2522
บ้านทรายทอง (2523/1979) ความอิ่มตาที่ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบ สร้างอารมณ์บันเทิงล้ำค่า ฟัง 2 เพลงเอก "บ้านทรายทอง" และ "หากรู้สักนิด" จารุณี สุขสวัสดิ์ รับบท "พจมาน พินิตนันท์" เด็กสาวซึ่งหยิ่งในเกียรติ ทรนงในสายเลือด
เรื่องราวของ "พจมาน พินิจนันต์" (จารุณี สุขสวัสดิ์) หญิงสาวผู้ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านทรายทอง ตามคำสั่งเสียสุดท้ายของพ่อเพื่อเรียนต่อในกรุงเทพฯ แต่เธอกลับถูกกลั่นแกล้งสารพัดโดยหม่อมพรรณรายและหญิงเล็ก ด้วยความเกลียดชังเพราะกลัวว่าพจมานจะพรากบ้านหลังนี้ไปครอง มีเพียง "คุณหญิงใหญ่" และ "ชายกลาง" ที่มีความเมตตาต่อเธออยู่บ้าง เธอต้องอดทนต่อการโขกสับและกลั่นแกล้งจากหม่อมพรรณรายและหญิงเล็ก และเธอยังคอยดูแลเอาใจใส่ "ชายเล็ก" น้องของชายกลางที่เป็นง่อยเป็นอย่างดี จนสามารถเอาชนะใจของชายกลางและอีกหลายๆ คนจนเป็นผลสำเร็จ
พจมาน พินิตนันทน์ เดินทางมาอาศัยอยู่กับญาติที่บ้านทรายทองตามคำสั่งของบิดาที่เสียชีวิต แรกทีเดียวอยู่อาศัยอย่างคนรับใช้ และถูกกลั่นแกล้งสารพัดจาก หม่อมพรรณราย และ ม.ร.ว.ภาวิณีจรัสเรือง หรือ หญิงเล็ก แต่ก็ได้ ม.ร.ว.ภาระดี สว่างวัฒน์ หรือ คุณหญิงใหญ่ คอยช่วยเหลือ เมื่อได้พบกับ มรว.ภารดาพัฒน์ระพี หรือ ชายกลาง ก็ได้จัดให้มีห้องหับเหมือนญาติคนหนึ่ง พจมานก็คอยดูแลเอาใจใส่น้องชายคนเล็กของชายกลางที่เป็นง่อย เธอแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่เข้มแข็ง อดทนและมีจิตใจที่ดีงาม จนสามารถเอาชนะใจของชายกลางและอีกหลายๆ คนจนเป็นผลสำเร็จ จนในท้ายที่สุด ชายกลางและพจมานก็เข้าพิธีมงคลสมรส
ชื่นรัก (2522/1979) ความโกลาหลอลหม่านของนักเรียนจอมกวนกับครูจอมเก็ก ซึ่งกลับตาละปัดเป็นความหวานซึ้ง ภาพยนตร์ ชื่นรัก เพื่อความ ชื่นรัก
เรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มนักเรียนโข่งจอมกะล่อนที่เรียนไม่จบซักที กับครูสาวผู้ดีจอมเฮี้ยบที่จะมากำหราบเหล่าลูกศิษย์จอมเกเร ด้วยความตั้งใจของครูสาวที่อยากสั่งสอนให้ลูกศิษย์เป็นคนดีมีความรู้ จะค่อยๆ ละลายความทะโมนของเหล่าลูกศิษย์ให้กลายเป็นนักศึกษาที่มีคุณภาพให้จงได้
เรื่องราวของฤทธิรงค์ นักเรียนโข่งจอมแก่นหัวโจกของห้องที่เรียนอย่างไรก็เรียนไม่จบ เดือดร้อนถึงดารา ครูสาวคนใหม่ที่ต้องมาเคี่ยวเข็ญเขาเป็นพิเศษเนื่องจากสงสารที่พ่อแม่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อส่งเสียให้เรียน แต่ฤทธิรงค์ยังคงทำเป็นไม่สนใจ และเอาแต่ร้องเพลงแซวครูและตั้งตนเป็นไม้เบื่อไม้เมากับครู
เลือดสุพรรณ (2522/1979) ในปี พ.ศ. 2308 ตอนปลายยุคกรุงศรีอยุธยา ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งของเมืองสุพรรณบุรี ชาวบ้านยังคงอยู่กันอย่างสงบสุข แม้จะมีข่าวศึกจากกรุงอังวะ แต่ก็คิดกันว่าเป็นหน้าน้ำหลากพม่าไม่สะดวกในการเดินทัพคงจะไม่ยกทัพมา
คืนวันหนึ่งมีกลุ่มโจรบุกเข้าปล้นหมู่บ้านและฉุดดวงจันทร์ (ลลนา สุลาวัลย์) ลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านไป แต่ระหว่างทางปรากฎชายหนุ่มลึกลับผู้มีฝีมือการต่อสู้ยอดเยี่ยมเข้าช่วยเหลือ เหล่าโจรสู้ไม่ได้จึงพากันหนีไป เนื่องจากเป็นเวลากลางคืนไม่สะดวกในการเดินทาง ชายหนุ่มลึกลับจึงพาดวงจันทร์ไปพักที่กระท่อมร้าง และบอกว่าตนเองชื่อทับ (ไพโรจน์ สังวริบุตร) เป็นทหารสอดแนมจากกรุงศรีอยุธยา และวันรุ่งขึ้นทับก็พาดวงจันทร์กลับคืนไปหาพ่อแม่ที่หมู่บ้าน
ด้วยความประมาทของคนไทย กองทัพพม่าสามารถบุกเข้ายึดเมืองสุพรรณบุรีได้โดยง่ายดาย รวมทั้งหมู่บ้านที่ดวงจันทร์อาศัยอยู่ ดวงจันทร์เอาตัวรอดโดยการปลอมตัวเป็นผู้ชาย ในขณะที่ผู้หญิงในหมู่บ้านหลายคนต้องถูกทหารพม่าข่มขืน เพื่อนของดวงจันทร์ถูกฉุดไปให้มังระโธ (สุทัศน์ อินทรานุปกรณ์) นายกองปีกขวา แต่ถูกขัดขวางโดยมังราย (ไพโรจน์ สังวริบุตร) นายกองปีกซ้ายผู้เป็นบุตรของมังมหาสุรนาถ (ส.อาสนจินดา) แม่ทัพใหญ่ผู้คุมทัพมาในครั้งนี้ มังระโธต่อสู้กับมังรายและพ่ายแพ้ จึงผูกอาฆาตต่อมังราย
สาวใช้แม่เอ๊ย (2522/1979) ข้อความบนใบปิด จิรบันเทิงฟิล์ม โดย จิรวรรณ กัมปนาทแสนยากร เสนอ สาวใช้แม่เอ๊ย ของ พร้อม รุ่งรังษี คนรับใช้สาวสวยแสนน่ารัก ช่วยงานคุณได้สารพัด คุณอยากจะย้ายเธอไป ไว้บ้านคุณสักคนมั้ยล่ะ เด่น ดอกประดู่ สุพรรษา เนื่องภิรมย์ กาญจนา บุญประเสริฐ เทพ เทียนชัย, เด่อ, ดู๋, ดี๋, สีเทา, สมควร กระจ่างศาสตร์, เมตตา รุ่งรัตน์,อรสา อิศรางกูร, วิภารัตน์ เปรื่องสุวรรณ, ท้วม ทรนง, มนัส บุณยเกียรติ, แน่งน้อย, ชูชาติ สวัสดิชูโต, ผดุงศรี โสภิตา ร่วมกับ ถนอม นวลอนันต์ แสนยากร-เมตตา รุ่งรัตน์ กำกับการแสดง มร.เจิน ถ่ายภาพ
ไผ่แดง (2522/1979) เรื่องราวของ สมภารกร่าง เจ้าอาวาสวัดไผ่แดง กับ แกว่น แก่นกำจร สหายหนุ่มจากบ้านไผ่ตัน ผู้มีความคิดต่างกันแบบขั้วตรงข้าม แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ความมุ่งหวังให้เกิดความเจริญแก่ทั้งสองหมู่บ้าน เมื่อมีนายทุนและผู้อ้างตนวิเศษในพื้นที่แห่งนี้ พวกเขาจึงต้องร่วมมือกันผลักดันความไม่เป็นธรรมและความเชื่ออันไร้เหตุผลให้ออกไปจากหมู่บ้านไผ่แดงและไผ่ตัน
