2478
พญาน้อยชมตลาด (2478/1935) พญาน้อย ราชบุตรของพระเจ้าช้างเผือกมีอุปนิสัยชอบเอาแต่ใจตนเอง เป็นที่กลุ้มใจของพระราชบิดา จึงจัดการอุปภิเษกแต่พญาน้อยก็ยังไม่เลิกนิสัย วันหนึ่ง มะโดด กับ มะดวด มหาดเล็กคู่ใจของพญาน้อยมาถวายรายงานว่าพบสาวงามและเชิญพญาน้อยไปทอดพระเนตร พญาน้อยจึงทำทีเป็นเสด็จเยี่ยมทุกข์สุขของราษฎร เมื่อไปถึงตลาดท้ายเมืองตะเกิง พญาน้อยตรงดิ่งไปยังร้านแป้งน้ำมัน ซึ่ง เม้ยเจิง เป็นเจ้าของและพยายามเกี้ยวพาราสี แต่เม้ยเจิงมีสามีแล้วชื่อ มะเทิ่ง เมื่อเม้ยเจิงปฏิเสธหนักเข้า พญาน้อยผู้เอาแต่ใจจึงข่มขู่ว่าจะทำร้ายมะเทิ่งหากเม้ยเจิงไม่ยอมเป็นสนมเอก เม้ยเจิงจึงต้องตามพญาน้อยเข้าวัง พญาน้อยนำเม้ยเจิงแอบไว้ในห้องหนึ่งและให้คนหว่านล้อมเม้ยเจิง แต่นางก็เอาแต่ร้องไห้รำพันถึงสามีมะดวด กับ มะโดด แนะนำให้พญาน้อยจูบเม้ยเจิง ปรากฏว่าได้ผลดีเกินคาด เม้ยเจิงลืมมะเทิ่งเสียสิ้น ขนาดมะเทิ่งถวายฎีกาต่อพระเจ้าช้างเผือก เม้ยเจิงก็กลับให้การว่าตามพญาน้อยมาโดยสมัครใจ มะเทิ่งจึงต้องกลับบ้านทั้งน้ำตาพร้อมเงินค่าทำขวัญ 50 ชั่ง ปล่อยให้เม้ยเจิงมีความสุขกับพญาน้อย
เลือดจีนต่างด้าว (2478/1935) เปนเรื่องประพันธ์ทางจีน - ไทย รักแกมตลก แกมต่อสู้ครึกโครม แสดงสภาพโคแก่ชอบหญ้าอ่อน สภาพเจ้าชู้ยักษ์ น้ำใจหนุ่มผิวเหลืองผู้รักชาติ ยิ่งชีพ มีระบำโป๊ แลการยั่วยวนร้อยแปด (ที่มา: นิตยสารภาพยนต์สยาม กรกฎาคม พ.ศ. 2478)
สัตตหีบ (2478/1935) เรื่องราวเกิดขึ้นที่ตำบลสัตหีบ สันต์ ชาญชล หนุ่มประมง สมัครรักใคร่อยู่กับ นวล มิ่งทรัพย์ ลูกสาวของนายเพิ่ม วันหนึ่ง สันต์หาปลาได้มากกว่าปรกติจึงเกิดครึ้มใจชวน ชัย เชาว์งาม เพื่อนรักไปเลี้ยงฉลองกันที่ตลาด จำเพาะพอดี เดช ผู้คุมแห่งคุกสัตหีบซึ่งเบื้องหลังประกอบการทุจริต ได้พาลูกน้องอันธพาลมากินเหล้าในร้านเดียวกันนี้ ก็เกิดเขม่นกันขึ้นจนหวุดหวิดมีเรื่องชกต่อย ระหว่างทางกลับ สันต์พบนวลกำลังรีบไปตลาดเพื่อตามหมอมารักษาพ่อที่ล้มเจ็บ สันต์จึงอาสาอยู่เฝ้านายเพิ่มที่บ้าน ลูกน้องของเดชเห็นนวลก็ทำกิริยากักขฬะ นวลเห็นท่าไม่ดีรีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่เดชไม่ยอมลดราวาศอก ปาน เพื่อนของสันต์ผ่านมาเห็นเข้า จึงรีบไปเรียกสันต์ให้มาช่วยนวล ที่สุดก็ไม่พ้นมีเรื่องชกต่อยกัน พอดีมีทหารเรือเดินผ่านมา สันต์กับปาน และลูกน้องของเดชบางส่วนจึงถูกจับขังคุกเป็นเวลา 1 เดือน เดชใช้อภิสิทธิ์ในการเป็นผู้คุม ลงโทษสันต์กับปานให้ทำงานหนักกว่านักโทษคนอื่นๆ หนำซ้ำยังตามรังแกนวลจนนวลรำคาญใจ ตัดสินใจหนีไปอยู่ที่อื่น แต่ถูกลูกน้องของเดชฉุดระหว่างทาง เป็นเวลาเดียวกับที่เรือนจำ นักโทษกำลังเฮโลกันแหกคุก เพราะผู้คุมเอาแต่ละเลยหน้าที่มัวแต่ไปก่อกรรม สันต์กับเพื่อนช่วยกันควบคุมสถานการณ์ กระทั่งเหล่าทหารเรือกระจายกันไปตามนักโทษ สันต์จึงขอออกไปช่วยนวลให้รอดพ้นจากอิทธิพลของเดช
ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา (2478/1935) ท้องเรื่องจับตั้งแต่ ขุนช้าง ถวายฎีกา ขุนแผน ติดคุกแล้วสะเดาะโซ่ตรวนออกมาเข้าหานางแก้วกิริยา และแสดงการล่องหนหายตัวจำแลงกายเป็นนางงามล่อหลอกผู้คุม ขุนช้างให้คนไปดักฉุดนางวันทองไปไว้บ้าน นางกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ อยู่ ต่อมาจึงคลอดพลายงาม เมื่อพลายงามจำเริญวัยขุนช้างก็คิดฆ่าเพราะเห็นว่าไม่ใช่ลูกของตัว ฯลฯ (ที่มา: นิตยสารภาพยนตร์สยาม พฤษภาคม พ.ศ. 2478)
เลือดทหารไทย (2478/1935) นาวาตรี หลวงสหะนาวิน ผู้บังคับหมวดหน่วยรบประจำเรือรบหลวงสุโขทัย นำทัพประลองยุทธใหญ่ทางทะเลจึงได้รับคำสั่งเลื่อนยศพร้อมกับคนอื่นๆ คืนวันรุ่งขึ้น ได้มีงานเลี้ยงบนเรือรบหลวงสุโขทัย หลวงสหะนาวินได้พบ พาณี นรกุล น้องสาวของ เรือเอกปรีชา นรกุล ก็รู้สึกหลงรัก เช่นเดียวกับ พันตรีหลวงกฤษณะสงคราม เพื่อนสนิท หลวงสหะนาวินจึงหลีกทางให้ จนกระทั่งประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสงครามรัฐบาลได้อนุมัติให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการตามยุทธศาสตร์ตามแผนป้องกันพระราชอาณาจักร ที่ พลโทพระยานรกุล ร่างขึ้น แต่ขณะนั้นเองมีกลุ่มคนคิดขายชาตินำโดย วิญญู เป็นหัวหน้า ต้องการขโมยร่างแผนป้องกันพระราชอาณาจักร จึงให้อุดมกับเฉลิมลอบไปขโมยในงานวันเกิดพระยานรกุลที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันต่อมา เมื่อถึงวันงาน อุดมลอบเข้าไปขโมยร่างแผนป้องกันพระราชอาณาจักรในบ้านพระยานรกุลสำเร็จ แต่ขณะที่กำลังปีนลงมาจากตึก หลวงกฤษณะมาเห็นเข้าจึงยิงอุดมเสียชีวิต เฉลิมซึ่งคอยดูต้นทางอยู่รีบวิ่งไปฉวยแผนป้องกันพระราชอาณาจักรและหลบหนีไปได้ หลวงกฤษณะถูกเรียกเข้าประจำกรมด่วน เนื่องจากรัฐบาลประกาศสงครามแล้ว นายเรือเอกปรีชาจึงเสียสละออกรับแทนว่าตนเป็นผู้ยิงอุดมเสียชีวิต หลวงกฤษณะจึงได้ไปปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติ หลังจากนั้นตำรวจก็ได้รับแจ้งว่าร่างแผนป้องกันพระราชอาณาจักรหายไป เมื่อสอบปากคำ นงลักษณ์ ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงรีบไปดักรอผู้ต้องสงสัยที่สถานเบียร์ฮอลล์ "โอดี" และจับวิญญูและเฉลิมพร้อมของกลางได้ นายเรือเอกปรีชาจึงได้รับการปล่อยตัวไปเป็นผู้บังคับหมู่เรือยามฝั่ง กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศไทยเคลื่อนทัพสู่สนามรบ และได้ชัยชนะกลับมา
ระเด่นลันได (2478/1935) ถอดจากหนังสือลือชื่อในบทประพันธ์ไทยเรื่องหนึ่ง ผู้แสดงได้แก่ บังฟัก พูมศรี เป็นตัวระเด่นลันได ขุนสำราญ (อ๊อด) เป็นท้าวประดู่ จรัสยนตร์ คำแย้ม เป็นนางประแดะ และ จำเริญ สวัสดิสันติ์ เป็นนางกระแอ เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่สำคัญในเชิงตลกขบขัน การฉายคงมีพากย์ประกอบในแบบใหม่ คือ ชายพากย์บทชาย หญิงพากย์บทหญิง (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน ศรีกรุง กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478) เรื่องตลกจริงๆ ตลก แท้ๆ ถ้าท่านยังไม่มี เรื่องที่จะหัวเราะหรือยังหาโอกาสหัวเราะไม่ได้ ก็เชิญเตรียมตัวคอยชม ระเด่นลันได ภาพยนตร์ตลกประกอบ เสียงของหัสดินทรภาพยนตร์ "ระเด่นลันได" ที่บริษัทหัสดินทร์สร้างขึ้นใหม่ นี้ ได้ใช้วิธีสร้างประกอบเสียงโดยวิธีใหม่ที่สุดซึ่งท่านจะได้เห็นและได้ฟังเปนครั้งแรกในพระนคร ท้องเรื่องของภาพยนตร์ถอดจากบทประพันธ์ของจินตกวีในรัชชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชชกาลที่ ๒ และเปนเรื่องตลกล้วนๆ อย่างที่ฝรั่งเรียกว่า Comedy แท้ๆ (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ วารศัพท์ มีนาคม พ.ศ. 2478)
เมืองแม่หม้าย (2478/1935) เกสร กับ กำจร สองเพื่อนรักนักเสี่ยงโชคกำลังตกอับถึงขีดสุด แม้แต่ค่าเช่าบ้านก็ยังค้าง นายสุดใจ ถึงสามเดือน ทั้งสองจึงปลอมตัวเป็นหญิงเพื่อเดินทางไปแสวงโชคยังเมืองแม่หม้ายดินแดนลึกลับที่มีแต่ผู้หญิง ระหว่างทางต้องผจญอุปสรรคมากมายแต่ก็รอดพ้นได้จนสามารถมาถึงเมืองแม่หม้าย ทหารเมืองค้นตัวเกสรกับกำจรและอธิบายว่า ก่อนจะเข้ามาอยู่ในเมืองนี้ ทุกคนต้องเข้าพิธีเสี่ยงน้ำสาบานว่าจะซื่อตรงต่อพระจันทร์ ผู้เป็นพระสามีของชาวเมือง หากพระจันทร์โปรดผู้ใดก็จะตั้งครรภ์ ทั้งสองกลัวความแตก จึงโกหกนางพญาว่าเป็นหมอดูและดูดวงชะตาให้นางพญา เมื่อหลอกล่อถามนางพญาจนรู้ว่านางเองก็ต้องการให้มีผู้ชายเข้ามาอยู่ในเมืองจึงเปิดเผยตน นางพญาซึ่งต้องการผู้ชายให้มาอยู่ในเมืองอยู่แล้ว จึงออกคำสั่งห้ามประหารชีวิตสองหนุ่ม แต่มีข้อแม้ว่าเกสรกับกำจรต้องอยู่ที่เมืองแม่หม้ายตลอดไป
กุหลาบเชียงใหม่ (2478/1935) กุหลาบเชียงใหม่ต้องชอกช้ำเพราะหนุ่มโกเสต (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ วารศัพท์ พฤศจิกายน พ.ศ. 2478)