มากับพระ (2549/2006) บนขบวนรถไฟที่กำลังมุ่งสู่ตอนเหนือของประเทศไทย เณรเล็ก (อ๊อฟ แฟนฉัน) เณรบวชใหม่ลูกเศรษฐีที่พ่อขอร้องให้บวชเณร เนื่องจากความเชื่อเรื่องดวงชะตา จึงส่งไปอยู่ ณ วัดบนดอยสูง ในการเดินทางครั้งนี้ เณรเล็กได้พบกับ พล(วัชรบูล ลี้สุวรรณ) ชายหนุ่มตกอับที่หนีปัญหา เดินทางโดยไร้จุดหมาย และ แตงโม ( ปู ไปรยา ) สาวสวยที่ไม่เข้าใจในรัก เลิกกับแฟนเดินทางกลับบ้านเกิด เรื่องวุ่น ๆ ก็เริ่มต้น เมื่อทั้ง 3 คนได้รู้จักกันแบบไม่ตั้งใจ เมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เชียงราย เณรเล็กมุ่งตรงสู่วัดทองพันชั่ง อันมี หลวงพี่สิทธิ์ (อัมรินทร์ นิติพน) เจ้าอาวาสอารมณ์ร้อน ส่ง เณรโก๊ะ (โก๊ะตี๋ อารามบอย) ขี่ม้าไปรับขึ้นดอย และที่วัดแห่งนี้ เณรเล็กได้รู้จัก พระหลับ (กล้วย เชิญยิ้ม) และ หลวงปู่ (นพดล ดวงพร) เรื่องวุ่น ๆ แบบธรรมหรรษาก็เกิดขึ้น นับตั้งแต่ก้าวแรกของเณรเล็ก ส่วนพลกับแตงโมได้พบกันอีกครั้งด้วยกรรมบันดาล แตงโม จอมหาเรื่องได้ถูกพลช่วยเหลือ ให้หนีรอดปลอดภัยจากแก๊งค์ป่วนคาราโอเกะ และเริ่มสัมพันธ์เรื่อยมา โดยมี กำนันยศ(พิศาล อัครเศรณี) เป็นตัวสร้างเรื่อง ไม่ว่าทั้งทางโลก และทางธรรม แล้วปัญหาต่างๆก็ใหญ่ขึ้น เมื่อ โทนี่(สมชาย ศักดิกุล) ชายแปลกหน้าเข้ามาป้วนเปี้ยนแถวหมู่บ้านและวัดทองพันชั่ง เหล่าพระเณร รวมทั้งพลและแตงโม ต่างงงในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จนวัดทองพันชั่งเกือบถูกทำลาย.
ฅนไฟบิน

ฅนไฟบิน (2549/2006) ปี พ.ศ. 2398 เป็นต้นมาได้เกิดอาชีพ “นายฮ้อย” ขึ้นมา เพราะประเทศต้องการทำนาเพื่อนำข้าวส่งออกต่างประเทศ เหล่ากลุ่มนายฮ้อยเหล่านี้ต้อนควายเพื่อมาขายยังกรุงเทพฯ นายฮ้อยบางกลุ่มก็เป็นโจรแฝงมาเพื่อปล้นควายและฆ่าชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนโดยทางการมิได้เข้าช่วยเหลือแต่อย่างใด หนำซ้ำ “พระยาแหว่ง” (ลีโอ พุฒ-พุฒิพงศ์ ศรีวัฒน์) ยังต้องการให้ฆ่าควายให้หมดอีกด้วยเพื่อจะได้ขายรถไถฝรั่งให้กับประชาชนใช้แทนควาย กลุ่มนายฮ้อยโจรเหล่านี้ต้องเผชิญกับ “โจรบั้งไฟ“ (ชูพงษ์ ช่างปรุง) ผู้ออกปล้นด้วยเหตุผล 2 ประการคือ ช่วยเหลือชาวบ้านผู้ทุกข์ยาก และที่สำคัญหาคนที่ฆ่าพ่อแม่ของตน จนกระทั่งเจอกับ “นายฮ้อยสิงห์” (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) และเชื่อมั่นว่าเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของตนจริงๆ ในขณะที่พระยาแหว่งจ้างโจรปล้นฆ่านายฮ้อยได้หมด แต่กลับไม่สามารถฆ่านายฮ้อยสิงห์คนที่ไม่เคยแพ้ใครได้ พระยาแหว่งจึงวางแผนหลอกใช้โจรบั้งไฟและ “ปอบดำ” (พันนา ฤทธิไกร) ผู้ลึกลับและมีความแค้นอยู่กับนายฮ้อยสิงห์มานาน จึงตกลงใจช่วยเหลือโดยทันที ทั้งพระยาแหว่งและโจรบั้งไฟต่างก็หลงรัก “อีสาว” (กัญญาภัค สุวรรกูฏ) ลูกสาวคนเดียวของปอบดำ แต่ปอบดำก็ไม่ยอมให้ใครได้อีสาวไปครอง… “นายฮ้อยสิงห์” ยังไม่รู้ว่าตนเองถูกปองร้าย… ชีวิตของ “อีสาว” ยังมีความลึกลับที่ยังไม่เปิดเผย… “โจรบั้งไฟ” และ “พระยาแหว่ง” ยังไม่รู้ความลับของ “ปอบดำ” แต่ทั้งสามก็ต้องร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของแต่ละคน…

เก๋า..เก๋า (2549/2006) พ.ศ. 2512 กรุงเทพฯ ในยุคที่หนุ่มสาววัยทีนเมามายกับแสงไฟดิสโก้ยามค่ำคืน การปรากฏตัวของวงสตริงเครื่องเป่า ผู้ประกาศตัวเป็นคณะปฎิวัติแห่งเสียงเพลงได้พลิกโฉมหน้าวงการไปชนิดที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ Possible คือวงสตริงคอมโบที่จุดระเบิดความฮิตไปทุกหัวระแหง คอนเสิร์ตของพวกเขามีอานุภาพรุนแรงขนาดปลุกวัยรุ่นให้ลุกจากเตียงเพื่อไปฟังเพลงได้ตั้งแต่ตีสี่ ต๋อย (อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต) นักร้องนำ มีฝีไม้ลายมือในการแปลงเพลงระดับเทพ เพลงฝรั่งไม่ว่าเจ๋งแค่ไหน ต๋อยบิดเป็นเนื้อไทยได้แจ๋วกว่า ฝรั่งร้อง Linda Linda I Love You ต๋อยชงเป็น รินมา รินมา ฉันขอรักเธอเมามาย ฝรั่งแดนซ์ You can ring my bell..ell..ll ต๋อยถอดกางเกงเต้น กาง เกง ลิง ลอย ฟ้า อ้า อ้าา สมาชิกในวงไม่ว่า โบ้ (ปิยะ ศาสตรวาหา) มือกีต้าร์ สอง (จักรพงศ์ สิริริน) มือเบส น๊อต (ยุทธนา ธุวะประดิษฐ์) มือคีย์บอร์ด และ เบ๊ (ธนากร ชินกูล) มือกลอง ต่างสนุกสนานกับชีวิตคนดังนิสัยเสียไปวันๆ Possible ถือมติ ไม่ซ้อม มาสาย เมาเหล้า มั่วคิว และหม้อหญิง โอ้ ชีวิตอะไรมันจะน่าอิจฉาขนาดนี้ พวกเขากำลังจะได้เข้าอัดแผ่นเสียงเพื่อบัญญัติความดังไว้เป็นอมตะ Possible จึงหยิ่งผยองในความเป็นหนึ่งและอารมณ์เสียสุดๆ ที่มีวงน้องใหม่ชื่อ The Impossible ผุดขึ้นมาแย่งความสนใจ กระทั่งวันหนึ่ง Possible ได้รับไมค์เด็กเล่นเป็นของขวัญจากแฟนเพลงลึกลับ ต๋อยและเพื่อนๆ สมาชิกหัวเราะให้กับความคิดบรรเจิดนี้อย่างสนุกสนานและถือมันติดมือขึ้นเวทีไปด้วย แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ในคอนเสิร์ตเปิดโรงภาพยนตร์พระโขนง ซีเนม่า ไมค์สีชมพูหวานจ๋อยอันนั้นส่งพวกเขาข้ามเวลามาปี 2549 พ.