ทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด อาจู เลยต้องจำยอม ตงเห็นความตั้งใจของทรงกลด เรื่องการนำเข้ารถยนต์ จึงอนุมัติให้ทรงกลด ได้ทำงานในโครงการนี้ ซ้ำยังช่วยไปพูดให้อาจู ยอมเข้าหอกับตงในที่สุด ซิ่วเอ็ง เง็ก เว่ย เข้าไปช่วยงานในครัว ตามที่เหมยลี่สั่ง ถึงแม้ตงจะไม่พอใจ เพราะครอบครัวของอาจู ไม่ได้อยู่ในฐานะคนอาศัย แต่อยู่ในฐานะ ครอบครัวของสะใภ้แก๊งเขี้ยวสิงห์ แต่ซิ่วเอ็งกลับตอบรับอย่างยินดี เพราะตั้งใจ จะต้มสมุนไพร ใส่ยาพิษให้ตงกินอยู่แล้ว เง็กเอง ก็ไม่กล้ามองหน้าตงเท่าใดนัก เพราะในอดีต พ่อของเว่ยเคยทำงานกับตง แต่ตงจำเง็กไม่ได้ทรงกลด กับอัน จับได้ว่า หมงกับเหมยลี่ มีความสัมพันธ์กัน ทรงกลดตัดสินใจบอกความจริงกับตง แต่ตงไม่เชื่อ ทำให้ทรงกลดเสียใจมาก เหมยลี่เบื่อที่จะต้องเป็นเมียเก็บของหมง จึงยุให้หมงฆ่าตง หมงจะได้ขึ้นตำแหน่งหัวหน้าแก๊งแทน เพราะหมงเองก็รู้ดีว่า การที่ตงจะมอบตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้ตนเอง เพียงเพราะต้องการให้หมง เป็นเกราะกันกระสุนให้กับทรงกลด ตงไม่ต้องการให้ทรงกลด มีอันตราย จากศรัตรูรอบด้านนั่นเองเคี้ยงพยายามงอนง้อเง็กทุกวิถีทาง แต่เง็กไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อน เว่ยกับทรงกลด เลยวางแผนลองใจเคี้ยง โดยให้เคี้ยงไปช่วยเง็กหาบขนมขาย เคี้ยงก็ยอมทุกอย่าง กลายเป็นว่า เคี้ยงกับทรงกลด ญาติดีกันโดยปริยาย แต่เง้กก็ยังยื่นคำขาดอีกว่า หากเคี้ยงยังไม่เลิกเปิดบ่อน และโรงฝิ่น เง็กก็จะไม่ยอมฝากชีวิตไว้กับเคี้ยงอีกต่อไป ทำให้เคี้ยงคิดหนักมาก อิกเห็นภาพที่เคี้ยงกลายเป็นพ่อค้าขายขนมแล้วทำใจไม่ได้ ตัดสินใจขอไปอยู่กับเล้ง เล้งเลยสั่งให้อิกฆ่าเคี้ยง แล้วยังบอกให้หมง ฆ่าตงและทรงกลดอีกด้วย เมื่อหมงและอิก ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง เล้งจะได้มีคะแนนเสียงเพิ่มอีกสองคะแนนในการสนับสนุน ให้เล้งเป็นหัวหน้าแก๊งทั้งหลายอีกทีอิกไปเที่ยวที่ฉั่วเทียนเหลา แถมยังตามไปส่งหยกมณีถึงที่บ้าน อันหึงหยกมณีจนเห็นได้ชัด หยกมณีบอกว่าตนเองจะไปร้องเพลงที่ฮ่องกง อันไม่คัดค้าน เพราะเห็นว่าเป็นอนาคตของหยกมณี ยิ่งทำให้หยกมณีเสียใจที่อันไม่รั้งตนเองไว้ แต่สุดท้ายทรงกลด ก็พูดเตือนสติ ให้อันเห็นแก่ความรักที่หยกมณี มีต่ออัน จนสุดท้าย อันก็ตามมาง้อขอคืนดีกับหยกมณีได้ในที่สุดทรงกลด มาตงไปหาหมอ จึงรู้ว่าตงโดนยาพิษ มุ่ยบอกว่า เห็นเหมยลี่ เอายาพิษใส่ไปในอาหารให้ตงกิน เหมยลี่ ถูกอัน และทรงกลดจับตัวไปขัง ซิ่วเอ็ง กับหมง กลัวเหมยลี่ ซัดทอดมาถึงตน ซิ่วเอ็งจึงเอายากล่อมประสาทให้เหมยลี่กิน และสั่งให้ฆ่าตัวตายในที่สุด ส่วนมุ่ย ก็รู้ความจริงเรื่อที่หมง ร่วมมือกับซิ่วเอ็ง จะฆ่าตง ซิ่วเอ็ง เลยฆ่ามุ่ย ตายตามไปอีกคนหนึ่ง ตงฟื้นขึ้นมา ได้รับรู้ทุกสิ่ง เขาทำใจยอมรับ เรื่องที่เหมยลี่ เป็นชู้กับหมง หมงกลัวความผิด จึงขอให้ซิ่วเอ็ง รีบกำจัดตงอีกครั้ง ตง ตั้งใจ จะให้ทรงกลดเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ จึงบอกกับปอ แต่ซิ่วเอ็ง วางยาตง จนตงกลายเป็นอัมพาต พูดไม่ได้ ไปเสียก่อนเคี้ยงยังคงแวะเวียนมาหาเง็กอยู่เสมอ เขาขอเวลาอีกนิด เพื่อที่จะเลิกทำธุรกิจผิดกฎหมาย แต่มากกว่านั้น เคี้ยงต้องการให้อาจูเรียกว่าป๊า เขารู้สึกภูมิใจมากที่มีลูกสาวที่เพียบพร้อมอย่างอาจู แต่อาจู ยังไม่มีทีท่าใจอ่อนลงเลย ทำให้เง็ก เริ่มสงสาร เห็นใจเคี้ยงมากขึ้น หยกมณี มาบอกอันด้วยความดีใจ ว่าได้ฤกษ์แต่งงานแล้ว อีก 3 เดือนข้างหน้า อันบอกว่า เมื่อทรงกลดได้เป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์เมื่อไหร่ อันเอง ก็จะมีลูกน้อง มาช่วยดูแลทรงกลด ทำให้มีโอกาสได้อยู่กับหยกมณีมากขึ้น หยกมณียิ้มปลื้มด้วยความดีใจที่บ้านทรงกลด ปอประกาศให้ทุกคนรู้ว่า ทรงกลดจะเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ จนกว่าตง จะหายจากอาการป่วย หมงไม่ยอม แค้นใจจัด จึงจับอาจูเป็นตัวประกัน หมงจะฆ่าอาจู อาจูหนี ทรงกลดยิงหมง แล้วหมงก็รีบหนี ไปขออาศัยอยู่กับเล้งในที่สุด ทรงกลดรู้สึกผิดที่ทำให้อาจูเจ็บตัวอีกครั้ง ซิ่วเอ็งไม่ได้ยินดียินร้ายเลย เรื่องที่อาจูต้องเจ็บตัวเพราะหมง กลับขู่ตงอีกว่า ไม่มีวันกลับไปเป็นปกติเหมือนเดิมได้ ตงรู้แล้วว่า ซิ่วเอ็งเป็นคนร้าย แต่ไม่สามารถบอกใครได้วันเลือกตั้งนายกสมาคมเลือดมังกรคนใหม่แทนสุง ที่เสียชีวิตไป ทั้งภรพ ธราม คณิน หงส์ มาเป็นกำลังใจให้กับทรงกลดอย่างพร้อมหน้า ส่วนเล้งก็ขู่ให้เคี้ยงเลือกตนเองเป็นหัวหน้า ดั่งคำที่เคี้ยงเคยให้สัญญากับเล้งไว้ ไม่เช่นนั้น เคี้ยงอาจจะเดือดร้อน การเลือกตั้ง เป็นไปอย่างสูสี เล้งเรียกคะแนนด้วยการยอมสละเสียงของตนเองหนึ่งเสียง ไม่ยอมลงคะแนน ซึ่งสุดท้าย เคี้ยงจำใจต้องเลือกเล้ง ดังคำสัญญา เลยทำให้คะแนนของทรงกลด และเล้ง เท่ากันอยู่ 9 ต่อ 9 ทรงกลดตัวสินใจ ลงคะแนนให้ตนเอง จนทำให้ทรงกลดได้เป็นหัวหน้าแก๊งเลือดมังกรในที่สุด เล้งจับมือแสดงความยินดีกับทรงกลด ด้วยใจที่เจ็บแค้นทรงกลดแถลงนโยบาย จะทำถิ่นมังกรสีขาว เลิกโรงน้ำชา โรงฝิ่น ฝ่ายเล้งไม่เห็นด้วย เล้งจึงท้าทรงกลด ว่าถ้าหากหนึ่งเดือนนับจากนี้ ทรงกลดทำไม่สำเร็จ เล้งจะเป็นฝ่ายยึดตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเลือดมังกรจากทรงกลดกับมือ ทรงกลดขอแรงสนับสนุนจากเคี้ยง เพราะรู้ดีว่า หากเคี้ยงเปลี่ยนใจ มาอยู่ฝ่ายทรงกลด จะมีผู้นำ พวกพ้องของเคี้ยงอีกหลายคน ที่เห็นด้วยกับทรงกลด เคี้ยงยังไม่รับปากในทันที เขาบอกกับทรงกลด ว่าหากทรงกลด ทำให้อาจู เรียกเคี้ยงว่าอาป๊า เมื่อไหร่ จะยอมช่วย ทรงกลด เล้งแค้นใจทรงกลดมาก สั่งให้อิกกับหมง ฆ่าทรงกลด ธาม คณิน และหงส์ให้ได้อาจูและทรงกลด พบจดหมายของตง และวรดี แม่ของทรงกลด เขียนติดต่อกัน ทำให้ทรงกลดรู้ว่า สาเหตุที่ตงส่งทรงกลดกับแม่ไปอยู่อเมริกา ก็เพื่อความปลอดภัย ทรงกลดรู้สึกผิดต่อพ่อ ถึงขนาดไปคุกเข่าขอโทษตง อาจูดีใจที่พ่อลูกปรับความเข้าใจกันได้ ทรงกลดเริ่มรู้ตัวว่า โชคชะตาของตนเองเริ่มเหมือนกับต่อ ที่จะต้องเสียสละเพื่อคนรัก เพราะเขาเอง เริ่มรู้แล้วว่า การต่อสู้กับเล้ง กำลังจะเริ่มขึ้น และคนที่น่าเป็นห่วงที่สุด