2497
โอเคสังข์ทอง (2497/1954) ท้าวสามล เป็นกษัตริย์ ณ สามลพระนคร มีเอกอัครชายาชื่อ มณฑาเทวี มีพระราชธิดา 7 พระองค์ องค์สุดท้องชื่อ รจนา วันหนึ่งท้าวสามลและนางมณฑาเทวีใช้ให้ ขุนหมื่น ไปเชิญหน่อกษัตริย์ร้อยเอ็ดหัวเมืองมาชุมนุมให้ธิดาทั้งเจ็ดพระองค์เลือกเป็นคู่ครอง ธิดาทั้ง 6 เลือกหน่อกษัตริย์ที่ตนพึงใจ เว้นเสียแต่รจนาที่เลือกเอาเจ้าเงาะหน้าตาอัปลักษณ์เป็นคู่ แม้เสด็จพ่อเสด็จแม่จะห้ามปรามยังไงก็ไม่ฟัง รจนาและเจ้าเงาะครองสุขได้ไม่นานก็ถูกกลั่นแกล้งให้ไปหาปลา นายเงาะหรือพระสังข์ก็ไปหามาได้ซ้ำยังแกล้งตัดจมูกหกเขยเสียด้วย ต่อมานายเงาะก็ถูกเกณฑ์ให้ไปหาเนื้ออีกนายเงาะจึงแกล้งตัดหูหกเขย เวลาผ่านไปเจ้าเงาะไม่ยอมถอดรูปออกจึงร้อนไปถึงสวรรค์พระอินทร์ออกอุบายแปลงตนมาชิงเมืองท้าวสามล ท้าวสามลส่งใครไปรบก็แพ้ ส่ง 6 เขยไปต่อสู้ก็แพ้ มองไม่เห็นทางออกใดจึงจำยอมเชิญเจ้าเงาะมาช่วยรบ เจ้าเงาะยอมไปรบโดยถอดรูปเงาะและรบได้ชัยชนะกลับมา ขับไล่พระอินทร์เหาะขึ้นฟ้าไป เมื่อท้าวสามลและนางมณฑาเห็นเจ้าเงาะถอดรูปก็หลงใหล ยิ่งรู้ว่าเจ้าเงาะคือ พระสังข์ราชบุตรท้าวยศวิมลกับนางจันทร์เทวี ก็ยิ่งปลาบปลื้มยกสมบัติพัสถานให้สังข์ทอง
สันติ-วีณา (2497/1954) สันติ เด็กชายกำพร้าวัย 12 ปี จากเหตุการณ์ภูเขาถล่มเป็นเหตุให้เขาสูญเสียแม่ทั้งนัยน์ตาสองข้างในเวลาเดียวกัน ทุกเช้า วีณา เพื่อนบ้านวัยไล่เลี่ยกันจะช่วยจูงสันติไปโรงเรียน ถึงแม้สันติจะตาบอดก็ยังถูก ไกร ซึ่งมีนิสัยเกเรแกล้งอยู่เป็นนิจ โดยหักขลุ่ยอันเป็นที่รักของสันติหักคามือ วันหนึ่งพระภิกษุวัยชราเพิ่งกลับจากธุดงค์แวะมาเยี่ยมสันติ และขอรับสันติไปอยู่ที่วัดเขาน้อย ตลอดเวลาที่อยู่ในถ้ำกับหลวงตา วีณายังคงแวะเวียนไปหาสันติอย่างสม่ำเสมอ สร้างความไม่พอใจให้ไกรซึ่งหมายปองวีณาอย่างมาก ทุกเย็นก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน สันติจะนั่งเป่าขลุ่ยบนก้อนหินข้างถ้ำ รอคอยการมาของวีณา แต่แล้ววันหนึ่งวีณาก็หายไป สันติปฏิบัติอย่างเดิมวันแล้ววันเล่า โดยที่ไม่รู้ว่า วีณาถูกกักตัวให้อยู่แต่ในบ้าน เพราะแม่ของไกรมาสู่ขอวีณา วีณาหนีออกมาได้ในวันหนึ่งและมาขอร้องให้สันติช่วยพาเธอหนีไกรแค้นมากสั่งลูกน้องตามล่าสันติกับวีณาแทบพลิกแผ่นดินเมื่อพบทั้งสองก็กระหน่ำชกสันติไม่ยั้ง วีณารีบไปตามหลวงตามาช่วยได้ทัน สันติยืนยันกับหลวงตาว่าจะหาทางหนีอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จเช่นเคย วีณาถูกพาตัวกลับไปบ้าน ส่วนสันติถูกทำร้ายจนสลบ หลวงตาจึงพาสันติกลับมายังวัดถ้ำ สันติเหม่อลอยไร้สติอย่างหนักยิ่งรู้ว่าจวนถึงวันแต่งงานของวีณา จนไม่ได้ยินเสียงหินที่กำลังร่วงหล่นในถ้ำ หลวงตารีบวิ่งเข้าไปฉุดสันติ ส่วนตนเองถูกก้อนหินทับตาย ตาของสันติมองเห็นอีกครั้ง ภาพแรกที่สันติเห็นคือภาพความตายของหลวงตาซึ่งเลี้ยงดูสันติมาตั้งแต่เด็กสันติจึงตัดสินใจบวชเพื่อหาความสุขสงบอย่างแท้จริง
หัวใจมาร (2497/1954) ร.ต.ต. เชิด รองสารวัตรกองตำรวจภูธรอยุธยา ต้องพ่ายแพ้ในความรักให้กับ เทพ เพื่อนรักในวัยเด็ก ที่สามารถพิชิตใจ น้อย แม่ค้าสาวงาม กระนั้น ร.ต.ต. เชิด ก็ยินดีที่น้อยได้เทพเป็นคู่ครอง ส่วนตัวเองหลบไปเลียแผลใจที่กรุงเทพฯ เทพกับน้อยช่วยกันสร้างครอบครัวจนน้อยตั้งครรภ์ จนวันหนึ่ง เทพถูกเรียกตัวไปทำงานที่กรุงเทพฯแม้จะห่วงเมียที่กำลังตั้งครรภ์แต่ด้วยหน้าที่เทพจึงต้องปฏิบัติตาม โดยสัญญาว่าสัปดาห์หน้าจะกลับมาหาน้อย เทพเข้าเมืองกรุงได้ไม่กี่วัน ก็หลงระเริงไปกับอบายมุขแล้วยังถลำตัวไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ สุนันท์ สาวสังคมถึงขั้นอยู่กินกัน ความหวังที่ผัวรักจะกลับมาดูจะริบหรี่ลงทุกวัน ในที่สุดน้อยจึงอุ้มลูกไปตามหาผัวที่กรุงเทพฯ น้อยตามหาเทพจนเจอในสภาพที่ตาบอดมิหนำซ้ำยังถูกสุนันท์ชู้รักของผัวไล่ตะเพิดอย่างเสียหายน้อยจำใจอยู่กรุงเทพต่อเพราะไม่อยากกลับไปอยุธยาให้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน โดยยอมพลีกายขายตัวเพื่อหาเงินเลี้ยงลูก หลังจากนั้นไม่นาน เทพก็ถูกสุนันท์เขี่ยทิ้งเพราะหมดประโยชน์ เทพช้ำใจมากกินเหล้าหัวราน้ำ จนบังเอิญมาพบน้อยที่ซ่องนางโลม เทพอ้อนวอนให้น้อยยกโทษให้ แต่น้อยตั้งมั่นไม่ยอมใจอ่อน เทพร้องไห้ฟูมฟายถึงขั้นเสียสติ น้อยก้มหน้าทำงานให้ผ่านไปวันๆ เพียงแค่หวังจะเก็บเงิน แต่ถูก ฉกาจ หนุ่มแมงดารีดไถจนหนักข้อเข้า น้อยก็สุดจะทนจึงฆ่าฉกาจเสียชีวิต ร.ต.ต. เชิด ซึ่งกำลังเข้าเวรมาพบเข้าจึงจับกุมตัวน้อยก่อนที่เธอจะถูกศาลตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 20 ปี ถึงกำหนดที่น้อยได้รับการปล่อยตัว ซึ่งตรงกับวันที่ ดิ๊ค ลูกสาวของน้อยกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับ ร.ต.อ. เฉลิม น้อยรีบมาหาเพื่ออยากเห็นวันที่ลูกมีความสุข แต่ พ.ต.ต. เชิด มาขวางไว้เพราะกลัวดิ๊คจะอับอาย มรสุมชีวิตที่น้อยต้องเผชิญทำให้น้อยตัดสินใจบวชชี และได้พบเทพซึ่งละทางโลกแล้วเช่นกัน