ศ.ที่ดนตรีสตริงคอมโบกลายเป็นไดโนเสาร์ และวง Possible สุดมะ มีค่าเท่ากับวงบ่อจี๊ที่ไม่มีใครรู้จัก กรุงเทพฯ ไม่ใช่ที่ทางของพวกเขาอีกต่อไป Possible ต้องรีบหาทางกลับอดีตด่วนจี๋ และวิธีนั้นมีทางเดียวพวกเขาจะต้องระดมแฟนเพลงมารวมตัวกันเล่นดนตรีเพื่อจุดพลังให้ไมค์ทำงานอีกครั้ง แต่ในเมื่อปัจจุบันเทกนิกการแปลงเพลงอันเอกอุกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ซ้ำร้าย Possible ยังถูกตราหน้าว่าเป็น The Impossible เวอร์ชั่นแผ่นผีเข้าไปอีก แล้วจะให้ Possible เปิดคอนเสิร์ต มันจะเป็นไปได้เหรอเนี่ย
สุดสาคร (2549/2006) การพบกันระหว่างสุดสาคร กับ ม้านิลมังกร นั่นหมายถึงการจากลาจาก พระเจ้าตา และ แม่นางเงือก และหมายถึงการเริ่มต้นสู่การผจญภัยที่เหนือจินตนาการ เพื่อเดินทางตามหา พระอภัยมณี ผู้เป็นบิดา ไปสู่ดินแดนที่สุดสาครไม่เคยรู้จัก ในขณะเดียวกันทางฝ่าย พระอภัยมณี กับ นางสุวรรณมาลี และสินสมุทร เกิดเรืออับปางลงกลางทะเล นางสุวรรณมาลี กับสินสมุทรลอยคออยู่กลางทะเลและถูกโจรสลัดนามว่า สุหรั่ง จับตัวไว้ หากแต่สินสมุทรผู้มีพลังอำนาจ ได้ปราบโจรสลัดเสียสิ้น สมุนของโจรจึงกลับใจมาช่วยสินสมุทรตามหาผู้เป็นบิดาที่พลัดหลง ส่วนพระอภัยมณี ลอยตามน้ำไปสู่เมืองลังกาและถูกอุศเรนจับไว้เป็นตัวประกันในการทำศึกกับศรีสุวรรณเจ้าเมืองรมจักรผู้เป็นน้องของพระอภัยมณี การผจญภัยของสุดสาครถึงคราวเข้าตาจนอีกครั้งเมื่อพบกับ ชีเปลือย ที่ลวง สุดสาครว่าจะถ่ายทอดวิชาข้ามทะเลน้ำกรดให้ เมื่อหลงเชื่อ ชีเปลือยจึงชิงเอาไม้เท้ากายสิทธ์กับม้านิลมังกรมุ่งหน้าสู่เมืองการเวก และทำให้สุดสาครต้องตกลงไปในก้นเหว ม้านิลมังกรได้จังหวะระหว่างที่ ชีเปลือย เสวยสุขอยู่ในเมืองการเวกนั้น หลบหนีออกมทาช่วยสุดสาคร และด้วยบุญญาธิการสุดสาครจึงรอดตายและขี่ม้านิลมังกรกลับมาเมืองการเวกเพื่อทวงถามความจริงให้กับท้าวสุริโยทัยเจ้าเมืองการเวกและชาวเมือง และเมื่อสุดสาครได้ปราบชีเปลือยจนรู้แพ้ชนะแล้ว จึงออกเดินทางไปปราบเหล่าผีเสื้อยักษ์ ที่คอยก่อกวนชาวเมืองที่ต้องเดินทางค้าขายทางสำเภาเรือ ณ เกาะแห่งหนึ่ง สุดสาครได้ออกไปปราบผีเสื้อยักษ์ ร่วมกับเหล่าทหารผู้กล้าเมืองการเวก แต่ในสำเภา เจ้าชายหัสชัย กับ เจ้าหญิงเสาวคนธ์ แอบซ่อนไปด้วย และเมื่อเจ้าหญิงเสาวคนธ์ขึ้นมาจากท้องเรือก็ถูกผีเสื้อยักษ์โฉบเอาตัวไป สุดสาครจึงขี่ม้านิลมังกรเร่งติดตามไปช่วยเหลือ และปราบผีเสื้อยักษ์เสียราบคาบ และนำตัวเจ้าหญิงเสาวคนธ์กลับมาได้อย่างปลอดภัย ฝ่ายกองทัพอุศเรน เดินทางมาถึงจุดนัดหมายพร้อมกับทำการรบกองทัพศรีสุวรรณ การต่อสู้เป็นไปด้วยความดุเดือด ท่ามกลางการสุมดูของสินสมุทร สุวรรณมาลีที่รอเวลาจะเข้าช่วยเหลือ ทางฝ่ายสุดสาครเดินเรือมาถึงเห็นการรบมาแต่ไกล จึงทราบว่าเป็นการรบกันระหว่างท้าวอุศเรนและศรีสุวรรณผู้เป็นน้าของตน สุดสาครไม่รอช้าจึงตรงเข้าช่วยเหลืออย่างกล้าหาญ ขณะเดียวกันสินสมุทรได้จังหวะจึงนำเหล่าสมุนโจรตรงเข้าช่วยรบ จนในที่สุดความปราชัยเป็นของท้าวอุศเรนแห่งเมืองลังกา สุดสาครแนะนำตนเองกับพระอภัยมณีด้วยการนำปิ่นปักผมจากแม่นางเงือกที่ให้ติดตัวไว้ พระอภัยมณีเห็นดังนั้นจึงทราบเรื่องราวเป็นอย่างดี ทั้งหมดได้พบเจอกันด้วยความปิติสุข
แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า (2549/2006) "สนิท" (วรเวช ดานุวงศ์) พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด ลูกค้าติดตรึม เปิดร้านปุ๊บ เก้าอี้ในร้านเต็มปั๊บ ตั้งแต่เด็ก ๆ สนิทใฝ่ฝันอยากเป็นนักมวย ขึ้นต่อยบนสังเวียนผ้าใบ ให้กรรมการชูมือเป็นผู้ชนะสักครั้ง พ่อค้าก๋วยเตี๋ยว หน้าตาซื่อ ๆ อย่างสนิท อุตสาห์มีแฟนสาวสวยกับเขา "สวย" (ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) ขาวหมวย น่ารักยังกะนางเอกเอ็มวี สวยถือคติ รักแล้วแสดงออกเลย สวยจึงทำหน้าที่เป็น ปอม ปอม เกิร์ล ทั้งผลัก ทั้งดัน เชียร์ลุ้นสนิทออกนอกหน้า จนสนิทยังเขินกับแรงรักของแฟนสาวอยู่บ่อย ๆ เหล่ากลุ่มเพื่อน ๆ จอมเพี้ยน ของสนิทแต่ละคนพยายามช่วยสอนมวยให้สนิท ไม่ว่าจะเป็น "สอง" (โก๊ะตี๋ อารามบอย) หนุ่มน้อยปากเสียที่เก่งเฉพาะตอนเมา, "เสนาะ" (จิ้ม ชวนชื่น) มือกลองจอมลีลา เน้นท่าเต้นมากกว่าท่าตี, "สิทธิ์" (ค่อม ชวนชื่น) เซียนพระที่สั่งสมพระเก่าสมบัติพ่อมาเพียบ ยิ่งได้เพื่อน ๆ สอนมวยให้ แต่สถิติขึ้นชกของสนิทก็ยิ่งเต็มร้อย คือ โดนน็อค 100% เต็ม จนสนิทโด่งดังไปทั่ว เป็นนักมวยที่ผู้ชมติดตาม รอลุ้นทุกครั้งที่ขึ้นชกว่าจะโดนน็อคอีกหรือเปล่า? ก่อนที่สนิทจะทำสถิติโดนน็อค ติดอันดับกินเนสส์บุ๊ค "แสบ" (จาตุรงค์ มกจ๊ก) ลูกค้าขากวนประจำร้าน พูดไม่ชัด แต่ชอบร้องคาราโอเกะ ก็เผยฝีมือโชว์เชิงมวยให้ประจักษ์ แท้ที่จริงแล้ว แสบเป็นนักมวยเก่าขาเป๋ที่แขวนนวมมานานแล้วพร้อมกับปมในใจ เมื่อสนิทได้แสบคอยรับหน้าที่เทรนมวยให้ พร้อมกับแรงยุส่งและคำปรึกษาบ๊อง ๆ จากกลุ่มเพื่อน ๆ คือ สอง, เสนาะ และ สิทธิ์ รวมทั้งกำลังใจจากสวย แต่ความฝันเรื่องมวยทุลักทุเลยังไม่พอ ความรักก็มามีปัญหาที่พ่อของสวย แฟนสาว ไม่ชอบขี้หน้าเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่สนิทต้องเอาชนะให้ได้ ความหวังในการชกนัดต่อไป สนิทไม่ได้ชกเพื่อชัยชนะของตัวเอง แต่ชัยชนะครั้งนี้ของเขา มีผลสำคัญกับความรัก ระหว่างเขากับ สวย
เขาชนไก่ (2549/2006) ปู่ทักว่าสุดโหด พ่อแย้งว่าสนุก พี่กลับมาระบม และผมจะเชื่อใครดี หลากหลายเรื่องราวเกี่ยวกับ “เขาชนไก่” ปราการด่านสุดท้ายของเหล่านักศึกษาวิชาทหาร (รด.) ชั้นปีสุดท้าย ที่ถูกเล่าขานบอกต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่พวกเขาต้องฟันฝ่าไปให้ได้ และถ้าอยากทดสอบมิตรภาพคำว่า “เพื่อนตาย” คงไม่มีที่ไหนเหมาะเท่ากับ “เขาชนไก่” แห่งนี้ ว่ากันว่าสำหรับวัยรุ่นชายไทยที่มีอายุระหว่าง 15-18 ปี “เขาชนไก่” ไม่ต่างอะไรไปกับ “ฝันร้าย” ที่เหล่า รด.หนุ่มชั้นปีสุดท้ายจะต้องเผชิญหน้า ฟันฝ่า และก้าวผ่านไปให้จงได้ ทันทีที่รอยเท้าแรกถูกย่ำลงผืนดินของ “เขาชนไก่” มุมมอง ความคิด และประสบการณ์ในชีวิตของพวกเขาทุกคนจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่าเสี้ยวเวลาแต่ละโมงยามสามารถเปลี่ยนแปลงคนได้ รับรองว่าการใช้ชีวิตกินนอนและฝึกอย่างสุดโหดตลอด 5 วันที่เหล่ารด. หนุ่มต้องเผชิญที่ “เขาชนไก่” จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมาสู่ชีวิตของพวกเขาทุกคนอย่างแน่นอน และเมื่อย้อนเวลากลับไป เมื่อใดก็ตามที่นึกถึง “เขาชนไก่” หลากหลายร่องรอยแห่งความทรงจำที่เกิดขึ้นกับพวกเขาก็พร้อมที่จะผุดขึ้นอีกครั้ง ประสบการณ์ทั้งสุข และทุกข์ ความเข้มข้น ขมขื่น สนุกสนาน และยากลำบาก และเชื่อเถอะว่า พวกเขาจะได้อะไรไม่น้อยจาก “เขาชนไก่” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวข้ามวัยสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไป… “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” พร้อมใจกันแท็กทีมหยิบเอาเรื่องราวความผูกพันแบบลูกผู้ชายที่หลายคนไม่เคยรู้ (แต่ก็อยากรู้โดยเฉพาะสาวๆ) ว่าเด็กผู้ชายวัย 15-18 ปีเขาไปทำอะไรที่ “เขาชนไก่” และตลอดระยะเวลา 5 วันที่นั่นเกิดอะไรขึ้นกับเหล่านักศึกษาวิชาทหาร (รด.) ปีสุดท้าย จากผลงานการกำกับเดี่ยวของ “วิทิต คำสระแก้ว” แห่ง “กั๊กกะกาวน์” (2547) ภายใต้การโปรดิวซ์โดย “ปรัชญา ปิ่นแก้ว, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์ และ นิหน่า-สุฐิตา เรืองรองหริญญา” ในภาพยนตร์ดราม่า-คอเมดี้ที่มีชื่อชวนจำว่า “เขาชนไก่“ สถานที่ที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวของมิตรภาพและประสบการณ์แห่งคำว่า “เพื่อนแท้“ พวกเขาพร้อมแล้วที่จะถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์ “การก้าวข้ามแห่งวัย“ ที่เหล่ารด. หนุ่มทั้ง 10 คนจะต้องเผชิญหน้าร่วมกัน สำหรับ “หน่อย” (วศิษฎ์ ผ่องโสภา) แล้ว การที่ต้องเติบโตมาในฐานะลูกชายคนเล็กของบ้านที่มีพ่อเป็นผู้ตรวจราชการแผ่นดิน ทำให้ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา หน่อยต้องเรียนรู้ชีวิตของเด็กผู้ชายที่เติบโตมาโดยแทบจะนับจำนวนเพื่อนได้ อย่าว่าแต่เพื่อนสนิทเลย หลายๆ ครั้งที่ต้องปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ ๆ เพราะนอกจากการที่ต้องย้ายบ้านบ่อยๆ พอๆ กับการย้ายโรงเรียนแล้ว ทำให้เขาเติบโตมากลายเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง และกลายเป็นไก่อ่อนในสายตาของเพื่อนๆ เสมอ จนกระทั่งขึ้นชั้น ม.6 หน่อยก็ยังไม่เลิกย้ายบ้านพร้อมๆ กับการย้ายโรงเรียน และที่ “โรงเรียนทรัพย์มณี” ที่สุดท้ายของการใช้ชีวิตวัยหนุ่มของเด็กมัธยมปลายอย่างหน่อยกำลังจะนำมาซึ่งประสบการณ์ชีวิตที่เขาไม่มีวันลืม เพราะนอกจากเพื่อนใหม่ทั้ง 9 คนที่ล้วนแล้วมีบุคลิกเฉพาะตัวแตกต่างกันตามแต่ละสไตล์ไม่ว่าจะเป็น “ปืน” (อาชว์ ไหลสกุล) หนุ่มสำอางขี้หลี, “พอลล่า” (ธนพล