ก็คืออาจูทรงกลด ธาม คณิน หงส์ นัดเจอกันที่ฉั่วเทียนเหลา เพื่อหาทางพูดจาโน้มน้าว ให้สมาชิกเลือดมังกร เห็นด้วยกับนโยบายของทรงกลด แต่เล้ง สั่งให้อิกและหมง มากำจัดทรงกลด และ ธาม คณิน หงส์ จึงเกิดการยิงปะทะกัน ทุกคนแยกย้ายกันไป ทรงกลด ฝ่าดงกระสุนออกมาได้ อาจูตามมาด้วยความเป็นห่วง อันจึงยิงต่อสู้ เพื่อปกป้องอาจู สุดท้ายทรงกลด วิ่งออกมาเจอกับอาจู อันตามไปยิงสกัดอิก จนอิกหนีรอดไปได้ หมงจะยิงทรงกลด พอดีอาจูเห็นเข้าเสียก่อน อาจูจึงโชคร้าย ถูกหมงยิงบาดเจ็บ ทรงกลดแค้นหมงมาก จะตามหมงไป แต่ก็เป็นห่วงอาจู เลยต้องพาอาจูไปรักษาที่โรงพยาบาลก่อนทั้งเง็ก เคี้ยง ต่างก็โกรธจัดที่ทรงกลดทำให้อาจูต้องเจ็บตัว ถึงแม้อาจู จะบอกว่าไม่ใช่ความผิดของทรงกลดก็ตาม ทรงกลดตัดสินใจในที่สุด เพื่อทำให้อาจูปลอดภัย จากคนร้าย เขาพาตัวอาจู เง็ก ให้ไปอยู่ที่บ้านเคี้ยง เง็กเข้าใจถึงเจตนาของทรงกลดเอง ว่าต้องการปกป้องอาจู แต่อาจูกลับเข้าใจผิด คิดว่าทรงกลดไม่รักตนแล้ว จึงทอดทิ้งตน และลูกในท้อง ทำให้ทรงกลดเองก็เสียใจมาก เพราะไม่รู้ด้วยว่า อาจู มีลูกติดท้องไปด้วยเว่ย ต้องอยู่กับซิ่วเอ็งที่บ้านของตงต่อไป เพราะซิ่วเอ็งไม่ยอมไหนจนกว่า จะฆ่าตงได้ ยิ่งเมื่อรู้ว่าอาจูท้อง ตงมีผู้สืบสกุล ยิ่งทำให้ซิ่วเอ็งแค้นใจหนัก ซิ่วเอ็งสารภาพว่าเธอคือแม่ของเหลียง ถึงแม้ตงจะพยายามบอกว่า เขาไม่ได้โกงเหลียง ดั่งที่เหลียงบอกแก่ซิ่วเอ็ง ก่อนผูกคอตาย แต่ซิ่วเอ็งตอนนี้ ก็กลายเป็นคนที่คุ้มคลั่งจนน่ากลัวไปแล้ว ซิ่วเอ็งพาเว่ยออกไปจากบ้าน แล้วเขียนจดหมายถึงทรงกลด ทำทีว่าหมงจับตัวเว่ยกับตนเองไป ทำให้ทรงกลดร้อนใจจะออกตามหาเว่ย และไปเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เคี้ยง เง็ก อาจู ได้รับรู้ หมงไปจับตัวตงถึงที่ในบ้าน ทรงกลดบุกไปช่วยซิ่วเอ็งและเว่ย ที่โกดังร้าง เขาโดนอิกกับหมง เล่นงานจนแทบสู้ไม่ได้ พอดีอันมาช่วย เลยทำให้ทรงกลดรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่เขาแทบช็อค เมื่อเห็นซิ่วเอ็งกำลังจะฆ่าตงผู้เป็นพ่อ ทำให้ทรงกลดรู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว ซิ่วเอ็งกับหมง ร่วมมือกันจะฆ่าคนในครอบครัวของเขานั่นเอง อาจูเอง ก็ตามมาด้วย เพราะสงสัย ว่าซิ่วเอ็งจะรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็เป็นดังคาดซิ่วเอ็ง กำลังจะฆ่าทรงกลด เคี้ยงก็ปรากฏตัวขึ้น บอกกับซิ่วเอ็ง ว่า เหลียงติดการพนันจนหมดตัว เลยเอาร้านมาขายให้ตง แล้วเอาเงินตงไป โดยเคี้ยงเป็นพยานให้ ซิ่วเอ็งรู้ความจริงเริ่มคุ้มคลั่ง หมงจะยิงทรงกลด อาจูยิงไว้ได้ก่อน แล้วก็การเกิดต่อสู้กันขึ้น หมงจะยิงทรงกลด อันเห็นก่อน เอาตัวเข้าขวาง ทรงกลดแค้น ยิงหมงตาย แต่อันก็ถูกหมงยิงเช่นเดียวกัน อันฝากให้ทรงกลด เอาสร้อยคอแก๊งเขี้ยวสิงห์ไปให้หยก ทรงกลดรับฝากทั้งน้ำตา อันบอก ว่าเขาได้ทำหน้าที่ปกป้องทรงกลด อย่างสมบูรณ์แล้ว แล้วอันก็หมดลมหายใจ ในอ้อมกอดทรงกลด ทั้งเคี้ยง เง็ก อาจู ปอ ตง ต่างเศร้าไปตาม ๆ กัน อาจูสงสารทรงกลดอย่างจับหัวใจซิ่วเอ็ง ทำใจไม่ได้ ที่เป็นต้นเหตุ อยากร่ำรวย จนทำให้อาเหลียง ต้องหาเงินแบบผิด ๆ จนสุดท้ายต้องฆ่าตัวตาย ซิ่วเอ็งเลยตัดสินใจ ฆ่าตัวตายในที่สุด ทั้งเง็ก อาจู เว่ย เวทนาซิ่วเอ็งเป็นอย่างมาก หยกมณีเสียใจที่สุด ที่อันจากไป ทรงกลดเองก็รู้สึกผิด ที่ไม่อาจทำให้อัน ได้แต่งงานกับหยกมณี แต่ถึงแม้หยกมณีจะเสียใจ ที่ไม่อาจได้ร่วมชีวิตกับอัน แต่เธอก็ยืนหยัด ใช้ชีวิตเพียงลำพัง โดยมีอันอยู่ในใจเสมอ ตงเริ่มมีอาการดีขึ้น จนสามารถเดินได้ดังเดิม ตงบอกให้ทรงกลด ไปพาอาจูกลับมาเป็นนายหญิงแห่งแก๊งเขี้ยวสิงห์ให้ได้ อาจูยอมเรียกเคี้ยงว่า ป๊า ในที่สุด ทำให้เคี้ยงดีใจมาก ส่วนทรงกลด ก็ไปง้ออาจู จนอาจูใจอ่อน ยอมกลับมาอยู่ที่บ้านทรงกลด ทั้งเคี้ยง เง็ก เว่ย ตง ปอ ต่างดีใจที่อาจูกำลังตั้งท้อง โดยเฉพาะทรงกลด เขาให้คำมั่น จะดูแล ปกป้องอาจู และทุกคนในครอบครัว ให้มีความสุขตลอดไป
เลือดมังกร เสือ 2558

เลือดมังกร เสือ (2558/2015) ภรพ รุ่งเรืองไพศาลศิริ ทายาทเถ้าแก่เซี้ย เจ้าของสัมปทานเกาะรังนกใหญ่ทางภาคใต้ถูกคนร้ายลอบสังหารขณะอยู่บนเรือรับจ้างกลางทะเล แต่บุพเพอาละวาดชักนำให้เขาได้พบกับวันวิสา สาวหน้าใสโลกสวย ที่ต้องพลอยรับลูกหลงผจญกรรมไปกับเขาด้วย เรือที่ทั้งคู่โดยสารมาถูกมือมืดโจมตีด้วยระเบิด ภรพกับวันวิสาว่ายน้ำไปขึ้นเกาะร้าง ต้องขวนขวายดำรงชีพเพื่อเอาชีวิตรอด ทั้งสองใช้ชีวิตตามมีตามเกิด ได้เรียนรู้และพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่ความไว้วางใจกัน ดอกรักค่อยๆผลิบานในใจของหนุ่มสาวทั้งคู่อย่างช้าๆ โดยที่ทั้งสองต่างไม่รู้ภูมิหลังของอีกฝ่ายว่าเป็นใคร เถ้าแก่เซี้ย หรือไพศาล หัวหน้าแก๊งเสือกับสุพรรษา แม่ของภรพตกใจกับข่าวการหายสาบสูญของภรพ สั่งให้มงคล และโชคทวี ลูกน้องคนสนิทอกตามหาภรพด้วยความหวังอันริบหรี่เต็มทน หมายมั่นปั้นมือจะต้องสืบให้รู้ให้ได้ว่าคนที่คิดปองร้ายหมายชีวิตภรพเป็นใคร และหนึ่งในผู้ต้องสงสัยก็คือเถ้าแก่บันลือ หัวหน้าแก๊งมังกรทอง ซึ่งเป็นคู่แข่งค้ารังนกนั่นเอง เนื่องจากเถ้าแก่บันลือเคยแสดงท่าทีต้องการช่วงชิงสัมปทานรังนกบนเกาะใหญ่ของแก๊งเสือ ถึงแม้ภรพกับวันวิสา จะมีโอกาสได้อยู่ร่วมกันบนเกาะได้ไม่นาน แต่ทั้งสองก็ต้องทนแดด ทนฝน อดมื้อกินมื้อมาด้วยกัน ทั้งสองต่างใช้ชื่อปลอม ไม่ยอมบอกชื่อจริงของกันและกัน ภรพบอกว่าตนเองชื่อจู๋ ส่วนวันวิสา บอกว่าชื่อจิ๋ม ภรพต้องหักใจไม่ให้อยู่ใกล้วันวิสาหลายครั้ง เพราะเขาอดยอมรับกับตนเองไม่ได้ว่า ลึก ๆ ในใจ ก็ชอบวันวิสาไม่น้อย ทั้งคู่ต้องหลบกระสุน จากการไล่ล่าของคนร้ายหลายครั้ง ดังคำว่าซินแสง้วง ได้ทายทักโชคชะตาของภรพไว้ว่า พระจันทร์จะอุ้มพยัคฆ์ วันวิสาเปรียบเหมือนพระจันทร์ ตราบใดที่วันวิสาอยู่ใกล้กับภรพ ภรพจึงปลอดภัยไปได้ทุกครั้ง ภรพกับวันวิสาได้รับการช่วยเหลือกลับมาได้ ไพศาลเอาตัวภรพกลับบ้าน ส่วนวันวิสาร่างกายอ่อนแอหนัก ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ทั้งสองถูกจับแยกออกจากกัน ต่างคิดถึงกัน แต่ไม่กล้าเล่าเรื่องความเป็นไป ให้แก่พ่อและแม่ของตนเองฟัง