หมู่บ้านไผ่แดงซึ่งมีตัวละครหลัก 2 ตัว ที่เป็นผู้นำความคิดของหมู่บ้าน ฝ่ายหนึ่งคือ แกว่น แก่นกำจร สหายหนุ่มผู้ยึดมั่นในลัทธิคอมมิวนิสต์จากตะวันตก เพราะเชื่อว่าจะเป็นแนวคิดที่นำพาชาวบ้านไปสู่ความเท่าเทียมและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากพวกนายทุน ส่วนอีกฝ่ายคือ สมภารกร่างเจ้าอาวาสวัดไผ่แดง ซึ่งเป็นเพื่อนของแกว่น ผู้ยึดมั่นในความคิดตามหลักพระพุทธศาสนาและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาหมู่บ้านตามหลักธรรมคำสอนที่เหมาะสมกับสังคมไทย ทำให้ทั้งสองต่างต้องปะทะคารมถากถางกันอยู่เสมอ เพราะฝ่ายหนึ่งก็เชื่อมั่นกับความคิดแบบหัวก้าวหน้า ทว่าอีกฝ่ายก็ยึดมั่นอยู่กับความคิดแบบอนุรักษ์นิยม แต่ทว่าทั้งแกว่นและสมภารกร่างต่างก็มีความตั้งใจที่ดีต่อหมู่บ้านเช่นเดียวกัน จนทำให้แกว่นและสมภารกร่างต่างยอมละวางจากอำนาจแห่งความคิดเพื่อร่วมมือกันพัฒนาหมู่บ้าน ด้วยการพยายามจัดสร้างโรงเรียนให้แก่เด็กๆ ซึ่งเชื่อมระหว่างหมู่บ้านไผ่แดงและไผ่ตันขึ้นมา แม้ในตอนแรกชาวบ้านจะมีปัญหาขัดแย้งกันตรงที่ตั้งของโรงเรียนที่มีระยะทางไม่เท่ากันจนเกิดการทะเลาะเบาแว้งระหว่างหมู่บ้าน แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็หาทางปรองดองด้วยการสร้างโรงเรียนไว้บนสะพานเชื่อมคลองของสองหมู่บ้านเพื่อไม่ให้มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
แต่ในหมู่บ้านนั้นยังมีเสี่ยเหล็งเศรษฐีขี้โกง ที่หาทางฮุบที่ดินของชาวบ้านมาเป็นของตนเอง ด้วยการปล่อยเงินกู้จนชาวบ้านไม่สามารถใช้หนี้ได้ ตนเองจะได้ยึดที่ดินของชาวบ้านไป ทั้งแอบส่ง พระจรูญ พระปลอมที่เข้ามาแอบอ้างเป็นผู้วิเศษเพื่อให้ชาวบ้านหลงงมงาย แต่ที่ร้ายหนักไปกว่านั้นคือเสี่ยเหล็งพยายามจะใช้ที่ดินที่ชาวบ้านตั้งใจจะเอาไปปลูกสร้างเป็นโรงเรียน ไปทำเป็นเขื่อน ด้วยอ้างว่าเป็นที่ดินของตน แม้จะได้มาจากการคบคิดกับข้าราชการฉ้อราษฎร์บังหลวง เพื่อตนจะได้หาทางตัดทางน้ำเข้าสู่ไร่นาของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านทำนาไม่ได้และยอมขายที่ดินให้แก่ตนเองในที่สุด แกว่นและสมภารกร่างจึงต้องร่วมมือกัน โดยแกว่นได้ใช้ความเป็นฆราวาสของตนในการช่วยเหลือแทนสมภารกร่าง ด้วยการจัดการกับพระจรูญและจับตัวเสี่ยเหล็งกับลูกน้องของมันที่ถือปืนเข้ามาขับไล่การสร้างโรงเรียนของชาวบ้าน ในขณะที่สมภารกร่างก็หาหลักฐานมาเปิดโปงเสี่ยเหล็งต่อทางการได้จนเสี่ยเหล็งถูกจับกุม ความสงบสุขจึงกลับคืนสู่หมู่บ้านไผ่แดง แม้ในท้ายที่สุดความคิดของสมภารกร่างและแกว่นจะยังคงอยู่กันคนละฟากฝั่งก็ตาม
นรกแตก (2522/1979) "ยิ่ง มหายศ" (สมบัติ เมทะนี) หนุ่มผู้ได้รับถ่ายทอดวิชาคาถาอาคมจากหลวงตาแช่มเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งปักษ์ใต้ เขาได้รับมอบหมายจากอาจารย์ให้ไปช่วยเหลือ "เชิญ มหัพภาค" ญาติของท่านที่ถูกอิทธิพลเถื่อนคุกคามอยู่ ทว่าเมื่อยิ่งเดินทางไปถึงก็สายเสียแล้ว เขาพยายามสืบหาผู้อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้จนได้พบกับ "วรวรรณ" (นันทนา เงากระจ่าง) ที่เป็นลูกสาวของเชิญ ยิ่งจึงเข้าร่วมกับวรวรรณเพื่อต่อกรกับ "เล่งหง" (บู๊ วิบูลย์นันท์) ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดและได้เตรียมรับมือกับยิ่งทั้งยอดฝีมือการต่อสู้ และวิชาคาถาอาคม
ร้ายก็รัก (2522/1979) หลังจากที่พ่อยิงแม่เสียชีวิต แอนนี่จึงต้องไปอาศัยอยู่กับป้าเพลิน ซึ่งเลี้ยงดูเธอดั่งลูกในไส้ ในขณะที่ป้าเพลินเองก็มีลูกชายสองคนคือ ทวน ผู้เป็นสุภาพบุรุษเอาการเอางาน และ ทด ซึ่งมีนิสัยเจ้าชู้และเกเร เพราะมีพ่อคอยให้ท้ายอยู่เสมอ แต่นานวันเข้า แอนนี่กลับเผลอมีใจให้ทด แม้ว่าเขาจะเลวร้ายในสายตาคนอื่นเพียงใดก็ตาม
แม่ค้าขายผัก (2522/1979) "ครูขาหนู..." ทำไมเหงาเรอะ เปล่าค่ะ หนูขอลาออก สังคมผู้ดี เหยียดหยามว่าเธอต้อยต่ำ เขา? ด่าประณามว่าขายตัว เกลือกกลั้วชั่วนัก แต่เธอเป็นเพียง... แม่ค้าขายผัก เราสร้างสรรค์ไว้ให้ชาวพารา รักและเมตตาแม่ค้าเมืองไทย ดังมาแล้วทั่วประเทศจากละครวิทยุ คณะ เกษทิพย์
เยาว์ และ บุษ สองสาวพี่น้องทำงานช่วยที่บ้านด้วยการขายผักในตลาด ส่วนพ่อของพวกเธอนั้นขับรถรับจ้าง วันหนึ่งพ่อของสองสาวประสบอุบัติเหตุ ทำให้ต้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมากแต่ครอบครัวของพวกเธอไม่มีเงิน ด้านแม่ของลูกค้าประจำที่มาซื้อผักต้องการให้ เยาว์ ไปแต่งงานกับหลานชายของเธอ เพื่อไม่ให้หลานชายไปแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ชอบ เยาว์ เลยต้องจำใจทำตามข้อเสนอเพื่อตอบแทนบุญคุณของพ่อ
สุดห้ามใจรัก (2522/1979) เรื่องราวของเด็กชายตัวน้อย หนุ่ม (เดชดวง อนุศาสนนันท์) ที่ชีวิตที่มีความสุขกับครอบครัวที่อบอุ่นต้องพังทลายลง จากการเสียทั้งพ่อและแม่ในอุบัติเหตุ เหลือเพียง น้าญานี (จารุณี สุขสวัสดิ์) ที่ดิ้นรนหาทางเลี้ยงดูหลานชายตัวน้อย เธอจำต้องยึดอาชีพนักร้องที่ไนท์คลับ โดยมีหนุ่มคอยขายกุหลาบอยู่หน้าไนท์คลับด้วย ฝั่ง คุณพระบริรักษ์ (ส. อาสนจินดา) ปู่ของหนุ่มก็วางแผนที่จะเอาหนุ่มกลับมาเลี้ยงดู เขาจึงส่ง คมศักดิ์ (สรพงศ์ ชาตรี) ไปตามตัวหลานชาย คมศักดิ์พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ญานียอมยกหลานชายให้กับคุณพระ ท่ามกลางแผนการมากมายเขากลับมีความเข้าอกเข้าใจญานีมากขึ้น จนเกิดเป็นความรักท่ามกลางควากดดันจากคุณพระบริรักษ์ที่ต้องการตัวหลานชายแม้จะต้องทำอย่างไรก็ตาม