วิกิตเศรษฐ) เพื่อนหนุ่มผู้มีหัวใจสาวทั้งหน้าตาและกิริยามารยาท, “เก้ง-ก้าง” (ประสงค์-พงศ์ชัย งามภัทรวรกุล) แฝดนรกคู่ป่วนตัวจริง, “มด” (ทศพล ธนะพาสุข) เพื่อนร่างท้วมอารมณ์ดี คลั่งไคล้การกินเป็นชีวิตจิตใจ, “สมนึก” (วรัญญู วรพัทโรภาส) เพื่อนตี๋ที่เชื่อเรื่องวิญญาณและสิ่งลี้ลับ, “บุญรอด” (ฐิติพงษ์ ติโลกวิชัย) เพื่อนขี้โม้และมั่นใจในความฉลาดของตนจนเกินเหตุ, “อิฐ” (ทวีรัตน์ จุลศิริ) เพื่อนผู้เงียบขรึม ห้าว และเกเรที่สุดในหมู่เพื่อน และ “บ๊อบ” (อภิพล ตรีเทวะวงษา) ผู้ที่ไม่เคยยอมใคร หนำซ้ำยังพยายามวางตัวเป็นผู้นำกลุ่มเพื่อนอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่หน่อยและเพื่อนๆ จะต้องมีชะตากรรมร่วมกันคือสิ่งที่เหล่านักเรียน รด.ปีสุดท้ายทุกคนจะต้องฟันฝ่าไปให้ได้ นั่นคือการฝึกที่ใช้เวลาทั้งหมด 5 วันที่ “เขาชนไก่” สถานที่ฝึกรด. ที่ได้รับการกล่าวขานถึงว่าโหดและหินที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการโดดหอสูง 34 ฟุต ด่านกำแพง 10 ฟุต การฝึกที่หอการยิง การฝึกที่ลานซ้อมเข้าตีที่ว่ากันว่าโหดที่สุด เจ็บที่สุด และร้อนที่สุดด้วยระยะทางการฝึกถึง 1 ก.ม. ฯลฯ ภายใต้การฝึกอันสุดโหดจาก “จ่าไท” (สรพงษ์ ชาตรี) ครูฝึกสุดเหี้ยมประจำกองร้อยผู้ที่เลือกอิฐให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าหมู่แทนบ๊อบ และที่ “เขาชนไก่” นี่เอง หน่อยได้เห็นอีกหลากหลายแง่มุมในตัวของอิฐที่หลายคนไม่เคยรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลอดระยะการฝึกมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นกับทั้งในกลุ่มเพื่อนด้วยกันเอง เพราะนอกจากทุกคนจะต้องต้องพยายามเอาตัวรอดให้ได้ในสถานการณ์ต่างๆ แล้ว การเผชิญหน้ากับกลุ่มเด็กช่างกล รด.ต่างโรงเรียนตั้งแต่วันแรกของการฝึกที่พยายามรวมหัวกลั่นแกล้งและเล่นงานหน่อยกับพวก และเมื่ออิฐพยายามปกป้องเพื่อนกลับกลายเป็นว่าทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงยิ่งขึ้น จนเป็นชนวนสำคัญนำไปสู่เรื่องราวใหญ่โตเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิดและรับมือได้ มันคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของ “เขาชนไก่” ที่หน่อยและเพื่อนๆ ของเขาจะต้องเรียนรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่า “มิตรภาพ” และ “เพื่อนตาย” นั่นเอง แต่ไม่ว่าพวกเขาจะประสบชะตากรรมเช่นไร เมื่อวันหนึ่งพวกเขามองย้อนกลับมาที่ฝันร้ายครั้งนี้ เขาจะหัวเราะให้กับมัน และภาคภูมิใจที่ครั้งหนึ่งได้เคยฝันร้ายเช่นนี้ เช่นเดียวกับชายไทยอกสามศอกคนอื่นๆ…
เดอะ เลตเตอร์ เขียนเป็นส่งตาย (2549/2006) เสรี ชายหนุ่มพูดน้อย บุคลิกเงียบขรึม ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงรุ่นเพื่อน ๆ ชั้นประถม เมื่อไปถึงเสรีต้องตะลึงในความสวยของ นาตยา เพื่อนร่วมรุ่นสาวที่ไม่ได้พบกันมานานเกือบ 20 ปี แต่ทั้งหมดได้รับจดหมายลูกโซ่แปลก ๆ ฉบับหนึ่ง ที่มีปริศนาคำทายและรูปของคนแขวนคอตัวเอง เรียกว่า "แฮงค์แมน" และมีข้อความขู่ว่าผู้ที่ได้รับต้องตาย หากจะรอด ต้องส่งต่อจดหมายฉบับนี้ไปยังคนที่ตนแค้นอีก 29 คนจึงจะรอด จากนั้นเพื่อน ๆ ชั้น ป.6/2 ของเสรีทะยอยตายไปเรื่อย ๆ ตามลำดับเลขที่ แรกเริ่มทุกคนไม่เชื่อ แต่เมื่อผ่านไป มีคนตายตามจดหมายนั้น 2-3 คน ทุกคนก็เริ่มเชื่อ เสรีจึงออกตามหาความจริง โดยมีนาตยาขอตามไปด้วย ก่อนจะพบว่า แท้ที่จริงแล้ว คนที่ส่งจดหมายนี้มาให้ เป็นเพื่อนเก่าที่พวกเขาชอบกลั่นแกล้งรังแก จนไม่สามารถออกไปพบปะผู้คนได้เหมือนคนทั่วไปชื่อ แว่น หรือ โชติธรรม
เปนชู้กับผี (2549/2006) เรื่องราวรักชวนสยองที่เกี่ยวพันกับหญิงสาวสองคน… คนหนึ่งนวลจันสาวน้อยจากต่างจังหวัด ผู้เข้ามาตามหาคนรักที่หายสาบสูญไป… อีกคนคือรัญจวนเศรษฐีนีม่าย ผู้ลึกลับซึ่งมีเสียงล่ำลือกันว่าเธอซ่อนชายชู้ไว้คนหนึ่ง ซึ่ง ชายคนนั้นไม่ใช่คน
หมากเตะ รีเทิร์นส (2549/2006) พงศ์นรินทร์ อุลิศ (จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม) เคย โค้ชหนุ่มไฟแรงผู้ฝันอยากเห็นทีมไทยไปบอลโลก ยังคงไม่ได้รับโอกาสจากสมาพันธ์ฟุตบอลไทย ร้อนถึง เจ๊มิ่ง (น้อย โพธิ์งาม) น้าสาวบ้าหวยรวยบอลแฟนพันธุ์แท้ทีมไทย แกประกาศลั่นถ้าถูกรางวัลที่ 1 จะทุ่มเงินให้หลานรักพาบอลไทยไปตะลุยบอลโลกให้จงได้ แล้วชะตาก็ลิขิตให้ชีวิตสองน้าหลานผันผวน เมื่อเจ๊มิ่งดันถูกล็อตเตอรีชุดใหญ่จังเบอร์ 192 ล้านบาท แต่สมาพันธ์กลับพลิกลิ้นแต่งตั้งโค้ชบราซิล อ้างเสียบเพื่อชาติ เจ๊มิ่งยัวะจัดจูงมือหลานชายบินลัดฟ้าสู่ประเทศอาวี ลั่นวาจาคราวนี้แหละอาวีจะไปบอลโลก ราชรัฐอาวี ตั้งอยู่ในทะเลจีนใต้ ส่งออกหอยลาย ดำเนินนโยบายเป็นกลาง อาวี เป็นประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรราวแสนคน แต่ติดหนึ่งในสิบประเทศที่คลั่งไคล้ลูกหนังมากที่สุดจากการจัดอันดับประจำปี 2006 ทีมฟุตบอลของพวกเขาถือเป็นสมันน้อยของโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พกสถิติแจกแต้มแหลก ไม่เคยชนะทีมใดเลยในการแข่งขันระดับชาติ แต่เด็กๆ ชาวอาวีก็เช่นเดียวกับเด็กๆ ทั่วโลก นั่นคือ ฝันอยากเห็นทีมชาติตัวเองลงเตะในมหกรรมระดับโลกนี้สักครั้ง