เถ้าแก่เซี้ยกับสุพรรษาเตรียมจับคู่ภรพให้แต่งงานกับวาริน ลูกสาวนายธนาคารใหญ่เพื่อความมั่นคงทางด้านการเงินของวงศ์ตระกูล และวารินก็เพียบพร้อมที่จะเป็นสะใภ้ของตระกูล แต่พราวตา กับภรีม พี่สาวและน้องสาวของภรพดูออกว่าพี่ชายไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจวารินเลย เขามอบหัวใจให้กับวันวิสาสาวแปลกหน้าลึกลับไปเสียแล้ว เช่นเดียวกับวันวิสาที่ถูกพ่อแม่จับคู่ดูตัวกับประยูร ลูกชายแก๊งหมีขาว แต่วันวิสาปฏิเสธ เพราะตนมีความรักอยู่แล้ว ภรพกับวันวิสานัดพบกัน ทำให้รู้ความจริงว่าวันวิสาเป็นลูกสาวของเถ้าแก่บันลือ คู่ปรับคนสำคัญกับครอบครัวเขา ความรักของทั้งคู่ที่เหมือนจะลงเอยด้วยดีต้องแปรเปลี่ยนกลายเป็นรักในรอยแค้น และถูกกีดกันสารพัด ประกอบกับธุรกิจส่งออกรังนกไปเมืองจีนมีปัญหาถูกคู่ค้าตีกลับ เนื่องจากพบว่ารังนกถูกย้อมไนเตรตให้กลายเป็นรังนกแดง ขณะเดียวกันบดิน พี่ชายของวันวิสาถูกคุกคามปองร้าย ยิ่งทำให้ความร้าวฉานระหว่างสองตระกูลยิ่งบาดหมางถึงขั้นแตกหัก ภรพพยายามที่จะตัดใจจากวันวิสา เนื่องจากต้องสะสางความแค้นของทั้งสองตระกูลที่ถูกมือที่สามอยู่เบื้องหลังคอยยุยงปลุกปั่นให้แก๊งเสือและแก๊งมังกรทองต้องห้ำหั่นกันเอง ความเข้าใจผิดระหว่างสองครอบครัว ทำให้ภรพกับวันวิสาเริ่มหมางใจกัน ประยูรพาวันวิสาไปที่ฉั่วเทียนเหลา พบกับภรพ ที่มากับวาริน ยังไม่ทันที่ภรพกับวารินจะได้พูดคุยกัน ก็เกิดการยิงถล่มที่ฉั่วเทียนเหลา ภรพพาวันวิสาหนีไป ทั้งประยูร และวาริน มัวแต่ห่วงความปลอดภัยของตนเอง เลยไม่ทันได้เห็นว่า ภรพกับวันวิสาหายไปด้วยกัน บันลือและวริน บอกกับประยูรว่าวันวิสาไปค้างบ้านเพื่อน ประยูรไม่อยากจะเชื่อ ภรพพาวันวิสา มาขังอยู่ในกระท่อม ที่เกาะรังนก โดยมีจู๋ เด็กชายบนเกาะ คอยดูแลวันวิสาอีกด้วย วันวิสากระจ่างคราวนี้เอง ว่าภรพเอาชื่อจู๋มาจากไหน จากเด็กบนเกาะนี้เอง จู๋บอกว่าวันวิสาเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เข้ามาที่เกาะ เพราะภรพ ไม่ให้ผู้หญิงขึ้นมาบนเกาะ บอกว่าจะเกิดสิ่งไม่ดีขึ้น วันวิสาลงไปอาบน้ำที่น้ำตก ภรพตามลงมาอาบน้ำด้วย พร้อมสั่งให้วันวิสาถูหลังให้อีก วันวิสากับภรพ อยู่ด้วยกันบนเกาะ กินข้าว นอนบ้านเดียวกัน ถึงแม้ภรพจะแกล้งร้ายใส่วันวิสา แต่เขาก็ไม่ได้คิดร้าย ดั่งที่ปากว่าไป วันวิสาหาทางจะหนีกลับบ้าน แต่ถูกภรพจับได้เสียก่อน เลยถูกลากตัวกลับมาที่กระท่อมอีกครั้ง ภรพขึ้นไปบนฝั่งเพื่อสืบเรื่องราวของการจัดส่งรังนก เพราะคาดว่า น่าจะมีมือที่สามคอยใส่ร้าย แต่ภรพกลับถูกลอบยิง คืนนั้น ภรพจึงไม่ได้กลับไปที่กระท่อม ทำให้วันวิสา รู้สึกว้าเหว่มากที่ไม่มีภรพอยู่ใกล้ๆ ภรพเริ่มสงสัย ว่าคนที่ปองร้าย น่าจะเป็นคนใกล้ตัว เพราะนอกจากพ่อและแม่แล้ว ไม่มีใครรู้ว่า ภรพอยู่ที่เกาะรังนก จึงโทรกลับไปหาไพศาล ภรพกับไพศาล เริ่มหาทางจับคนร้ายตัวจริงให้ได้ รังนกของภรพ ถูกส่งเข้ากรุงเทพฯ วันเดียวกับรังนกของบ้าน บันลือ เฮ้ง แกล้งพูดใส่ร้ายทั้งสองฝ่าย ให้เข้าใจกันผิดมากขึ้นไปอีก รถขนรังนกของภรพถูกจี้ รถของบันลือก็โดนด้วย ภรพกับภาษิต ตามไปดู รู้ว่าเป็นคนร้าย สลับเอารังนกปลอม ใส่รถของบันลืออยู่ เพื่อโยนความผิดให้ภรพ เมื่อกลับมาที่เกาะรังนก วันวิสาก็ป่วยหนัก ภรพเฝ้าดูแล ป้อนข้าว เช็ดตัวให้ทั้งคืน ความรักในใจของภรพยิ่งก่อตัวมากขึ้นทุกวัน ในขณะที่เขาเองก็รู้ดีว่าความรักครั้งนี้ไม่อาจเป็นไปได้ สุดท้าย ภรพจึงตัดสินใจ ปล่อยให้วันวิสากลับไปบ้าน ด้วยหัวใจที่แตกสลาย เขาให้ภาษิต ขับเรือไปส่ง หลังจากนั้น ภรพจึงนั่งเรือตามไป แล้วก็ถูกยิงจนตกทะเลไปในที่สุด ภรพโทรหาไพศาล วางแผนหลอกทุกคนว่าภรพตายแล้ว ไพศาลลงไปหาภรพที่เกาะรังนก อ้างว่าไปรับศพภรพ ไพศาลจึงรู้ว่ามีมือที่สามทำให้ไพศาลกับบันลือเข้าใจผิด และคนร้าย พยายามจะฆ่าภรพ ให้ทั้งสองฝ่าย เข้าใจกันผิด วันวิสารู้ข่าว ก็ร้องไห้เสียใจหนัก ที่ศาลเจ้าซินแสง้วง ทรงกลดโผล่มา มอบของที่ว่าภรพฝากไว้ให้วันวิสา เป็นสร้อยที่วันวิสาเคยทำให้ภรพ ตอนที่อยู่บนเกาะด้วยกัน ยิ่งทำให้วันวิสานึกถึงภรพมากขึ้นไปอีก ไพศาลเริ่มเดินตามแผน ทำทีเป็นไล่มงคลออก เพื่อไปสืบข้อมูล คนร้ายมือที่สาม พราวตาเป็นห่วงมงคล แอบไปหามงคลหลายครั้ง เพราะทั้งสองมีใจต่อกัน ตั้งแต่ตอนที่มงคลอยู่ที่บ้านของไพศาลนั่นเอง ที่บ้านไพศาล เหลือเพียงโชคทวี ที่คอยเฝ้าดูไพศาลอย่างใกล้ชิด โดยใช้ภรีมเป็นสะพานเข้าถึงตัวไพศาล เล้งลอบไปหาอาเฮ้งที่ฉั่วเทียนเหลา ทำให้หยกมณีรู้ว่า เฮ้งกับเล้งมีแผนการชั่วด้วยกัน มงคล ทำทีไปสมัครงานกับเฮ้ง และให้ทำงานใกล้ชิดกับเฮ้งในที่สุด บันลือกับวริน เร่งรัดให้วันวิสาแต่งงาน วันวิสาไม่อยากทำให้พ่อและแม่เสียใจ จึงตกลงใจแต่งงานกับประยูรในที่สุด ภรพทนหลบซ่อนตัวไม่ไหว เพราะกลัวจะสูญเสียวันวิสาไป จึงลอบมาหาที่บ้าน วันวิสาดีใจมากที่ภรพยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร กับโชคชะตาของตนเอง ในวันแต่งงานของวันวิสา ประยูรเฝ้าประกบวันวิสาไม่ห่าง ภรพทนไม่ได้ ไปฉุดวันวิสาออกมาจากงาน แล้วพามาอยู่ที่บ้านเช่าด้วยกัน ภรพอยู่กับวันวิสาแบบจน ๆ ให้วันวิสา หุงหาอาหารให้ แถมยังให้วันวิสารับจ้างซักผ้า เพื่อหารายได้เข้าบ้านอีกด้วย เพราะปัจจุบัน คนชื่อภรพได้ตายจากไปแล้ว เหลือแต่เพียงผู้ชายจน ๆ คนหนึ่งเท่านั้น ที่จะร่วมชีวิตกับวันวิสาด้วย วันวิสาจนใจกับสิ่งที่เป็นไป ยอมรับสภาพทุกอย่าง ภรพแอบเสียใจ ที่ต้องทำให้วันวิสา ต้องเจอเรื่องราวร้าย ๆ เรื่อยมา หยกมณี เอาข้าวปลาอาหารมาฝากวันวิสาที่บ้าน ยิ่งทำให้วันวิสาน้อยใจใหญ่ ที่รู้ว่าภรพกับหยกมณีสนิทสนมกัน ประยูรร้องไห้เสียใจใหญ่ เพราะอยากได้เมีย ประกิตแค้นใจจัด เหมือนถูกตบหน้า ไม่ญาติดีกับครอบครัวของบันลืออีกต่อไป ประกิตไปเซ็นต์สัญญา ร่วมทุนกับเฮ้ง โดยที่ไม่รู้ว่า จริง ๆ แล้ว เฮ้ง มีนายใหญ่ ซึ่งก็คือเสี่ยเล้งนั่นเอง ด้านโชคทวี ก็หลอกให้ภรีม เอาตัวเลขทางบัญชีของไพศาล มาให้ตนเองดู จึงรู้ราคาที่ไพศาลจะเข้าร่วมประมูลรังนก โชคทวีรีบเอาไปให้เสี่ยงเล้งดู แลกกับตำแหน่งใหญ่โต ที่เล้งอ้างว่า จะยกให้โชคทวี หากดำเนินแผนการ ล้มล้างแก๊งเสือของไพศาลและภรพสำเร็จ ทำให้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วเขานั่นเอง ที่เป็นไส้ศึก ทำให้ครอบครัวของภรพพบกับความเดือดร้อน วรินมาไหว้พระที่ศาลเจ้าซินแสง้วงกับ บดิน พบสุพรรษากับภรีมมาด้วยกัน วรินกับสุพรรษา ปรับทุกข์กัน ตามประสาผู้หญิง ส่วนภรีมก็ไม่ยอมพูดดีด้วยกับบดิน เพราะเห็นว่าเป็นลูกชายของครอบครัวบันลือ แต่บดินไม่ถือโทษ กลับชอบต่อปากต่อคำกับภรีมอีกต่างหาก ที่งานประมูลสัมปทานรังนก ประยูร ประกิต เฮ้งมาด้วยกัน ทั้งไพศาล และบันลือก็มาด้วย เฮ้งนึกว่าตัวเองประมูลสัมปทานรังนกได้ แต่กลับกลายเป็นบริษัทของภรพที่ได้ไป โชคทวีแทบช็อค เมื่อเห็นหน้าภรพ เพราะเขาเองเป็นคนยิงภรพที่กลางทะเล ประยูร ประกิต เซ็งจัด ที่เข้าข้างเฮ้ง เลยมองหน้าครอบครัวของภรพไม่ติด เฮ้งพยายามจะคัดค้าน การที่ภรพได้ประมูลเกาะรังนกไป ภรพ เลยพา ทุกคน ทั้งไพศาล เฮ้ง ประกิต ประยูร มงคล บันลือ บดิน ไปที่โกงดังเก็บรังนกของเฮ้ง พบผงไนเตรต ที่เฮ้ง ใช้ย้อมรังนกของไพศาล และบันลือส่งไปขาย เพื่อกลั่นแกล้ง เฮ้งหมดทางรอด ภรพพยายามถามว่ามีใครบงการอยู่เบื้องหลังเฮ้ง แต่ไม่ทันที่เฮ้งจะพูดอะไร เขาก็ถูกคนร้ายฆ่าปิดปากเสียก่อน ซึ่งก็คือโชคทวี ซึ่งดักซุ่มอยู่นั่นเอง ไพศาลกับบันลือ ปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด บดินเริ่มเห็นความเข้มแข็ง เฉลียวฉลาดของภรพ กลายเป็นความนับถือ ที่ภรพสามารถคลี่คลาย เรื่องราวทุกอย่างได้ สุพรรษาดีใจมากที่ได้เห็นหน้าภรพอีกครั้ง แต่วันวิสากลับยิ่งเศร้าใจ เมื่อหยกมณี กลับมาเก็บเสื้อผ้าให้ภรพ และบอกให้วันวิสาอยู่ที่นี่ต่อจนกว่าจะสิ้นเดือน แต่ภรพจะไม่กลับมาอีก วันวิสาหมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง กลับไปบ้านด้วยหัวใจแตกสลาย บันลือไม่ถือโทษโกรธวันวิสาอีกต่อไป กลับตรงเข้าไปกอดอย่างให้กำลังใจ วรินเศร้าใจมาก กับโชคชะตาของลูกสาวตนเอง หยกมณีเตือนภรพ ว่าไม่ควรลองใจวันวิสาหนักเกินไป กลัวว่า เธอจะโกรธ จนไม่สามารถให้อภัยภรพได้อีก เล้งแค้นใจจัดที่แผนการเรื่องประมูลรังนก ที่ส่งเฮ้งไปเป็นนายหน้า ไม่สำเร็จ จึงสั่งให้โชคทวี จับตัวภรีมมา ภรพมาช่วยน้องสาว โชคทวี จะยิงภรพ แต่มงคลมาช่วยไว้ก่อน ภรพจึงเปิดเผยว่า แท้ที่จริง เขาไม่เคยไล่มงคลออก แต่เป็นคนวางแผนให้มงคลไปสืบเรื่องราวของเฮ้ง เพื่อต้องการรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แล้วก็รู้ด้วยว่า โชคทวี ให้ภรีมเป็นเครื่องมือทำร้ายครอบครัวของตนเอง ภรีมเสียใจมากที่ตัวเองไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว ที่สำคัญ โชคทวีไม่เคยรักเธอเลย โชคทวีจนมุมในที่สุด ตัดสินใจยิงตัวตายหนีความผิด สุดท้ายภรพจึงไม่สามารถสาวถึงตัวคนร้ายตัวจริงได้ ว่าที่แท้ก็คือเล้งนั่นเอง ภรพพาไพศาล สุพรรษา มาหาบันลือและวรินที่บ้าน แต่วันวิสากลับหนีหน้า ไม่ยอมพบกับภรพ เพราะยังเสียใจที่ภรพทิ้งให้เธออยู่ที่บ้านเช่าเพียงลำพัง แล้วภรพก็จากมาโดยไม่ล่ำลา เหมือนไม่มีเยื่อใยต่อกัน ยิ่งเมื่อรู้จากแม่ ว่าภรพจะแต่งงาน วันวิสายิ่งเสียใจ คิดว่าภรพจะแต่งงานกับวาริน วรินอึ้ง พูดไม่ออก ไม่รู้จะอธิบายยังไง ภรพเองก็เสียใจ แต่ไพศาลกับบันลือไม่ย่อท้อ วางแผน จะให้ภรพกับวันวิสาลงเอยกันให้ได้ ภรีมเสียใจมากที่ถูกโชคทวีหลอกเรื่อยมา เธอมีโอกาสได้พบกับบดิน บดินพยายามพูดให้กำลังใจภรีม แต่ทั้งสองก็ต้องเถียงกันได้ทุกทีไป บดินไม่ถือโทษ ยิ่งเถียงกันเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็งอกงามขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนมงคล ก็กลับมาทำงานที่บ้านไพศาลเหมือนเดิม พราวตาดีใจมาก ที่เธอเองมองมงคลไม่ผิด สุดท้าย ไพศาลก็ยกพราวตาให้กับมงคล คณิณ ทรงกลม ธาม รู้สึกเห็นใจภรพไม่น้อย จึงหาทางช่วยภรพ ยิ่งเมื่อเห็นวันวิสาเสียใจ ทั้งคณิณ ทรงกลม ธาม จึงยุให้วันวิสาเอาคืน ในสิ่งที่ภรพเคยทำกับวันวิสาไว้ ทั้งฉุดวันวิสาไปจากงานแต่ง ทั้งเอาตัวไปซ่อนที่เกาะ และที่บ้านเช่า ให้วันวิสาไม่ยอมแพ้แก่เจ้าเสือภรพ วันวิสายิ้มทั้งน้ำตา หาทางออกให้กับตนเอง ในวันแต่งงานของภรพและวาริน วันวิสาตัดสินใจเอาปืนจี้ตัวภรพออกจากงานแต่ง บอกว่าภรพคือผู้ชายของเขา วันวิสาพาภรพไปที่เกาะ แต่คราวนี้ เธอกลับเป็นฝ่าย บังคับ ขู่เข็ญ ภรพทุกอย่าง ทั้งให้ภรพ ซักผ้า หุงหาอาหาร คอยปรนนิบัติวันวิสาอย่างดี เพื่อแก้แค้นสิ่งที่ภรพทำกับเธอไว้ทุกอย่าง วันวิสาบังคับให้ภรพต้องกินพริกเป็นชาม เธอเองก็เสียใจไม่ต่างกัน ทำไปพร้อมกับน้ำตา จึงทำให้ภรพรู้ว่า สิ่งที่เขาได้กระทำกับวันวิสาไปนั้น รุนแรง และสร้างความเจ็บปวดให้กับวันวิสาครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้าย ทั้งภรพและวันวิสาก็ปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด ภรพโอบกอดวันวิสา และสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจอีก วันวิสาเองก็ยอมรับ ว่าไม่เคยรักใครเท่ากับภรพ ทั้งสองจะครองคู่ด้วยกันตลอดไป

เวียงร้อยดาว 2557

เวียงร้อยดาว (2557/2014) เวียงร้อยดาว หลังการจากไปด้วยอุบัติเหตุของ ดิลก และ จันทร์สาย พ่อแม่บุญธรรมที่เลี้ยง ร้อยดาว ในประเทศอังกฤษ ร้อยดาวก็ได้รับการติดต่อจาก ทนายทวีป ให้กลับเมืองไทย เพื่อมาร่วมฟังพินัยกรรมของ ปกรณ์ บดินทร์ธร บิดาผู้ให้กำเนิด และเมื่อร้อยดาวเดินทางมาถึงยังคฤหาสน์บดินทร์ธร ต้นชัยพฤกษ์ซึ่งเมื่อวานไม่มีดอก กลับออกดอกบานสะพรั่งราวกับรับรู้การมาถึงของเธอ ร้อยดาวได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก นมแสง แต่กลับถูกเดียดฉันท์จากภรรยาคนอื่น ๆ และลูกต่างแม่ เนื่องจากปกรณ์ พ่อผู้ให้กำเนิดของร้อยดาวนั้นมีภรรยาถึง 4 คน คือ เต็มเดือน แต่ไม่มีลูกด้วยกัน ภรรยาคนที่สองชื่อ จงจิตร มีลูกสาวคนเดียว คือ ดารกา ภรรยาคนที่สาม ชื่อ สร้อยฟ้า มีลูกด้วยกัน 2 คน คือ วีระวิทย์ และ ดาราเรศ ส่วน เวียงแก้ว แม่ของร้อยดาวนั้นเป็นภรรยาคนที่สี่ และมีร้อยดาวเป็นลูกเพียงคนเดียว (Source: ch3plus.com)

คุณชายรัชชานนท์ 2556