สามหัวใจ (2497/1954) ลครปิดโรง! แต่ศิลปินไม่อดตาย เพราะ ... สุวัฒน์ วรดิลก กำหนดให้ สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ ขึ้น ชกมวยเลี้ยงแม่ "พันคำ" ไปสมัครเรียนกฎหมายเอาตัวรอด วิไลวรรณ วัฒนพานิช ทำงานแลกข้าวไปวันๆ ทัต เอกทัต กลายเป็นพรานล่าพรหมจรรย์ผู้หญิง สวลี ผกาพันธ์ ลากคอคนรักเข้าตะแลงแกง ท่านเชื่อไหม? ไม่ เชื่อไปรับรู้ความเป็นจริง ในภาพยนตร์สีธรรมชาติ (ที่มา: ซีเนมาสโคป ธันวาคม พ.ศ. 2497)
แรงพิศวาส (2497/1954) ไพรัช ซื้อกิจการป่าไม้ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ต่อจาก หลวงวนา เพื่อหลีกหนีความเจ็บปวดที่ถูก แน่งน้อย ภรรยาสวมเขา ระหว่างเดินทางมาที่ป่าไม้ ไพรัชได้ช่วย ผาด ซึ่งกำลังถูกพวกของ สมพร รุมทำร้าย ไพรัชเห็นว่าผาดมีความชำนาญเรื่องป่าไม้จึงจ้างมาช่วยงาน จู่ๆ แน่งน้อยก็มาปรากฏตัวที่เพชรบูรณ์ความสวยของแน่งน้อยทำให้ผาดหลงเสน่ห์ แต่ก็พยายามระงับอารมณ์ไว้เพราะระลึกในบุญคุณของไพรัช สมพรตามมาล้างแค้นไพรัช หวังจะปลุกปล้ำแน่งน้อย แต่ผาดมาขัดขวางจึงถูกสมพรยิงตาย แน่งน้อยต้องตกเป็นของสมพร เพราะถูกสมพรขู่ว่าจะป่าวประกาศว่าแน่งน้อยเป็นคนฆ่าผาด ไพรัชต้องเดินทางไปทำธุระในเมืองเป็นประจำ สมพรจึงบังคับให้แน่งน้อยหนีไปกับตน ระหว่างการเดินทาง ไพรัชถูกพวกของก้านดักยิง เนื่องจากไม่พอใจที่มาลี สาวคนรักปันใจให้ไพรัช มาลีเอาตัวรับกระสุนปืนแทนไพรัช ก้านจึงได้สำนึกแล้วสำเร็จโทษคนที่ยิงมาลีเมื่อกลับมาถึงเพชรบูรณ์ ไพรัชถึงได้รู้ว่าแน่งน้อยหนีไปกับสมพร จึงรีบไปชิงตัวแน่งน้อยกลับมา
วิวาห์มัจจุราช (2497/1954) เมื่อเสือถูกสังหาร ลูกเสือตามพยาบาท! (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน เดลิเมล์ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2497)