The Passion อำมหิต พิศวาส (2549/2006) หลังหนังรอบสุดท้าย ความตายจะเริ่มต้น ถ้าคุณเป็นผู้หญิงหรือมีหญิงอันเป็นที่รักของคุณอยู่ คุณเตรียมตัวหรือยังที่จะรับมือกับภัยอันตรายบางประเภทที่เกิดจากอารมณ์ของใครบางคนที่เน่าเฟะ ภัยบางอย่างที่คุณเคยได้ยินและเห็นจากหลายข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์หรือสื่ออื่นๆ เหตุการณ์ที่คุณไม่เคยคาดคิดว่าจะมาถึงตัว หรือไม่มีวันจะเกิดขึ้นกับคนที่คุณรักได้ ใครล่ะจะรู้ เพียงแค่เพราะเป็นผู้หญิง ส่วนเว้าส่วนโค้ง รอยยิ้ม และแววตาอันชวนมองของคุณ จะกลายเป็นสิ่งล่อลวงใจให้ตัณหาราคะที่อยู่ก้นบึ้งของจิตใจให้ตื่นขึ้นและหิวกระหายเกินมนุษย์ธรรมดา “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ร่วมกับ “นับหนึ่ง นีโอฟิล์ม” สะท้อนภาพความรุนแรงในสังคมที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เห็นแก่ตัวฉกฉวยโอกาสจากคนเดินถนนทั่วไปมาสนองตัณหาอารมณ์ของตัวเอง โดยไม่รู้ว่าตนได้กลายเป็นเหยื่ออันโอชะที่แสนจะง่ายดาย ไม่รู้แม้กระทั่งโฉมหน้าหรือร่างกายไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของตัวเองจะถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะชนผ่านกล้องวงจรปิด ผ่านแผ่นซีดีเถื่อน ผ่านสื่อต่างๆ ที่ถูกลักลอบบันทึกตอนที่คุณไม่รู้ตัว จากภายในแหล่งบันเทิงของคนทุกเพศทุกวัย สถานที่ที่เราอาจคิดว่าปลอดภัยจากการโจรกรรมในรูปแบบอื่นๆ แต่กลับถูกโจรกรรมวิญญาณและความรู้สึกของลูกผู้หญิงไปได้ง่ายดาย โดยไม่มีวันจะลืมเลือนหรือได้กลับคืนมา “อำมหิตพิศวาส” (The Passion) เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงมุมโสมมที่มีให้เห็นอยู่ดาษดื่นในสังคม ด้วยมุมมองของผู้กำกับที่ฝากผลงานมามากมายในฐานะนักแสดงระดับแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง “ศรัณยู วงษ์กระจ่าง” ที่ครั้งนี้มารับหน้าที่เป็นทั้งผู้กำกับภาพยนตร์ครั้งแรกและหนึ่งนักแสดงในมาดของ “ชัย” หัวหน้าฝ่ายอาคารของโรงภาพยนตร์ “มัลติเพล็กซ์เวิลด์” สถานที่เพียงแห่งเดียวในเรื่องที่เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบของการไล่ล่าอันแสนสาหัส เพียงคืนเดียวเท่านั้นหลังหนังรอบสุดท้ายของที่นี่จบลง ทุกอย่างจะถูกเปิดเผยและถูกปิดตาย!!! “แพรว” (บงกช คงมาลัย) สาวสวยที่ถูกครอบงำจากความเก็บกดที่มีอยู่ภายในจิตใจ เธอหลงเข้ามาอยู่ในเงื้อมมือของธุรกิจอุบาทว์ที่มีโรงภาพยนตร์ “มัลติเพล็กซ์เวิลด์” โรงหนังครบวงจรขนาดใหญ่บังหน้า โดย “ชัย” (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) หัวหน้าฝ่ายอาคารบีบบังคับให้ “ขาว” (ตะวัน จารุจินดา) พนักงานเดินตั๋วภายในโรงหนังติดตั้งกล้องวงจรปิดทั่วทุกมุมเพื่อเก็บภาพอนาจารของบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ตามที่ต่างๆ ของบริเวณโรงหนัง ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ ตู้สติกเกอร์ หรือห้องลองเสื้อผ้า เพื่ออัดขายให้บรรดาพวกโรคจิตทั้งหลายได้ชื่นชมผ่านสื่อทุกรูปแบบ คืนนั้นขณะที่แพรวกำลังดูหนังรอบสุดท้ายอยู่ในโรง ชัยก็กำลังมองหาผู้หญิงเป้าหมายบนหน้าจอมอนิเตอร์ที่เชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดที่ถูกติดไว้ทั่วห้าง ชัยสะดุดในความน่าหลงใหลอวบอั๋นของแพรว ความหื่นกระหายและตัณหาจึงพลุกพล่าน ในขณะที่หญิงสาวชื่อ “น้อย” (ปรางทอง ชั่งธรรม) พนักงานทำความสะอาดบริเวณตัวห้างกำลังจะวางแผนที่จะปลุกปล้ำขาวชายที่ตนเองแอบหลงรักอย่างสุดหัวใจ โดยไม่สนว่า “บุญเกิด” (เบญจพล เชยอรุณ) ที่เฝ้าบอกรักน้อยทุกวี่ทุกวันจะรู้สึกยังไง และในคืนอันวิปริตนี้ เมื่อหนังรอบสุดท้ายกำลังจะจบลง ชัยก็เข้าจู่โจมแพรวหวังขืนใจให้สมอยากกลางห้องน้ำ แพรวขัดขืนตามสัญชาตญานจนสามารถหลุดพ้นจากเงื้อมมือชัยไปได้ด้วยการให้ความช่วยเหลือของน้อย แล้วการสั่งปิดโรงหนังกลางดึกคืนนั้นเพื่อไล่ล่าแพรวและน้อยหญิงสาวตัวเล็กๆ เพียงสองคนจากผู้ชายทั้งหมดของหน่วย รปภ.ในโรงหนังจึงเริ่มต้นขึ้น ทว่าจุดจบของเรื่องนั้นจะเป็นเช่นไร ใครจะกล้าคาดเดา!