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ (2556/2013) เมื่อม.ร.ว.รัชชานนท์ จุฑาเทพ หรือคุณชายเล็ก หนีการดูตัวที่หม่อมย่าเอียดต้องการจับคู่กับหม่อมหลวงศินีนุช เทวพรหมเพื่อทำตามพระประสงค์ของหม่อมเจ้าวิชชากรที่ต้องการดองกับเทวพรหมให้จงได้ รัชชานนท์จึงร่วมวางแผนกับรณพีร์น้องชายคู่หูคู่เที่ยว หนีการดูตัวกับศินีนุชได้อย่างเฉียดฉิว โดยรีบหนีไปรับตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิศวกรรมโยธาประจำที่จังหวัดหนองคายและเดินทางออกเดินทางไปโดยไม่บอกใคร การไปของรัชชานนท์ทำให้ทุกคนที่วังจุฑาเทพวุ่นวายกันไปหมด ที่หนองคายรัชชานนท์ได้ช่วยจันทา สาวบ้านป่าลูกสาวของพรานเจ้ยจากการข่มเหงของทหารเวียงพูคำ รัชชานนท์เป็นขาลุยชอบเดินป่าถ่ายรูปจึงขอให้พรานเจ้ยนำทางเที่ยวในป่า โดยมีจันทาร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งไม่ได้รู้เลยว่าการเดินทางเข้าป่าครั้งนี้ทำให้ชีวิตของรัชชานนท์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อต้องเจอกับกลุ่มทหารเวียงพูคำตามมาแก้ค้น ทั้งจันทาและรัชชานนท์ถูกยิงบาดเจ็บ ส่วนพรานเจ้ยปกป้องลูกสาวจนตัวตาย แต่ก่อนหน้านั้นได้ให้สร้อยรูปพระจันทร์แก่จันทาไว้ตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ รัชชานนท์และจันทารอดชีวิตเพราะได้ สร้อย สาวบ้านป่าลึกลับและจ่อยเพื่อนคู่หูได้ช่วยไว้ สร้อยกับจ่อยช่วยกันพารัชชานนท์กับจันทาเข้ามารักษาตัวอยู่ที่หมู่บ้านวลาหก ซึ่งเป็นหมู่บ้านลี้ภัยของชาวเวียงพูคำ สร้อยค้นพบว่ารัชชานนท์คือคนในคำทำนายของแม่เฒ่าที่จะมาทำลายมนต์หมอกที่ปกป้องหมู่บ้านวลาหกให้เสื่อมคลาย จึงพยายามจะกำจัดรัชชานนท์ออกไปแต่ก็ไม่สำเร็จ อีกทั้งพ่อใหญ่ พ่อของสร้อยและเป็นผู้นำหมู่บ้านได้สั่งไว้ให้ดูแลรัชชานนท์จนกว่าจะถึงเวลา เพราะรัชชานนท์จะเป็นผู้นำของสำคัญกลับมาสู่ชาวเวียงพูคำ สร้อยทำอะไรไม่ได้เพราะไกสอนและแฮรี่มือขวาของพ่อใหญ่ต่างเห็นชอบในทางเดียวกัน รณพีร์กับชัชวีร์มาหารัชชานนท์ที่หนองคายจึงรู้ว่า รัชชานนท์หายเข้าไปในป่า เรื่องรู้ถึงวังจุฑาเทพธราธรและพุฒิภัทรจึงต้องไปช่วยตามรัชชานนท์ในป่า โดยศินีนุชขอตามไปด้วย ด้วยการสนับสนุนอย่างดีจากย่าอ่อน และการบีบคั้นจากคุณหญิงดารณีนุช ทำให้หม่อมเอียดต้องออกปากให้หลานชายพาศินีนุชไปด้วย รณพีร์กับชัชวีร์ไม่ยอมรอพวกพี่ชาย ออกเดินทางไปก่อนโดยได้พรานเกิ้นพรานป่าปลดระวางพาไป แม่เฒ่ารักษารัชชานนท์กับจันทาจนหายดี รัชชานนท์รู้สึกผิดที่ได้พาจันทาเข้าป่ามาแล้วทำให้ต้องสูญเสียพ่อไป และทำให้เธอต้องขาดที่พึ่งพิง จึงตัดสินใจขอจันทาแต่งงานและรับปากจะพาไปอยู่ที่พระนครด้วย จันทารู้สึกตัวเองต่ำต้อยไม่กล้าจะรับปากแต่ใจจริงก็เอนเอียงไปแล้ว แต่แล้วเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไป เมื่อสร้อยกลุ้มใจเรื่องที่พ่อใหญ่ต้องการให้เธอออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับรัชชานนท์ เมื่อรู้ว่าอีกไม่นานพวกทหารเวียงจะต้องตามมาถึงหมู่บ้านวลาหก นายพลเซกองได้โค่นบังลังก์เจ้าหลวงสุริยวงศ์เมื่อสิบห้าปีก่อน ทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ ชาวเวียงพูคำต่างพากันอพยพข้ามมาไทย นายพลเซกองจอมเผด็จการได้สั่งให้พวกทหารเวียงตามจับตัวกลับไปเพื่อไม่ให้รวมกลุ่มเป็นกองกำลังกู้ชาติ พ่อใหญ่ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่จงรักภักดีต่อเจ้าหลวง จึงเป็นเป้าหมายให้ทหารเวียงคอยเล่นงาน สร้อยไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อใหญ่ไสส่งเธอไปด้วย เธอจึงขึ้นไปหารัชชานนท์ที่เรือนเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ รัชชานนท์เห็นใจสร้อยจนเผลอไผลกอดปลอบใจสร้อย ไกสอนและแฮรี่มาพบทั้งสองใกล้ชิดกันในที่รโหฐานกลางดึก เห็นว่าทั้งคู่ทำเรื่องผิดผีเข้าแล้ว พ่อใหญ่จึงตัดสินให้ทั้งคู่แต่งงานกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้มิฉะนั้นเขาก็ต้องถูกลงโทษถึงแก่ชีวิตทีเดียว พิธีถูกจัดขึ้นอย่างดีตามประเพณีทำให้จันทาเสียใจมาก รัชชานนท์จึงขอให้จันทามาเป็นน้องสาวเพื่อเขาจะได้ดูแลเธอไปตลอดชีวิต ในที่สุดธราธรกับพุฒิภัทรก็มาสมทบกับรณพีร์และชัชวีร์ โดยมีศินีนุชเป็นภาระให้การเดินป่าเป็นไปอย่างทุลักทุเล ธราธรจึงต้องสั่งให้ศินีนุชรออยู่ที่แค้มป์ แล้วทั้งสี่ก็เดินทางค้นหาจนเจอเข้ากับรัชชานนท์พี่น้องเจอกันดีใจมากแต่ก็ต้องช็อคเมื่อรู้ว่า รัชชานนท์แต่งงานแล้ว ยังดีที่ศินีนุชว่าที่คู่หมั้นรัชชานนท์รอพวกเขาที่แคมป์ชายป่าไม่อย่างนั้นคงเกิดเรื่องใหญ่ สร้อยโกรธเมื่อรู้เรื่องรัชชานนท์มีคู่หมายอยู่แล้วจนชัชวีร์ต้องมาทำความเข้าใจกับสร้อยให้ปิดบังเรื่องแต่งงานจนกว่าจะกลับถึงกรุงเทพฯ เพราะกลัวศินีนุชจะโวยวายทำให้เกิดเรื่องใหญ่โตได้ เมื่อถึงเวลาพ่อใหญ่สั่งให้สร้อยไปอยู่กรุงเทพฯกับรัชชานนท์ โดยมีภารกิจต้องตามหาเจ้ารังสิมันต์เจ้าชายรัชทายาทให้เจอ พร้อมกับให้จ่อยไปตามดูแลด้วย จ่อยกล่อมจนจันทายอมไปด้วย ก่อนกลับรัชชานนท์ได้จดทะเบียนสมรสกับสร้อยกันเหนียวไว้เพื่อไม่ให้หม่อมเอียดบิดพลิ้วไล่สร้อยไป และทันทีที่หม่อมเอียดกับย่าอ่อนรู้เรื่องก็ลมแทบจับ ต่างผิดหวังที่ไม่สามารถจับคู่ให้หลานได้เสียที หม่อมเอียดยังเมตตาให้โอกาสสร้อยหนึ่งเดือนที่จะทำตัวให้เป็นแม่ศรีเรือน เพราะสร้อยไม่มีคุณสมบัติทั้งกิริยาและการเรือน เพราะเป็นสาวชาวป่า สร้างความรังเกียจให้ย่าอ่อนอย่างมาก จึงมีการทดสอบให้สร้อยทำอาหารที่คิดว่าอร่อยที่สุดให้ชิม สร้อยจึงเลือกทำข้าวต้มมัดแต่เหล่าคุณชายไม่มั่นใจจึงนำขนมจากร้านม.ล.