นางกลางเมือง (2497/1954) จิ๋ว เด็กหญิงบ้านนอกถูกฝากเป็นคนใช้บ้าน นายเผดิม คหบดีกังฉิน นายเผดิมล่อลวงจิ๋วจนตั้งครรภ์ แต่กลัวความจะรู้ถึงหู คุณนายแช่ม ภรรยา จึงใส่ความว่าจิ๋วท้องกับ นายแสวง คนขับรถ คุณนายแช่มจึงไล่จิ๋วออกจากบ้าน จิ๋วไม่มีที่ไปจึงขอความช่วยเหลือจากนายแสวง เวลาผ่านไปจากความเห็นอกเห็นใจกลายเป็นความรัก ทั้งสองตกลงปลงใจร่วมหัวจมท้ายกัน นายแสวงตรากตรำทำงานเพื่อหาเลี้ยงดูครอบครัวจนกระทั่งป่วยเป็นโรคร้าย จิ๋วไม่รู้จะบ่ายหน้าพึ่งใครจึงตัดสินใจขายตัวตามคำชักจูงของ เอี่ยม เวลาผ่านไปนายแสวงและลูกเริ่มหายเป็นปรกติ จิ๋วตั้งใจจะเลิกขายตัวอย่างเด็ดขาดแต่เอี่ยมไม่ยอม จึงแฉเรื่องที่จิ๋วขายตัว แสวงเสียใจระคนโกรธ จิ๋วจึงหอบลูกหนีไปอยู่สถานบันเทิงของเอี่ยม และกลับไปเป็นนางกลางเมืองอีกครั้ง โดยเปลี่ยนชื่อเป็น แม่เสริม ความงามของจิ๋วทำให้หนุ่มๆ เข้ามาข้องแวะ รวมทั้ง คุณพร ที่หลงรักจิ๋วอย่างจริงจัง แต่จิ๋วไม่ขอรับรักคุณพรเพราะเกรงว่าคุณพรจะเสียชื่อเสียง แต่เพราะเห็นในความดีของคุณพรจึงขอร้องให้คุณพรรับอุปการะลูกของตน โดยจิ๋วแอบมาหาลูกเป็นประจำ 10 ปีผ่านไป ภรรยาของคุณพรซึ่งรัก พงษ์ ลูกของจิ๋วประหนึ่งลูกของตัวเอง กลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าแม่ที่แท้จริงของพงษ์มีอาชีพเป็นนางกลางเมือง จึงห้ามไม่ให้จิ๋วเข้าใกล้พงษ์อีก และส่งพงษ์ไปเรียนวิชากฎหมายยังต่างประเทศ ชีวิตของจิ๋วแย่ลงเรื่อยๆ จนจิ๋วคิดฆ่าตัวตายแต่เอี่ยมมาพบเข้าและได้ชวนให้จิ๋วมาช่วยดูแลบ้านแสนสำราญ ที่บางกะปิ ซึ่งเป็นสถานบำเรอชายแห่งใหม่ วันหนึ่ง เผดิมมาเจรจาธุรกิจกับ คำปัน พ่อค้าของเถื่อนทางภาคเหนือที่บ้านแสนสำราญ แต่เกิดผิดใจกัน เผดิมจึงวางแผนฆ่าคำปันแล้วป้ายความผิดให้จิ๋ว พงษ์กลับมาจากต่างประเทศ ได้รับมอบหมายให้เป็นอัยการว่าความคดีที่จิ๋วตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตาย จิ๋วรับสารภาพว่าตนเป็นผู้ฆ่าคำปัน แต่ไม่ทันที่ศาลจะตัดสิน จิ๋วก็ปลิดชีวิตตัวเองทิ้ง โดยที่พงษ์ไม่มีโอกาสรู้เลยว่า แท้จริงแล้วคนที่เขาว่าความให้คือแม่บังเกิดเกล้าของตน
ชตารัก (2497/1954) ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้ รัมภา แพทย์สาวแสนสวยมอบใจให้ สุเทพ ทั้งๆที่สุเทพเป็นคนเจ้าชู้เหลวแหลก แม้ หมอชลิต แพทย์หนุ่มที่แอบชอบเธอจะคอยเตือน แต่ใครก็มิอาจห้ามหัวใจของเธอได้จนวันหนึ่งสุเทพเกิดไปได้เสียกับ สุนทรี น้องสาวของหมอชลิตจนสุนทรีติดโรคร้ายจากสุเทพ รัมภาจึงได้เห็นธาตุแท้ของเขา และบอกให้สุเทพรับผิดชอบสุนทรี แต่คนที่ช้ำหนักไปกว่ารัมภาคือ ประวิทย์ คู่หมั้นของสุนทรีที่แทบกลายเป็นบ้าหลังรู้ว่าคนรักไปมีอะไรกับชายอื่น หมอชลิตจึงแนะนำให้รัมภาใช้วิชาแพทย์รักษาจิตใจให้ประวิทย์แต่ปรากฏว่าประวิทย์กลับตกหลุมรักรัมภาและขอเธอแต่งงาน ด้วยไม่อยากให้ประวิทย์ต้องตกอยู่ในสภาพเดิมอีก รัมภาจึงจำตอบรับคำขอแต่งงานของประวิทย์ แต่เรื่องร้ายก็เกิดขึ้นซ้ำสอง เมื่อสุนทรีกลับมาขอคืนดีกับประวิทย์ แต่ประวิทย์หมดรักสุนทรีแล้ว จึงไม่คิดจะกลับไปหาสุนทรีอีก สุนทรีโกรธแค้นจึงใช้มีดแทงประวิทย์ ในจังหวะเดียวกับที่สุเทพโผล่เข้ามาในเหตุการณ์สุเทพที่รังเกียจสุนทรีอยู่เป็นทุนเดิมจึงถือโอกาสฆ่าสุนทรีแล้วป้ายความผิดไปให้ประวิทย์จนเขาต้องติดคุก เมื่อหมอชลิตรู้ความจริง จึงออกตามหาสุเทพ แต่เพราะสุเทพยังไม่ทิ้งลายความเจ้าชู้จึงถูกคนท้องถิ่นฆ่าตายฐานที่ไปคบชู้กับเมียชาวบ้าน ก่อนตายสุเทพได้สารภาพความจริงเพื่อล้างผิดให้ประวิทย์ แต่ช้าไปแล้วเพราะประวิทย์แหกคุกมาหารัมภาจนถูกตำรวจยิงตาย หมอชลิตจึงรับเยียวยาหัวใจของรัมภา
ธิดายาจก (2497/1954) เพราะเกิดไปได้เสียกับชายต่ำศักดิ์อรพิน จึงถูก คุณพระบุรีรักษ์ภูบาล ขับไล่ออกจากตระกูล ไม่เว้นแม้แต่ น้อย ลูกสาวของอรพินซึ่งคุณพระสั่งให้คนเอาไปทิ้ง เคราะห์ดีที่ ยายจัน ผ่านมาเห็นจึงเก็บไปเลี้ยง แม้ลำพังยายจันจะยากจนแสนเข็ญเพียงใด ก็สู้อุตส่าห์ขอทานเพื่อเลี้ยงดูน้อยด้วยความรักประหนึ่งลูกของตนเอง เมื่อน้อยโตพอจะช่วยยายจันหาเงิน ก็ออกช่วยขอทานอีกแรงพร้อมกับ จิ๋ว ซึ่งยายจันเก็บมาเลี้ยงเช่นเดียวกัน แต่บัดนี้ เรี่ยวแรงของยายจันถดถอยลงมากจึงเป็นลมล้มลงในวันหนึ่ง บังเอิญ หมอชัย ผ่านมาจึงพายายจันไปรักษา แต่สายเกินกาล ยายจันได้จากโลกนี้ไปแล้ว ทิ้งให้น้อยกับจิ๋วต้องเผชิญโลกต่อไป หมอชัยจึงเสนอตัวให้ที่พักพิงแก่ทั้งสอง แต่ความสวยของน้อย ทำให้ ยุวดี ภรรยาหมอชัย เกิดความหึงหวง น้อยกับจิ๋วจึงตัดสินใจออกจากบ้านของหมอชัยเพื่อยุติปัญหา หลังจากไล่อรพินออกจากตระกูลเมื่อหลายปีก่อน คุณพระได้แต่ระทมทุกข์กับความโหดร้ายที่ตนก่อไว้จนล้มป่วยลง ในบั้นปลายชีวิตจึงลดทิฐิ ยกโทษให้อรพินก่อนจะสิ้นใจในเวลาต่อมา อรพินไม่ละความพยายามที่จะตามหาลูก ร่องรอยเดียวคือสร้อยล็อกเก็ตรูปกระต่ายชมจันทร์ที่อรพินห้อยคอลูกน้อยไว้ จนในที่สุดก็ได้เบาะแสจากหมอชัยซึ่งเป็นหมอประจำตระกูล