ผีคนเป็น (2549/2006) เมย์ หญิงสาวที่มีอาชีพนักแสดงตัวประกอบ เธอมีความฝันว่าสักวันจะต้องเป็นนักแสดงเด่นดังมีชื่อเสียง วันหนึ่ง เมย์รับงานเป็นนักแสดงที่ได้รับบทเป็นติ่งให้กับการทำแผนประกอบคำรับสารภาพให้ตำรวจ ด้วยการแสดงที่สมจริง มีอารมณ์ร่วม และดูไม่น่าเบื่อ ทำให้เมย์เป็นที่สนใจ ชื่นชอบ ของนักข่าว และบางสิ่งที่ไม่อาจรู้ได้ว่ามันคืออะไร จนในที่สุด เมย์ได้กลายมาเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงจริง ๆ และได้รับทาบทามให้แสดงนำในเรื่อง "ผีคนเป็น" ซึ่งสร้างมาจากเรื่องจริง โดย เมย์ ต้องแสดงเป็น ติ่ง หญิงสาวที่มีอาชีพนักแสดงการทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่าง ๆ ในคดีฆาตกรรม "มีน" อดีตนางสาวไทยที่ถูกฆ่าอย่างอำมหิต จนเป็นคดีสะเทือนขวัญ โดยมี หมอจรัล ผู้เป็นสามีและ คุณไฝ ตกเป็นผู้ต้องสงสัย และเธอจะต้องถูกผีของคุณมีนเข้าสิงด้วย ซึ่งระหว่างการถ่ายทำอยู่นั้น เธอได้ประสบกับเรื่องแปลก ๆ ทั้งที่เกิดขึ้นกับตัวเมย์เองจนควบคุมตัวไม่ได้ เรื่องมีอยู่ว่าคุณมีนที่อุ๋มแสดงนั้นซึ่งมีตัวตนจริงๆ เธอเป็นสาวประเภทสองและเธอเป็นนางรำ นอกจากนี้เธอยังเป็นแฟนคลับของเมย์อีกด้วยจนเธออยากทำศัลยกรรมบนใบหน้าเพื่อให้สวยเหมือนเมย์แต่เธอเสียชีวิตไปแล้วจากการทำศัลยกรรมบนใบหน้า หลังจากนั้นวิญญาณของเธอพยายามสิงร่างของเมย์หลายครั้ง ตลอดจนคนในกองถ่ายทั้งหมดก็ค่อย ๆ ตายไปทีละคน ๆ เพราะเป็นฝีมือของวิญญาณสาวประเภทสอง จนในที่สุดวิญญาณสาวประเภทสองสิ่งร่างของเมย์โดยสมบูรณ์แบบ
13 เกมสยอง (2549/2006) มั่นใจได้อย่างไรว่าชีวิตของคุณกำลังตกอยู่ ณ จุดต่ำสุด ในเมื่อจุดสูงสุดในชีวิตก็ยังไม่เคยลิ้มลอง ความตื่นระทึกที่ไม่ว่าคุณหรือใครก็ไม่อาจคาดเดา ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในแต่ละนาทีข้างหน้าได้ “เกม 13 ข้อ” ที่ต้องเล่น และทุกครั้งที่เล่นจะเกิดผลกระทบก่อเป็นลูกโซ่อย่างไม่จบสิ้น และเมื่อผ่านทั้ง 13 ข้อ เงินสด 100,000,000 บาทจะเป็นของคุณทันที ลืมหนังเขย่าขวัญทุกเรื่องที่คุณรู้จัก เตือนสติตัวคุณให้ดีก่อนตัดสินใจดูหนังเรื่องนี้ “13 เกมสยอง” “13 Beloved” คือ “โอกาส” หรือ “ทางเลือก” ที่ถูกเปิดให้กับใครบางคนที่ได้รับการคัดเลือกว่า “เหมาะสม” หรือ “คู่ควร” เท่านั้น ว่ากันว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเดินเข้าสู่ “13 Beloved” ได้ วิธีการน่ะเหรอ ไม่ต้องหาให้เสียเวลา เพราะเมื่อถึงเวลามันจะเลือกคุณเอง ดูเหมือนว่าสถานการณ์รอบตัวในชีวิตของ “ภูชิต” (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) เซลส์แมนขายเครื่องดนตรีกำลังเดินทางมาถึงทางตันของชีวิตแล้วจริงๆ เมื่อจุดจบในหน้าที่การงานกำลังจะถูกหยิบยื่นโดยเจ้านายของเขาโทษฐานที่ไม่สามารถทำยอดขายทะลุเป้าได้ หนำซ้ำคนรักก็ทิ้งไปมีคนใหม่ หนี้สินล้นตัวจากเงินกู้ในฐานะลูกที่ดีที่เข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ต้องรับผิดชอบส่งเสียน้องสาววัยเรียนและแม่ที่ต้องเลี้ยงดูเขาและน้องเพียงลำพังตั้งแต่เล็ก เริ่มออกดอกออกผลกลืนกินชีวิตเขาเข้าเต็มที แม้แต่รถยนต์ที่ขาดส่งไป 3 เดือนก็ยังถูกยึดไปต่อหน้าต่อตา แต่แล้วโอกาสสุดท้ายในชีวิตก็ถูกหยิบยื่นให้ตรงหน้าโดยที่เขาเองก็ไม่คาดคิดในฐานะ “ผู้ถูกเลือก” เมื่อโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เสียงลึกลับจากปลายสายดึงเขาเข้าสู่ “13 Beloved” เกมท้าทายชีวิตที่มีโจทย์ 13 ข้อให้เขาค้นหาคำตอบและเล่นโดยมีผลตอบแทนที่ดึงดูดใจ คือเมื่อใดก็ตามที่เขาสามารถผ่านโจทย์แต่ละข้อ มูลค่าของเงินสะสมก็พร้อมที่จะทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ จะถูกส่งเข้าบัญชีธนาคารที่เขาสามารถตรวจสอบได้ทันที และถ้าเขาสามารถทำได้ครบทั้ง “13 ข้อ” ยอดเงินสะสมที่มีตัวเลขสูงถึง “100 ล้านบาท” จะเป็นของเขาทันที นี่คือผลตอบแทนในฐานะผู้พิชิตที่อุตส่าห์ร่วมบากบั่นในฐานะผู้ร่วมสนุกในเกม โดยมีเงื่อนไขที่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาหยุดเล่นเงินสะสมทั้งหมดจะถูกยกเลิก หากบอกต่อให้คนอื่นรู้เกมถือว่าเป็นโมฆะ และหากพยายามติดต่อกลับหมายเลขดังกล่าวถือว่าเกมสิ้นสุด เพียงทว่าการเล่นเกมดังกล่าวของเขากลับปลุกอดีตที่หลับใหลให้มาบรรจบปัจจุบันขึ้นอีกครั้ง แน่นอนว่ามันพร้อมที่จะส่งผลต่ออนาคตที่เกิดจากการ “เลือก” และ “ตัดสินใจ” เดินบนเส้นทางนี้ของเขาเองถึงแม้ว่ามันจะเดิมพันด้วยชีวิตของเขาและคนรอบข้างก็ตาม