เกษรามาสับเปลี่ยนให้ย่าทั้งสองชิมจนพอใจ แต่เมื่อสร้อยรู้ความจริงก็ไปสารภาพว่าไม่ใช่ฝีมือของตนเอง ทำให้ย่าทั้งสองได้เห็นว่าอย่างน้อยสร้อยก็มีความซื่อสัตย์และคาดโทษเหล่าคุณชายที่ทำเรื่องแบบนี้ขึ้น พอดีรัชชานนท์ได้อ่านข่าวหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการประท้วงครั้งใหญ่ของราชอาณาจักรเวียงพูคำที่มีนายพลเซกองกุมอำนาจปกครองอยู่และปกครองเอารัดเอาเปรียบจนชาวบ้านต้องการฟื้นฟูระบอบเดิมที่เคยมีเจ้าหลวงสุริยวงศ์ปกครอง เซกองจึงบุกไปที่หมู่บ้านจับตัวเจ้าหลวงสุริยวงศ์มาขังไว้ที่เวียงพูคำ ทำให้รัชชานนท์ตกใจเพราะเมื่อเห็นภาพของเจ้าหลวงสุริยวงศ์เป็นคนเดียวกับพ่อใหญ่ ดังนั้นสร้อยจึงต้องเป็นเจ้าหญิงสร้อยฟ้าแห่งราชอาณาจักรเวียงพูคำที่เขาเคยได้ยินชื่อนั่นเอง แต่เขาก็ปิดเป็นความลับเพราะเกรงว่าสร้อยจะวู่วามหนีกลับไปช่วยพ่อเสียก่อน ต่อมาได้มีการจัดเลี้ยงต้อนรับคณะกรรมการยูเนสโกเพื่อหาทางแก้ปัญหากรณีประท้วงของราชอาณาจักรเวียงพูคำ รัชชานนท์พยายามปิดบังเรื่องนี้กับสร้อยแต่ไม่สำเร็จ สร้อยจึงร่วมอยู่ด้วยในฐานะพลเมืองของเวียงพูคำ ในงานเลี้ยงนี้เองสร้อยก็ทำให้ทุกคนทึ่งในความสามารถจากความคิดว่าเธอเป็นเพียงสาวชาวป่าไร้การศึกษา แต่เธอกลับต้อนรับพูดคุยกับคณะกรรมการระดับรัฐมนตรีต่างประเทศด้วยภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ อีกหลายภาษา สร้อยซักถามการเมืองเกี่ยวกับประเทศของเธอและรู้ว่าจะมีการเดินทางไปเจรจาในเร็วๆ นี้เพื่อคลี่คลายด้วย สร้อยดีใจมาก แต่แล้วเรื่องราวไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกเมื่อความจริงเปิดเผยว่าม.ล.ชัชวีร์ เทวพรหม แท้จริงแล้วเป็นเจ้าชายรังสิมันตุ์ที่หายสาปสูญไปเมื่อ18 ปีก่อน หลังจากเจ้าส่องดาวถูกไล่ล่าจึงนำโอรสมาฝากไว้กับม.ร.ว.อนุพันธ์ที่เป็นพระสหาย จึงเลี้ยงรับไว้เป็นลูกอีกคน เมื่อเรื่องราวกระจ่างทำให้ม.ล.ชัชวีร์สำนึกในหน้าที่ที่ต้องกลับไปกู้บัลลังก์และช่วยพระบิดาที่ถูกจับไว้ด้วย เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วคุณชายรัชชานนท์จึงเปิดเผยเรื่องที่ตนเองรู้ว่าสร้อยก็คือเจ้าหญิงสร้อยฟ้าพระขนิษฐาของเจ้าชายรังสิมันตุ์ ซึ่งสร้อยเองก็ไม่เคยรู้ฐานะตัวเองมาก่อนทำให้สองพี่น้องได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก คุณชายทั้งสามยกเว้นคุณชายปวรรุจที่ไม่อยู่จึงตกลงใจที่ร่วมกันช่วยม.ล.ชัชวีร์ กู้บัลลังก์คืนมาให้ได้ ทั้งหมดจึงเดินทางไปที่เวียงพูคำพร้อมกับคณะยูเนสโก แต่ปรากฎว่าถึงสนามบินถูกทหารดักจับตัวทุกคนไป ยกเว้นเจ้าหน้าที่ยูเนสโกเท่านั้น ทำให้รัชชานนท์ใช้โอกาสอันน้อยนิดสารภาพรักกับเจ้าหญิงสร้อยฟ้า เพราะไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน และทั้งคู่ก็ยอมรับในความรักที่มีต่อกันอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรก แต่แล้วคนที่จับมากลับเป็นคนของคุณชายปวรรุจเพราะเขารู้จากเจ้าหน้าที่ทูตว่ามีคนแจ้งให้เซกองรู้ตัวแล้วว่าเจ้าชายรังสิมันตุ์ได้เดินทางเข้าไปเวียงพูคำ เขาจึงออกอุบายจับตัวทุกคนมาในที่ปลอดภัยก่อนแล้วค่อยหาจังหวะเข้าไปใหม่ และแล้วการประท้วงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น เหล่าคุณชายได้ช่วยกันกู้บัลลังก์ให้กับม.ล.ชัชวีร์จนสำเร็จ ทั้งสองคนได้รับสถาปนาเป็นเจ้าชายรังสิมันตุ์และเจ้าหญิงสร้อยฟ้าอย่างสมเกียรติ แต่ก็ทำให้รัชชานนท์รู้สึกตัวเองต่ำต้อยขึ้นมาทันที พอเมามายก็ฉีกทะเบียนสมรสต่อหน้า และหนีกลับไปอย่างเงียบๆ ทำให้เจ้าสร้อยฟ้าเสียกำลังใจอย่างมาก สองเดือนต่อมา เจ้าสร้อยฟ้าลาออกจากตำแหน่งเจ้าหญิงและได้กลับมาหาคุณชายรัชชานนท์พร้อมกับทะเบียนสมรสที่คัดสำเนามาใหม่ และจะขออยู่กับคุณชายรัชชานนท์ตลอดไป ทำให้ย่าเอียดและย่าอ่อนที่เพิ่งรู้เรื่องว่าที่แท้สร้อยสาวชาวป่ากลับกลายเป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์จนหลานชายตัวเองแทบเอื้อมไม่ถึง ถ้าเธอไม่สละตำแหน่งลงมาครองคู่ ทำให้ย่าเอียดกับย่าอ่อนนับถือในความรักของเจ้าหญิงชาวป่าที่เคยดูถูกไว้อย่างหมดใจ ทั้งคู่จึงได้แต่งงานครองคู่กันอย่างมีความสุข

ทองเนื้อเก้า 2556

ทองเนื้อเก้า (2556/2013) สันต์ (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) จ่าทหารเรือรูปหล่อ ลูกชายของ แม่ปั้น (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์) และ พ่อสิน (ญาณี ตราโมท) สันต์พลาดท่าได้เสียกับ ลำยอง (วรนุช ภิรมย์ภักดี) แม่ปั้นเมื่อรู้ข่าวว่าสันต์ลูกชายของตนได้เสียกับลำยองก็แทบเป็นลมจับ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าพื้นสันดานเดิมของบ้านลำยองเป็นเช่นไร ส่วน ยายแล (อำภา ภูษิต) เมื่อรู้ว่าลูกสาวจับสันต์ทำผัวได้ก็ดีใจเพราะฝันว่าตัวเองจะสบายไปด้วย แต่พ่อสินและแม่ปั้นต้องจำใจรับลำยองเข้าบ้านในฐานะลูกสะใภ้ เมื่อลำยองตั้งท้องก็ไม่เคยช่วยงานใด ๆ เลย ทั้งงานบ้านหรืองานขายของอ้างว่าแพ้ท้อง ลำยองยังเรียกร้องความสะดวกสบายทุกอย่างที่อยากได้ สันต์จึงต้องตามใจและหามาให้ สันต์รู้สึกผิดที่พลาดท่าได้ลำยองมาเหมือนเอานรกมาไว้ในบ้านเพราะนับวันสันดานแท้ ๆ ของลำยองก็ปรากฏเด่นชัดขึ้นมาทุกที ลำยองได้คลอดลูกชายในวันมหามงคลจึงตั้งชื่อลูกว่า วันเฉลิม (เมลิค เอเฟ่ ไอย์กูน , ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์, ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์ , จิรายุ ตั้งศรีสุข) เด็กชายนำสิ่งดี ๆ มาให้ครอบครัวมากมาย สันต์ก็ได้เลื่อนยศเป็นจ่าและได้รับเลือกให้เข้าเรียนต่อโรงเรียนนายเรือลำยองไม่ยอมเลี้ยงลูกภาระหน้าที่จึงตกเป็นของแม่ปั้นและพ่อสิน ลำยองเริ่มติดยาดองจนอดไม่ได้ สันต์ไม่พอใจจึงมีปากเสียงกันลำยองด่าลามปามไปถึงพ่อแม่สันต์ สันต์เหลืออดจึงตบหน้าลำยอง ลำยองโกรธมากจึงหอบวันเฉลิมหนีไปอยู่บ้านยายแล สันต์สงสารลูกจึงต้องไปง้อลำยอง เมื่อลำยองไปทำงานเครื่องเคลือบจึงเป็นที่ต้องตาต้องใจ นายกวง (ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ) ลูกเจ้าของโรงงาน กวงเอาอกเอาใจลำยองจนออกหน้าออกตา ปรนเปรอลำยองจนลำยองแน่ใจแล้วว่าได้พบเทพเทพบุตรตัวจริง นายกวงซึ่งมีครอบครัวอยู่แล้ว และลำยองก็เคยมีผัวมาก่อนเมื่อความจริงปรากฏต่างฝ่ายก็ยอมรับสถานภาพของกันและกันได้ ฝ่ายสันต์เมื่อตัดใจจากลำยองได้ก็พบรักใหม่กับเทวี ซึ่งเป็นครู การศึกษาถึงขั้นปริญญา แต่ถึงจะตัดใจจากลำยองได้ แต่ก็ตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูกไม่ขาด ลำยองตั้งท้องกับกวง แต่ลำยองก็ยังไม่ยอมเลิกเหล้า ทำให้เด็กที่เกิดมาไม่สมบูรณ์ทำให้กวงกลุ้มใจและไม่อยากยุ่งกับลำยอง ประกอบกับทางบ้านกวงรู้ว่ากวงแอบมีเมียน้อยจึงสั่งให้กวงเลิกยุ่งกับลำยองโดยให้กวงเอาเงินฟาดหัวลำยองไปก้อนหนึ่ง เมื่อลำยองได้รับเงินจากทางครอบครัวนายกวงจึงนำเงินมาเข้าบ่อน เล่นการพนัน