วิวาห์น้ำตา (2497/1954) หนีวิมานวิวาห์ไปหาความรักอื่น สร้างจากบทเพลงอันลือชื่อของ สมยศ ทัศนพันธ์ ซาบซึ้งตรึงใจ ยิ่งกว่าบทเพลง เรียกน้ำตา น่าสงสารยิ่งกว่าเรื่องใด ๆ
กังวานไพร (2497/1954) หลังจากวางหูโทรศัพท์จากสายข่าวว่าป่าไม้แขวงจังหวัดแพร่คนใหม่มีชื่อเสียงเรียงนามว่า เชิดชัยวนพงษ์ สกล ผู้อำนวยการบริษัท สกลพานิช จำกัด ก็ไม่รอช้าคิดแผนชั่วหาทางชักชวนเชิดชัยมาเป็นพวก เหมือนฟ้าจะเข้าข้าง เพราะ กรรณิการ์ ลูกสาวของสกลเป็นคู่รักของเชิดชัย สกลจึงหลอกให้กรรณิการ์ชวนเชิดชัยมาทำงานที่บริษัท กรรณิการ์ดีอกดีใจเพราะไม่รู้เบื้องหลังธุรกิจของพ่อแต่เชิดชัยปฏิเสธ คืนวันหนึ่ง เชิดชัยแวะไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์กมลวัฒนา และบังเอิญได้ทำความรู้จักกับเบญจวรรณ น้องสาวของ บัวเขียว ภรรยาของทักษ์ ซึ่งเพิ่งเรียนจบกลับมาที่แพร่ ทั้งสองก็เริ่มไปมาหาสู่กัน ทักษ์ เรืองผล สมุนของสกลซึ่งหวังจะรวบหัวรวบหางกรรณิการ์ทั้งที่ตัวเองมีเมียอยู่แล้ว คิดแผนชั่วหมายจะกำจัดเสี้ยนหนามทางธุรกิจและหัวใจให้พ้นทาง แม้ทักษ์จะจ้องกำจัดเชิดชัยทุกครั้งที่มีโอกาสแต่ก็ยังไม่สำเร็จ เชิดชัยเริ่มรู้ตัวว่ากำลังถูกทักษ์หมายหัว ก็ส่งคนไปสืบจนรู้แน่ชัดว่าทักษ์แอบร่วมมือกับเสี่ยหวั่งจะหักหลังสกล เชิดชัยจึงเปิดโปงว่าทักษ์เป็นนกสองหัว ทักษ์แค้นมาก ปล่อยข่าวว่ามีคนลอบเข้าไปตัดไม้ที่ผาน้อยแล้วส่งมือปืนไปดักยิงเชิดชัย เบญจวรรณเผอิญล่วงรู้แผนการของทักษ์จึงรีบไปห้ามเชิดชัยแต่ไม่ทันกาลจึงต้องย้อนไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ พวกของทักษ์เผาป่าเพื่อล้อมเชิดชัยและพรรคพวก เบญจวรรณที่ตามมาทีหลังหาตัวเชิดชัยจนพบ และแล้วเชิดชัยก็ได้ประจัญหน้ากับทักษ์โดยมีเบญจวรณคอยช่วย ทักษ์พลาดท่าระหว่างการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ เสียชีวิตในป่าเพลิงนั้นเอง
สามเกลอแผลงฤทธิ์ (2497/1954) หลังจากเกษียณราชการ ขุนรักษาพยายามคิดค้นยาชุบชีวิตคนตายให้กลายเป็นคนเป็นเพราะหวังจะร่ำรวยมีเงินทอง แต่ยังขาดตัวยาอยู่สองขนาน บังเอิญ เสน่ห์ แป๊ะ และ ฮะ มาติดพัน นารี ลูกสาวสุดที่รักของขุนรักษา แกจึงออกอุบายให้สามเกลอไปหาตัวยาวิเศษกับเจ้าทองคำที่เชียงใหม่ โดยสัญญาว่าจะยกลูกสาวให้ถ้าทำสำเร็จ สามเกลอไม่รอช้า มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ แม้เจ้าทองคำจะขายตัวยาให้ธนาคารที่ลำปางไปแล้วก็ตามไปซื้อจนสำเร็จ และเดินทางต่อไปยังปราสาทหินพิมายซึ่งเป็นจุดหมายของตัวยาขนานสุดท้าย เมื่อหาตัวยาได้ครบก็รีบเดินทางกลับมารับรางวัลที่กรุงเทพ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูก สมพล วายร้ายสะกดรอยตามหวังชิงยาวิเศษ ขุนรักษาลงมือปรุงยาทันควัน แล้วสั่งให้สามเกลอไปขุดศพ เสือโพล้ง ที่ป่าช้ามาทำการทดลองชุบชีวิตเสือโพล้งฟื้นคืนชีพมาอาละวาดบีบคอเสน่ห์แล้วจับตัวนารีไป สามเกลอรีบตามไปชิงตัวนารีคืน แล้วฉีดยาพิษใส่เสือโพล้งให้ตายดังเดิม ส่วนขุนรักษาที่รออยู่ที่บ้าน ถูกสมพลจับตัวไปขู่จะเอายาวิเศษ โชคดีที่ เฉย คนใช้ช่วยขุนรักษาไว้ได้ ขุนรักษากลับมาปรุงยาอีกครั้งและประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้เป็นเพราะสามเกลอแผลงฤทธิ์นำพาความปรกติสุขกลับมา
สามชาย (2497/1954) ภาพยนตร์ชีวิต ต่อสู้ และรักของลูกผู้ชายหลายๆ แบบ (ที่มา: นิตยสารข่าวภาพยนตร์ ตุลาคม พ.ศ. 2497)
แม่ศรีเรือน (2497/1954) เพราะทนถูกนายจ้างเอาเปรียบเรื่องเงินเดือนไม่ได้ โดม จึงตัดสินใจลาออกจากงานมาเป็นพ่อบ้าน ชไมพร ภรรยาที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านจึงจำต้องออกไปหางานทำแทนสามี กระทั่งได้งานที่บริษัทสตรีไทยของ คุณนายแช่มช้อย บริษัทที่ออกกฎห้ามพนักงานหญิงมีสามี ชไมพรจึงต้องปิดบังเรื่องโดมไว้เป็นความลับ ความสามารถของชไมพรเป็นที่ปลาบปลื้มของคุณนายแช่มช้อย จึงพยายามจับคู่ชไมพรให้ ชวลิตลูกชาย ฟากโดมก็ได้รู้จักกับ วัทณีย์ ลูกสาวเจ้าของบ้านเช่าที่ตนอาศัยอยู่ ความรักระหว่างโดมกับชไมพรจึงส่อแววเข้าใจผิดเป็นเหตุให้เกิดเรื่องยุ่งๆ ตามมา กระทั่งความลับถูกเปิดเผย ในจังหวะเดียวกับที่ชวลิตและวัทณีย์ดันมาชอบกันโดยบังเอิญ ด้วยความเมตตาชไมพร คุณนายแช่มช้อยจึงยกเลิกกฎ และให้ชไมพรได้ทำงานต่อไป ฝ่ายโดมหลังจากว่างงานมานานก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ด้วยความช่วยเหลือจากวัทณีย์ เรื่องจึงจบลงด้วยความสุขสมหวังทุกประการ
แม่ค้าหาบเร่ (2497/1954) แม่ค้าหาบเร่ เป็นภาพยนตร์ไทย ฟิล์ม 16 มม.ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2497 สร้างโดย สองสาวภาพยนตร์