แซ่บ (2549/2006) ณ แฟลตแห่งหนึ่ง จืด (นีโน่ เมทนี) ได้รับมอบหมายจาก เสี่ยเจ้าของแฟลต (สมเล็ก) ให้ดูแลแทนเพราะต้องเดินทางไปต่างประเทศหลายวัน จึงเข้าทางของ จืด จอมวางแผนที่ชอบตั้งตัวเป็นใหญ่ จึงสมคบกับสมุนทั้ง 4 คือ ไอ้บ้า (ค่อม ชวนชื่น), อสุจิ (บอล เชิญยิ้ม), มาศ (ชูศรี เชิญยิ้ม) และ นัทติง (โก๊ะตี๋ อารามบอย) วางแผนร้าย ทั้งการพนัน ยาเสพติด ผู้หญิง และทุก ๆ อย่างที่เป็นเรื่องไม่ดีขอให้มีเงินและอำนาจเท่านั้นเป็นพอ เนื่องจากแฟลตแห่งนี้เป็นแหล่งชุมชนมีวัยรุ่นอยู่มาก เหมาะแก่การล่อลวง ทุกคนจึงเข้าใจผิดว่า จืด เป็นเจ้าของแฟลตจึงทำตามอำเภอใจทุกอย่าง และคิดจะสร้างอาณาจักรโดยการกว้านซื้อที่ดินแถวนั้น แซ่บ (เบนซ์ พรชิตา) กับ ขวัญ (ขวัญใจ จันทร์ทอง) เพื่อนสนิท เป็นผู้อาศัยอยู่ใกล้แฟลตนี้เช่นกันเป็นพวกรักความยุติธรรมเห็นประกาศว่าจะมีคนมาซื้อที่ของตน แซ่บ ยอมไม่ได้เพราะเป็นที่ของปู่ ย่า ตา ยาย จึงวางแผนกับเพื่อนสนิทอีกคนคือ จ้าว (วิรัช เข็มกลัด) จึงพยายามเข้าไปในแฟลตเพื่อสืบว่าใครเป็นคนบงการ จึงได้ทราบเรื่องราวความเป็นไปของ จืด และ สมุน ว่าได้ใช้บริเวณหลังแฟลตเป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กวัยรุ่น แซ่บ กับเพื่อน จึงไปแจ้งสารวัตร เกริก ชิลเลอร์ แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ แซ่บ กับเพื่อนจึงต้องจัดการขัดขวางเอง จึงเกิดมีการปะทะกัน แต่ด้วย แซ่บ ได้ฝึกการป้องกันตัวจาก พ่อ (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายมวยมาบ้างจึงเอาตัวรอดได้หลายครั้ง จนกระทั่งมีการปะทะกันครั้งใหญ่เจ้าหน้าที่จึงเข้ากวาดล้างและจับตัวบงการได้ เรื่องทั้งหมดจึงถูกเปิดเผยว่าใครเป็นใคร
ผีอยากกลับมาเกิด re-cycle (2549/2006) ถึงแม้ว่าเส้นทางการเป็นนักเขียนนิยายรักโรแมนติกของ “ฉีสิน” (ลีซินเจี๋ย-The Eye) จะประสบความสำเร็จอยู่ในระดับเบสต์เซลเลอร์ ถึงขนาดที่ว่านิยายหลายต่อหลายเรื่องของเธอถูกผู้สร้างภาพยนตร์นำมาดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์ก็ตาม แต่การที่จู่ๆ ผู้จัดการของเธอลุกขึ้นมาประกาศว่าฉีสินจะพลิกรูปแบบงานเขียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้จับตาดู “Re-Cycle” งานเขียนชิ้นใหม่ที่แตกต่างจากงานเขียนทุกชิ้นที่ผ่านมาของเธอ เพราะเป็นการพลิกรูปแบบงานเขียนจากนวนิยายโรแมนติกมาเป็นนวนิยายตื่นเต้นระทึกขวัญให้สื่อมวลชนได้รับรู้ ทั้งๆ ที่ตัวฉีสินเองยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าเนื้อหาหรือเรื่องราวในนิยายเรื่องใหม่ของตนจะออกมาเป็นอย่างไร กลายเป็นแรงกดดันซ้อนที่ส่งผลให้ฉีสินเองตั้งตัวแทบไม่ทัน ในขณะเดียวกันกับที่ “ห้าวหลัน” (เจตริน วรรธนะสิน) ชายหนุ่มที่เป็นคนรักเก่าซึ่งเลิกรากันไปเมื่อ 8 ปีที่แล้วจู่ๆ ก็กลับมาหาเธอเพื่อขอสานต่อความรักครั้งเก่า หลังจากที่เขาเคยบอกเลิกเธอเพื่อไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่น ทันทีที่ฉีสินเริ่มต้นจรดตัวอักษรกับงานเขียนชิ้นใหม่ที่มีชื่อว่า “Re-Cycle” ดูเหมือนว่ามีพลังอำนาจและสภาพบรรยากาศบางอย่างที่ชวนขนลุกเกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ เมื่อมีเหตุการณ์เหนือคำอธิบายหลายอย่างเกิดขึ้น จนราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังครอบงำความคิดและนำชีวิตของเธอไปสู่เหตุการณ์ประหลาดที่เต็มไปด้วยความลึกลับ และแน่นอนว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ชวนตื่นตระหนกและเต็มไปด้วยความหวาดสะพรึงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเสียงหอบลมหายใจประหลาดจากโทรศัพท์ลึกลับกลางดึก เงามืดของผู้หญิงผมยาวที่แว่บเข้ามาในทุกจังหวะการเคลื่อนสายตาของเธอ รวมไปถึงกระจุกเส้นผมขนาดยาวบนพื้นในห้องน้ำ ฯลฯ สำหรับจิตวิญญาณของนักเขียนอย่างฉีสินแล้วนี่คือการต่อยอดและขยายขอบเขตแห่งจินตนาการที่ดิบ สด เต็มไปด้วยพลังที่ชวนค้นหาและน่าติดตามอย่างแท้จริง ทำให้เธอตัดสินใจนำรายละเอียดและเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาถ่ายทอดลงในนวนิยายเรื่องใหม่ทันที โดยที่แม้แต่เธอเองก็คงไม่คิดว่า 2 สิ่งที่กำลังก้าวเข้ามาสู่ชีวิตของเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกลับมาของอดีตคนรักและการเริ่มต้นเขียนนวนิยายสยองขวัญ คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่ห้วงแห่งความหวาดสะพรึงอย่างที่ไม่เคยมีขอบเขตแห่งจินตนาการใดที่มนุษย์เคยคาดคิดและล่วงรู้มาก่อน เมื่อโลกแห่ง “Re-Cycle” กลับมีตัวตนขึ้นมาจริงและนำตัวเธอเข้าไปยังในที่ที่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะย่างกราย แต่ละเหตุการณ์ต่างผุดขึ้นตรงหน้าราวดอกเห็ดที่เธอต้องพานพบ ตั้งแต่การเผชิญหน้ากับเหล่าวิญญาณนับพันนับหมื่นที่รายล้อมอยู่รอบตัว อุโมงค์มดลูกสยองสีแดงก่ำ ซากศพที่ตกลงจากฟากฟ้าราวกับห่าฝน สวนสนุกผี ซากสรรพสิ่งที่ถูกละทิ้งในโลกแห่งรีไซเคิล ฯลฯ ว่ากันว่านี่คือสิ่งที่แม้แต่นักเขียนอย่างเธอก็ยากที่จะจินตนาการถึง เมื่อทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนชวนให้เกิดควมรู้สึกที่ชวนขนลุกแทบทั้งสิ้น