กินเหล้าตามประสาคนมีเงิน และในบ่อนนั้น ลำยองก็ได้รู้จักกับ เมืองเทพ เป็นเศรษฐีที่ดินแถวนั้น ลำยองก็ได้ตั้งท้องกับเมืองเทพ คลอดออกมาเป็นลูกสาว เมืองเทพไม่สนใจลำยอง ฝ่ายยายแลก็ผิดหวังมากเพราะลำยองเลือกผัวผิดจริง ๆ ลำยองเกี่ยงให้ยายแลมาเลี้ยงลูกให้ ยายแลจึงเตือนสติลำยองให้ลดเรื่องการพนัน ลดเหล้าเพื่อเห็นแก่ลูก ๆ ของตนเองบ้าง หลวงตาปิ่นเป็นผู้ที่คอยอบรมสั่งสอนวันเฉลิมในทุก ๆ เรื่อง เพราะฉะนั้นความสุขของวันเฉลิมคือการได้อยู่ที่โรงเรียนกับการอยู่ที่กุฏิหลวงตาปิ่น เพราะลำยองไม่เคยมีเวลาให้เขาเลย สันต์ได้รับเลือกให้เข้าไปรับการอบรมที่เมืองนอก เมื่อสันต์กลับมาก็ตกใจเมื่อรู้ว่าลำยองทำบ้านเป็นบ่อน ลำยองก็ได้ผัวอีกคนเป็นคนทำงานรับจ้างที่มาเช่าบ้านของลำยอง เวลาผ่านไปจนวันเฉลิมอายุได้ 7-8 ขวบ สันต์ต้องการรับวันเฉลิมไปอยู่ด้วยเพื่อให้วันเฉลิมได้เรียนหนังสือ จึงไปเจรจากับยายแล ซึ่งยายแลก็เห็นด้วยเพราะทนกับพฤติกรรมของลำยองไม่ไหว พ่อสินและแม่ปั้นจึงรวบรวมเงินเพื่อจะเอาตัววันเฉลิมมาอยู่ด้วยแต่เงินก็ไม่พอกับที่ลำยองเรียกมา ลำยองได้พบกับกำนันเสือในบ่อนแห่งหนึ่ง กำนันเสือเกิดติดตรึงใจลำยอง ลำยองจึงยอมเป็นเมียกำนันเสือหวังให้กำนันเสือเลี้ยงดู ลำยองติดพนันบ้านช่องไม่กลับ กำนันเสือกลัวว่าลำยองจะหลวมตัวในบ่อนจึงรับจำนองบ้าน ที่ดินของลำยองเอาไว้ ลำยองนอกใจกำนันเสือพาผู้ชายมานอนด้วยไม่ซ้ำหน้า จนทำให้ตั้งท้องลูกอีกคนหวังมัดให้กำนันเสือเลี้ยงดู แต่ความจริงก็คือกำนันเสือเป็นหมันไม่มีทางมีลูกได้อีกแล้ว แต่เมื่อกำนันเสือรู้ความจริงว่าลำยองท้องจึงปล่อยบ้านให้เป็นของลำยองต่อไปเพราะเห็นแก่วันเฉลิม ลำยองพอใจที่กำนันเสือยกบ้านให้ คราวเคราะห์ไฟไหม้ตลาดริมน้ำติดแพพ่อสินแม่ปั้น แม่ปั้นบอกกับพ่อสินอยากให้วันเฉลิมบวชจะได้พ้นทุกข์ ทุกคนอลม่านกับการดับไฟ ไฟไม่ได้ลามมาถึงเรือนพ่อสินรีบมาบอกข่าวดีแม่ปั้นแต่ก็พบว่าแม่ปั้นสิ้นลมไปแล้วอย่างสงบ วันเฉลิมบวชเณร ทุกคนชื่นชมยินดี เณรวันเฉลิมเจริญรุ่งเรือง เป็นความหวังของท่านพระครูวัดนี้ว่าจะมีสามเณรเปรียญเก้าในอีกไม่ช้า ลำยองก็ยังไม่เลิกกินเหล้าและเล่นการพนัน ทุกคนได้แต่ปลง เพราะลำยองพาชีวิตตัวเองลงสู่นรกทุกที และในที่สุดบ้านก็ถูกยึดไป ลำยองโรคกำเริบขึ้นสมองหนีออกไปจากบ้าน พ่อสินไปเจอลำยองที่โรงลิเกร้างจึงให้ยายแลไปลากตัวลำยองกลับมาก่อนที่เณรจะไปเห็นเข้า เณรว้าวุ่นใจคิดมากและทุกข์หนักจึงตัดสินใจสึกออกมาช่วยทำมาหากินและดูแลแม่ วันเฉลิมแบกภาระทุกอย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยจนใคร ๆ ต่างพากันเวทนา ชีวิตของวันเฉลิมจะลำบากแค่ไหน ชีวิตของลำยองจะต้องทุกข์และพบเจอกับวิบากกรรมอย่างไรบ้าง ติดตามชมกันได้ใน ละครทองเนื้อเก้า

รักเกิดในตลาดสด 2551

รักเกิดในตลาดสด (2555/2012) ตลาด ..เคยเป็นสังคมสงบเล็กๆ ด้วยพิษเศรษฐกิจทำให้ตลาดซบเซาลง ต๋อง (มาริโอ้ เมาเร่อ) นักศึกษาหนุ่มผู้เต็มไปด้วยความฝันและจินตนาการพ่อค้าขายผัก ต๋องมีวิธีเรียกลูกค้าที่ไม่เหมือนใครวิธีการแปลกประหลาดของต๋องไม่ได้มีไว้ดึงดูดแค่เพียงลูกค้า แต่ลุกลามไปถึงขั้นจีบกิมลั้ง (มาร์กี้-ราศรี) แม่ค้าขายปลาฝั่งตรงข้าม จนสร้างความไม่พอใจให้กับ กิมฮวย (นก-จริยา )แม่ของกิมลั้งทำให้มีปากเสียงกันเป็นประจำ กิมลั้งแม้จะเก็บอาการทำเป็นไม่สนใจต๋อง แต่พอนานไปก็เริ่มคล้อยตามต๋อง และที่สำคัญกิมฮวยต้องการให้กิมลั้งคบหากับจาตุรงค์ (เชาเชา-ชวลิต) ลูกชายเต๊กไฮ้ (สุเทพ ประยูรพิทักษ์) พ่อค้าขายหมูในตลาดแต่กิมลั้งไม่ชอบจาตุรงค์ เพราะว่าจาตุรงค์เป็นคนชอบสร้างภาพ ต๋องพยายามตามจีบกิมลั้งโดยมี เลื่อน เด็กเข็นผักขายในตลาดคอยเป็นพ่อสื่อและยังได้ กิมแช (ซิลวี่-ภาวิดา) น้องสาวกิมลั้งเป็นแรงสนับสนุนเพราะตนเองนั้นแอบชอบจาตุรงค์ ต๋องพยายามคิดโครงการตลาดในฝันเพื่อให้ตลาดกลับมาคึกคักเหมือนเดิม แต่ทุกคนในตลาดคิดว่าโครงการของต๋องเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ เสียเวลาทำมาหากิน ต๋องเริ่มหาวิธีใหม่เดินสายคลุกวงในไปทีละแผง ทำให้ได้เรียนรู้ชีวิตของแต่ละคนในตลาดมากขึ้น เมื่อจาตุรงค์เห็นว่าต๋องเริ่มที่จะเดินหน้าโครงการตลาดในฝันและเป็นไปในทางที่ดีขึ้นโดยเฉพาะงานเลี้ยงฉลองตลาดที่ต๋อง เป็นต้นคิดสามารถดึงดูดคนมาเที่ยวตลาดได้มาก จาตุรงค์จึงพาพรรคพวกมาก่อเรื่องในงานเพื่อโยนความผิดให้เป็นความสะเพร่าของต๋องเขารู้สึกผิดหวังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงหนีหายไป กิมลั้งและเลื่อนจึงไปตามต๋องกลับมาและสัญญาว่าจะช่วยกันทำโครงการตลาดในฝันของต๋อง โครงการของต๋องเดินหน้าไปเกือบจะสำเร็จเพราะได้ความร่วมมือจากพ่อค้า แม่ค้าในตลาด แต่แล้วข่าวการซื้อตลาดเพื่อไปทำห้างสรรพสินค้าก็เข้ามาดับฝันกะทันหัน แต่ด้วยความร่วมมือของทุกคนในตลาดจึงทำให้ผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้ และโครงการตลาดในฝันของต๋องก็เดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง ตลาดกลับมาคึกคักเหมือนเช่นเคย กิมฮวยเห็นในความดีของต๋องจึงอนุญาตให้ต๋องและกิมลั้งคบหากัน

รอยไหม 2554

รอยไหม (2554/2011) เรริน (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) เห็นธาตุแท้ของ ธนินทร์(เจสัน ยัง) คู่หมั้นที่หมั้นกันเอาไว้หลายปีแล้วด้วยการจัดการของผู้ใหญ่ เพราะธนินทร์แอบขายผ้าทอผลงานของเธอโดยไม่บอกกล่าว เรรินโกรธมาก เดินทางขึ้นเชียงใหม่ทันที เธอต้องการสงบสติอารมณ์ ที่เชียงใหม่เรรินแวะเวียนไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ เพื่อชมการทอผ้า และที่แม่แจ่ม เธอได้พบ สุริยวงศ์ (อธิชาติ ชุมนานนท์) และได้ อาศัยรถของเขากลับเข้าเมืองด้วย เรรินได้ที่พักเป็นรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของที่อัธยาศัยดีในคืนแรกที่พักเธอได้ยินเสียงเรียกชื่อตน เธอจึงลุกออกมาและได้พบชายคนหนึ่ง เขาพูดคุยกับเธอเหมือนรู้จักคุ้นเคยมานาน เขาแสดงความยินดีที่เธอกลับมาแล้ว สร้างความงงงวยให้เรรินเป็นอย่างมาก เรรินพบว่าสุริยวงศ์เป็นน้องชายวันดารา(อรอนงค์ ปัญญาวงศ์)เจ้าของรีสอร์ตเขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ และเมื่อรู้ว่าเรรินสนใจงานผ้าโบราณ เขาจึงอาสาพาเรรินไปพบ บัวเงิน(พิสมัย วิไลศักดิ์) ย่าของเขา เพราะบัวเงินครอบครองผ้าโบราณล้านนามากมาย นาทีแรกที่บัวเงินได้เห็นหน้าของเรริน ทุกอย่างกลับตาลปัตร บัวเงินไล่ตะเพิดและด่าทอเรริน รวมถึงแสดงความเกลียดชัง สร้างความงุนงงให้กับเรรินและสุริยวงศ์ บัวเงินรู้ดีว่ามณีรินกลับมาแล้ว เพื่อทวงแค้นของเธอ เรรินได้แวะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้า และในบรรดาผ้าตระกูลล้านนา เธอรู้สึกผูกพันกับผ้ากลุ่มไทเขินจากเชียงตุงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผ้าซึ่งเจ้าของเดิมคือ เจ้านางมณีริน(ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) รวมถึงประวัติเรื่องเล่าชีวิตของเจ้านางมณีรินได้ดึงดูดความสนใจของเรรินเป็นอย่างมากจนเธออยากรู้จัก เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์เมื่อรู้ว่าเรรินสนใจผ้าโบราณ จึงพาเธอเข้าไปชมผ้าผืนหนึ่งที่ยังทอไม่เสร็จและทันทีที่เรรินได้เห็นผ้าผืนนั้น เธอเหมือนตกอยู่ในภวังค์เธอเข้าไปนั่งลงและเริ่มทอผ้าผืนนั้นต่อทันที ช่วงเวลาที่เธอได้อยู่กับการทอผ้า และการได้พบชายแปลกหน้ายามวิกาล ทำให้เธอเหมือนได้หลุดไปสู่อีกมิติหนึ่งและได้รู้จักเจ้านางมณีริน เจ้านางมณีริน เป็นเจ้าหญิงจากแคว้นเชียงตุงที่ถูกส่งตัวมาเชียงใหม่ เพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าศิริวัฒนา(ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ) ทั้งที่เธอไม่ได้รู้สึกรักเขาเลย เจ้านางมณีรินหนีออกจากคุ้มเจ้าหลวงไปเที่ยวตลาด โดยมีนางคำเที่ยง(สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ) พี่เลี้ยงคนสนิทติดตามไปด้วย ที่ตลาด มณีรินได้รู้จัก เจ้าศิริวงศ์ (อธิชาติ ชุมนานนท์)และมิตรภาพเบ่งบานเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่างรู้ใจกันและกันจนก่อเกิดเป็นความรัก เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้ความจริงเรื่องสถานะของกันและกัน ความรักของคนทั้งคู่จึงกลายเป็นรักต้องห้าม บัวเงินหม่อมของเจ้าศิริวัฒนา เมื่อรู้ว่ามณีรินเดินทางมาเพื่อแต่งงานกับศิริวัฒนา จึงคุมแค้นและต้องการกำจัดมณีรินให้พ้นทาง แล้วโชคเข้าข้างบัวเงินเมื่อ เจ้าหลวง (เผ่าทอง ทองเจือ) และ พระชายา(ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ) ไว้วางใจให้บัวเงินเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลมณีริน มณีรินชอบทอผ้า พระชายาจึงมอบหมายให้บัวเงินเป็นครูสอนมณีริน บัวเงินเหยียบย่ำ ถากถางมณีริน ต่าง ๆ นานา แต่ฝีมือมณีรินยิ่งดีวันดีคืน ผลงานผ้าทอของมณีรินเป็นที่ปลาบปลื้มชื่นจิตพระชายาเป็นนักหนา และท่าทางศิริวัฒนาจะรักมณีรินมากขึ้นทุกวัน แต่โอกาสก็เข้าข้างบัวเงินเสมอ ครั้งหนึ่งบัวเงินจงใจผลักมณีรินตกน้ำ โดยตั้งใจจะให้เสียหน้า เฉย ๆ แต่มณีรินกลับจมน้ำเพราะว่ายน้ำไม่เป็น ศิริวงศ์มาช่วยไว้ได้ทันเวลา ยิ่งทำให้ความผูกพันระหว่างมณีรินและศิริวงศ์กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในงานถวายผ้าห่มพระธาตุ เจ้าหลวงและพระชายาสั่งให้มณีรินและบัวเงินแข่งขันกับทอผ้า บัวเงินใช้กลโกงในการทอ ทำให้มณีรินไม่มีฝ้ายในการทอผ้า แต่ในนาทีสุดท้ายนั้นเองศิริวงศ์ ซึ่งล่วงรู้แผนการของบัวเงิน ก็ขนฝ้ายจำนวนมากมาให้มณีริน ผลการแข่งขันได้หักหน้าบัวเงินอย่างแรง เพราะมณีรินเป็นฝ่ายถูกตัดสินให้เป็นฝ่ายชนะด้วยฝีมือปักผ้าแบบเชียงตุงเพิ่มเข้าไป บัวเงินสะสมความแค้นต่อมณีริน และยิ่งรู่สึกว่าเจ้าหลวงลำเอียงเอ็นดูมณีรินมากกว่า อีเม้ย(ชุดาภา จันทเขตต์) ขี้ข้าคนสนิทของบัวเงิน ออกความคิดช่วยกำจัดมณีรินโดยใส่งูเห่าไว้ในกระชุดอกไม้ หวังให้งูกัดมณีริน แต่คนที่รับเคราะห์ถูกงูกัดคือศิริวงศ์ มณีรินดูดพิษงูจากแขนศิริวงศ์ โดยไม่กลัวความตาย ทั้งคู่รักกันมากขึ้น และอีเม้ยเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ อีเม้ยถูกจับเฆี่ยนเพราะถูกจับได้ว่าเป็นผู้ต้องสงสัย แต่มณีรินขอชีวิตอีเม้ยไว้ไม่ถือโทษเพราะถือว่าไม่มีหลักฐาน ศิริวัฒนา สนใจในตัวบัวเงินน้อยลงทุกที อีเม้ยออกความคิดทำเสน่ห์ยาแฝด ซึ่งเป็นเรื่องผิดอาญาแผ่นดิน ศิริวัฒนาล้มป่วยเพราะโดนของ ศิริวงศ์และมณีรินล่วงรู้แผนการของบัวเงิน และกำจัดมนต์ดำนั้นได้ เจ้าหลวงไม่ค่อยสบาย แต่อาการดีขึ้นด้วยอาหารที่มณีรินจัดขึ้นถวาย เจ้าหลวงจึงมอบหมายให้มณีรินดูแลเรื่องอาหารตลอดไป บัวเงินคุมแค้นและใช้โอกาสนี้ ยอกย้อนมณีริน โดยใส่ยาพิษในอาหาร หวังจะฆ่าเจ้าหลวง และกำจัดมณีรินไปพร้อม ๆ กัน อีเม้ยยอมเป็นฝ่ายรับเคราะห์แทนบัวเงิน โทษฐานวางยาเจ้าหลวง อีเม้ยฆ่าตัวตาย โดยสั่งเสียบัวเงินไว้ว่าวิญญาณของตนจะอยู่รับใช้บัวเงินตลอดไป บัวเงินล่วงรู้ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของมณีรินกับศิริวงศ์เพราะผีอีเม้ย บัวเงินแฉเรื่องเลวร้ายนี้ หวังให้ศิริวัฒนากำจัดมณีริน ศิริวัฒนาโกรธจัดแต่เมื่อทั้งมณีรินและศิริวงศ์ ยอมรับความจริง และให้ขอศิริวัฒนา เห็นใจในความรักแท้ ศิริวัฒนาก็อ่อนลง วันสงกรานต์ ศิริวงศ์นัดพบมณีริน ผีอีเม้ยเข้าสิงครอบงำศิริวัฒนา ตามไปและพลั้งมือฆ่าศิริวงศ์ มณีรินเสียใจอย่างหนัก ต้องการตายตามชายที่รัก ศิริวัฒนารู้สึกผิดที่พลั้งมือฆ่าน้องชาย แต่ต้องการไถ่โทษด้วยการแต่งงานและดูแลมณีรินอย่างดีที่สุด ศิริวัฒนาออกคำสั่งให้มณีรินทอผ้าตุ๊มเพื่อให้ใช้ในพิธีแต่งงาน มณีรินมิได้ขัดขืน ตั้งใจทอผ้าตุ๊มให้เสร็จโดยหวังจะใช้ผ้าผืนนี้ผูกคอตายตามศิริวงศ์ บัวเงินขัดขวางมณีริน กรอกยาพิษจนมณีรินขาดใจตายคากี่ทอผ้า ศิริวงศ์ตรอมใจและตายตามในที่สุด บัวเงินเหมือนอยู่ในนรกตลอดเวลาเจ็ดสิบปี เมื่อมณีรินกลับมาเกิดใหม่ในฐานะเรริน บัวเงินจึงยังคุ้มแค้น บัวเงินและผีอีเม้ยขัดขวางเรรินทุกวิถีทางไม่ให้เรรินทอผ้าผืนนั้นเสร็จ แต่ด้วยความช่วยเหลือของทั้งศิริวัฒนาและศิริวงศ์ เรรินก็ทอผ้าผืนนั้นเสร็จสมบูรณ์จนได้ บัวเงินสั่งผีอีเม้ย เข้าสิงธนินทร์เพื่อจับตัวเรรินไปฆ่า เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ใน ...รอยไหม