ฟ้าแลบบนสาปไตย (2497/1954) หลังจากกลับมาที่สิงคโปร์ วสันต์ (ชาลี อินทรวิจิตร) ชายหนุ่มที่เคยเป็นคนอัธยาศัยดีก็เงียบขรึมจนเป็นที่ประหลาดใจของเพื่อนร่วมงาน ทั้งที่การเจรจาธุรกิจครั้งนั้นประสบความสำเร็จได้ด้วยดี ประจวบเหมาะกับที่ลิ้มไต้ง้วน ผู้จัดการห้างประสบอุบัติในการเดินทางครั้งนั้น วสันต์จึงได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการห้างลิ้มไต้ง้วนซึ่งตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ เพื่อนร่วมงานจับกลุ่มนินทาไปต่างๆ นานาเรื่องที่วสันต์เอามือที่ดองไว้ในขวดแก้วกลับมาด้วยมีเพียงวสันต์เท่านั้นที่รู้ความหมายของมัน หลายเดือนก่อน วสันต์ติดตามลิ้มไต้ง้วนผู้จัดการห้างไปเจรจาธุรกิจที่กรุงเทพ บนเรือเดินทะเล "สาปไตย" ที่ลอยเอื่อยบนท้องทะเลวันแล้ววันเล่า วสันต์ได้แต่หมกตัวทำงานให้ลิ้มไต้ง้วนอยู่ในห้องส่วนตัวแคบๆ เมื่อได้พบกับ มาลาตี (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ) หญิงสาวเพียงคนเดียวบนเรือวสันต์จึงไม่รีรอจะเข้าไปทักทายเพื่อทำความรู้จัก ความเบื่อหน่ายบนเรือทำให้วสันต์กระโจนเข้าสู่ไฟราคะที่กำลังมอดไหม้หัวใจตนเอง ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามาลาตีมีสามีแล้วจนถลำลึกวางแผนหนีตามกันทันทีที่สาปไตยเทียบท่าเรือคลองเตย ติดอยู่เพียงเรื่องเดียว คือ เรื่องเงิน คืนนั้น วสันต์ฉวยโอกาสที่ท้องทะเลกำลังคุ้มคลั่ง ฆ่าลิ้มไต้ง้วนเพื่อขโมยเงินเอามาเป็นทุนตั้งต้นชีวิต แล้วรีบมาบอกมาลาตี ทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เป็นกัปตันเรือที่เดินตามรอยเลือด ซึ่งหยดเป็นทางจนมาสุดที่ห้องของมาลาตี มาลาตีหยิบมีดตัดนิ้วตัวเองเพื่อเบนความสนใจ กัปตันเรืออาสาไปหยิบกล่องปฐมพยาบาล มาลาตีจึงเร่งเร้าให้วสันต์ไปจัดการศพลิ้มไต้ง้วน มาลาตีขอร้องให้วสันต์โอนเงินคืนห้างและช่วยงานห้างจนสำเร็จเพื่อไม่ให้เกิดพิรุธ แม้วสันต์จะรีบพามาลาตีไปโรงพยาบาลทันทีที่เรือถึงกรุงเทพ แต่ก็สายไปเสียแล้ว เชื้อโรคได้ลุกลามจนหมอต้องตัดมือของมาลาตี ในระหว่างที่มาลาตีนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล สามีของมาลาตีคอยดูแลเธออยู่ไม่ห่าง จนวสันต์รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่เขามีให้เธอวสันต์จึงเป็นฝ่ายเดินออกมาจากชีวิตของมาลาตีอย่างเงียบๆ เหลือเพียงมือของมาลาตีที่เขานำกลับมา เป็นอนุสรณ์ความรักบนเรือสาปไตย