ลูกตลกตกไม่ไกลต้น (2549/2006) ณ โรงเรียน 2 โรงเรียน ซึ่งใช้รั้วกลางรวมกัน โรงเรียนหนึ่งเป็นวัดโทรมๆ ส่วนโรงเรียนหนึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนหรูหรา ความแตกต่างของนักเรียน ครูและผู้ปกครองจึงแตกต่างกันในเรื่องฐานะอย่างชัดเจน จนกระทั่งเด็กนักเรียนเล็กๆ 2 คนซึ่งเป็นเพื่อนกันแต่อยู่กันคนละโรงเรียน กินไอศครีมหยอกล้อกันด้วยความสนุกสนาน แล้วอุบัติเหตุทางอารมณ์ก็เกิดขึ้น เมื่อรุ่นพี่ทั้ง 2 โรงเรียนเข้ามายุ่งด้วย จนเรื่องราวบานปลายไปถึงผู้ปกครองและครูใหญ่ทั้ง 2 โรงเรียนต้องพยายามไกล่เกลี่ยให้ความขัดแย้งลดลงเรื่องก็เหมือนจะจบลงด้วยดี แต่จากเรื่องเด็กๆ ก็กลับเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นไปอีกเมื่อครูทั้ง 2 โรงเรียนกลับเป็นฝ่ายทะเลาะกันเองจากการที่จะพยายามไกล่เกลี่ยก็กลายเป็นคุยข่มกัน ที่เคยจะจัดงานแข่งขันเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กลับกลายเป็นการแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อชัยชนะ การแข่งขันครั้งแรกดำเนินไปท่ามกลางความขัดแย้งของเด็กทั้ง 2 โรงเรียน จนทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการแข่งขัน ทำให้นักดนตรีทั้ง 2 โรงเรียนบาดเจ็บ อาจารย์ทั้ง 2 โรงเรียน จึงเรียกเด็กๆ ที่ก่อเรื่องมาฝึกดนตรีเพื่อเป็นตัวแทนในการแข่งขันครั้งต่อไป ในช่วงเวลาฝึกดนตรีกันนี่เองเด็กๆ ได้สนุกสนานร่วมกัน การแข่งขันครั้งที่ 2 จึงเป็นไปด้วยความราบรื่น เป็นการแข่งขันดนตรีที่เปลี่ยนแปลงไปโดยถนัดตา เพราะเด็กๆ ของทั้งสองโรงเรียน ร่วมเล่นดนตรีกันด้วยความสนุกสนาน การแข่งขันเพื่อชัยชนะจึงกลายเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ไปโดยปริยายด้วยตัวเด็กๆ เองส่วนครูใหญ่ทั้ง 2 โรงเรียนเห็นเหตุการณ์กลับกลายเป็นอย่างนี้ก็อายเด็กพากันจับมือและจบความขัดแย้งลง
Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย (2549/2006) หลังจากจบมัธยมต้นแล้ว ป้อม ตัดสินใจสมัครเข้าเรียนมัธยมปลาย ที่ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาเตรียมดนตรี เพราะต้องการอยู่ใกล้กับ ดาว เด็กสาวจากโรงเรียนเดียวกัน ที่เขาแอบหลงรัก ในขณะที่พ่อของป้อมเข้าใจว่า ลูกชายเรียนสาขาเตรียมแพทยศาสตร์ โดยที่ป้อมเองก็ไม่กล้าบอกความจริง เนื่องจากพ่อของป้อมเห็นว่า ดนตรีเป็นวิชาชีพที่ไม่มั่นคง ขณะเดียวกัน ป้อมก็ได้พบกับ อ้อม ลูกสาวของเพื่อนพ่อ ที่ถึงแม้ด้านปฏิบัติจะไม่เอาไหน แต่ความรู้ด้านทฤษฏีดนตรีเป็นเลิศ และสอบเข้าที่วิทยาลัยฯ เช่นกัน เมื่อทราบเรื่อง อ้อมก็เข้าใจว่า ป้อมรักดนตรีเหมือนกัน จึงสัญญาจะช่วยป้อมเก็บความลับ ถึงแม้จะตามผู้หญิงที่แอบรักมาเรียน แต่ป้อมกลับค้นพบว่า ตัวเขามีพรสวรรค์ในการตีกลองชุดที่เป็นเลิศ ทำให้ เฉด และ ฉัตร สองหนุ่ม ผู้กำลังมองหามือกลอง ให้กับวงดนตรีของตัวเอง เลือกป้อมเข้าร่วมวง เพื่อเข้าประกวด การแข่งขันวงดนตรี ฮอทเวฟมิวสิคอวอร์ด โดยตั้งชื่อวงว่า Ass-Ho-Le (แอสโฮลี่) นอกจากนี้ ฝีมือการตีกลองของป้อม ยังไปเข้าตา จิทาโร่ อาจารย์ชาวญี่ปุ่น ผู้สอนเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ (เพอร์คัชชัน) อาจารย์จิทาโร่ จึงมักจะเรียกใช้ป้อม ให้มาช่วยทำวิทยานิพนธ์ของเขาอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ป้อมกลับเลือกสมัครเป็นมือกลองทิมปะนี ในวงออร์เคสตราของโรงเรียนแทน เพราะต้องการอยู่ใกล้ชิดดาว ซึ่งเป็นมือไวโอลินของวง ส่วนอ้อม ซึ่งเคยเป็นมือไวโอลินเช่นกัน ต้องเปลี่ยนไปเล่นฉาบแทน เนื่องจาก ฝีมือการเล่นเครื่องดนตรีอื่นไม่เอาไหนจริงๆ เนื่องจาก วงออร์เคสตรา ใช้การเคาะจังหวะด้วยกลองไม่มาก ป้อมจึงต้องรออย่างเบื่อหน่าย กว่าจะถึงช่วงเล่นของตนแต่ละครั้ง ต่างกับอ้อม ที่มีความสุขกับดนตรี แม้ทั้งเพลงจะได้เล่นน้อยมาก ป้อมจึงเริ่มนึกถึงความรู้สึกของตนเอง ที่เปลี่ยนแปลงไปมาอยู่เสมอ ทั้งเรื่องดนตรี การเรียน ความรัก และชีวิตของตนในอนาคต ราวกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย