2557
เรื่องย่อ: พระมหาชนก The Story of MAHAJANAKA (2557/2014) "องก์ ๑ กำเนิด" พระเจ้ามหาชนกฯ ผู้ครองกรุงมิถิลาแห่งแคว้นวิเทหะที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ทรงมีพระโอรส 2 พระองค์ พระองค์แรกทรงมีพระนามว่าพระอริฏฐชนกผู้ทรงมีความเข็มแข็งเฉียบขาด ส่วนองค์ที่สองทรงพระนามว่าพระโปลชนกผู้ทรงมีพระทัยเมตตาโอบอ้อมอารี ครั้น พระเจ้ามหาชนกฯ ทรงสวรรคต พระอริฏฐชนก ทรงขึ้นครองราชย์โดยมี พระโปลชนก เป็นอุปราช ทั้ง 2 พระองค์มีความคิดเห็นในการปกครองที่แตกต่างกัน พระอริฏฐชนก ทรงเห็นว่าอาณาจักรมิถิลาจะต้องยิ่งใหญ่ภายใต้กองทัพที่เข้มแข็ง ส่วน พระโปลชนก ทรงเห็นว่าต้องไม่ลืมจิตใจที่เปี่ยมสุขของประชาชนด้วย ในเวลาต่อมามีอำมาตย์ผู้ใกล้ชิดที่ทุตจริตได้ออกอุบายใส่ความว่า พระโปลชนก กำลังซ่องสุมผู้คนเพื่อก่อการกบฎ พระองค์จึงถูกจับไปขังไว้ แต่พระองค์ทรงตั้งจิตอธิฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนสามารถหลบหนีออกมาพร้อมผู้จงรักภักดีและได้ไปพำนักอยู่ ณ เมืองชายแดน จนกระทั่งวันหนึ่ง พระโปลชนก ได้นำทัพกลับมามิถิลาเพื่อหวังจะขอปรับความเข้าใจกับ พระอริฏฐชนก จึงส่งสาส์นเพื่อแสดงเจตนาขอปรับความเข้าใจกัน แต่ถูกขัดขวางจากอำมาตย์ผู้นั้นด้วยการปลอมแปลงข้อความในสาส์นให้เป็นสาส์นท้ารบขณะเดียวกันพระอริฏฐชนทรงเป็นห่วงพระเทวี มเหสีของพระองค์ที่กำลังทรงครรภ์อยู่ จึงได้ให้หลบหนีออกไปจากวังเสีย ในสนามรบ พระอริฏฐชนก ทรงสิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากฝีมือของอำมาตย์ผู้นั้น หลังจากนั้น พระโปลชนก จึงทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อแทน พระเทวี ทรงหนีออกจากเมืองมิถิลาอย่างยากลำบาก แต่ด้วยบุญญาธิการของพระโอรสในครรภ์จึงทำให้ทรงได้รับความช่วยเหลือจากท้าวสักกเทวราชที่ช่วยให้พระองค์สามารถหลบหนีไปถึงเมืองจัมปากะได้ ณ ที่นี้ พระเทวี ได้ทรงรับความช่วยเหลือจากอุทิจจพราหมณ์ โดยอุปการะรับ พระเทวี เป็นน้องสาว ต่อมาพระโอรสในครรภ์ทรงประสูติกาล โดยมีพระนามตามพระอัยยิกาว่า พระมหาชนกกุมาร "องก์ ๒ ความเพียร" เมื่อพระโอรสทรงเจริญวัยได้ถูกเพื่อน ๆ ล้อว่าเป็นลูกหญิงหม้ายพระมารดาจึงเล่าความจริงให้ทราบว่าพระองค์เป็นใคร พระองค์จึงตั้งพระทัยว่าเมื่อเติบใหญ่แล้วจะไปเอาราชสมบัติและนครมิถิลาคืนมาให้ได้ครั้นเมื่อ พระมหาชนกกุมาร ทรงเจริญวัยเติบใหญ่เปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถ พระองค์ทรงตรัสกับพระมารดาว่าจะไปล่องเรือทำการค้าขายที่ดินแดนสุวรรณภูมิ เพื่อสะสมทุนรอนและกำลังพลเพื่อหวังที่จะชิงราชสมบัติคืนมาให้ได้ ระหว่างทางในมหาสมุทร พระมหาชนก ได้มองเห็นว่าจะเกิดพายุขึ้น แต่ไม่มีใครเชื่อจนกระทั่งพายุกระหน่ำเรืออย่างรุนแรง บรรดาลูกเรือทั้งหลายหวาดกลัวคร่ำครวญหนีตายกันอย่างโกลาหล ตรงกันข้ามกับ พระมหาชนก ที่ทรงตระหนักว่าเรือใกล้จะแตกเต็มที จึงเตรียมพระองค์โดยทรงเสวยให้อิ่ม และนำผ้าชุบน้ำมันมาพันกายให้แน่นหนา เมื่อเรือล่มเหล่าบรรดาลูกเรือที่ขาดสติและเดิมไม่เชื่อในสิ่งที่พระมหาชนกได้เตือนเกี่ยวกับพายุได้ตกน้ำกลายเป็นอาหารของฝูงปลาและสัตว์ทะเลทั้งหลาย ส่วน พระมหาชนก ก็ทรงแหวกว่ายด้วยความเพียรอยู่ในมหาสมุทรนี้เป็นเวลาถึง 7 วัน 7 คืน นางมณีเมขลา เทพธิดาผู้รักษาท้องมหาสมุทรเห็น พระมหาชนก ว่ายน้ำอยู่จึงลงมาช่วย พระมหาชนก และได้มีโอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนความเห็น จนทำให้ นางมณีเมขลา เข้าใจถึงหลักปรัชญาของการบำเพ็ญวิริยบารมีของ พระมหาชนก จากนั้น นางมณีเมขลา จึงช่วยอุ้ม พระมหาชนก จนมาถึงฝั่งเมืองมิถิลา "องก์ ๓ ปัญญา" ที่เมืองมิถิลานี้ พระโปลชนก กำลังทรงพระประชวรอย่างหนักพระองค์ต้องการให้พระธิดาคือ พระนางสิวลีเทวี ได้ทรงมีคู่ครอง โดยได้ทรงตรัสทิ้งไว้ก่อนสิ้นพระชนม์ว่าผู้ใดไขปริศนาของพระองค์ได้จะทรงยกพระราชสมบัติทั้งหมดให้พร้อมด้วยพระราชธิดา เมื่อ พระโปลชนก สิ้นพระชนม์ลงเหล่าอำมาตย์ได้จัดพิธีเสี่ยงราชรถเพื่อหาผู้มีบุญญาบารมีมาไขปริศนานั้น ราชรถได้มาหยุดที่ พระมหาชนก ผู้ซึ่งทรงบรรทมอยู่ในสวนพระองค์ทรงไขปริศนาได้หมดทุกข้อ ทุกคนในเมืองมิถิลาต่างพากันสรรเสริญในพระปรีชาสามารถของพระองค์ จึงได้อัญเชิญพระองค์ให้ทรงอภิเษกกับ พระนางสิวลีเทวี เมื่อขึ้นครองราชย์ได้ทรงปกครองด้วยหลักทศพิธราชธรรมและนำพาความผาสุกมาสู่ปวงประชาชน วันหนึ่ง พระมหาชนก เสด็จประพาสอุทยานและทรงทอดพระเนตรเห็นต้นมะม่วงต้นหนึ่งมีผลงามและอีกต้นหนึ่งไม่มีผลเลย พระองค์ทรงเสวยมะม่วง และตรัสว่ามะม่วงรสชาติดีดุจรสทิพย์ หลังจากพระองค์เสด็จกลับบรรดาประชาชนทั้งหลายก็เข้ามาโค่นต้นมะม่วงต้นนั้นเพื่อหวังจะเอาผลของมันมาบริโภค จนเป็นเหตุทำให้ต้นมะม่วงต้นนั้นถูกถอนรากโค่นลงมา เมื่อ พระมหาชนก ทรงทราบความ ทรงเศร้าพระทัยอย่างยิ่ง พร้อมกันนั้นทรงได้เปรียบเปรยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแก่ต้นมะม่วงกับพระราชสมบัติดังนี้ ต้นมะม่วงที่มีผลอาจจะถูกทำลายหรือถ้าไม่ถูกทำลายก็ต้องคอยเป็นกังวลจักต้องดูแลระแวดระวังรักษาไว้ ในทางกลับกันพระองค์ทรงคิดว่าถ้าจะเข้าถึงความสุขได้นั้นจักต้องทำตัวให้เป็นเสมือนเช่นต้นมะม่วงที่ไม่มีผล ที่ไม่ต้องกังวลว่าผู้คนในสังคมที่ไม่รู้จักคิดการณ์ไกลในการทำนุบำรุงต้นไม้เพื่อเก็บผลไว้กินในวันหน้า จะมาโค่นต้นมะม่วงนี้ได้ หลังจากนั้นจึงมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญนำหลักการของพระองค์ไปทดลองเพื่อฟื้นฟูต้นมะม่วงที่ถูกโค่นลงและหาวิธีการที่ทำให้ต้นมะม่วงที่ไร้ผลกลับมาเกิดผล พร้อมกันนั้นพระองค์ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งสถาบันการศึกษาขึ้นชื่อว่าปูทะเลย์วิชชาลัย เพื่ออบรมวิชาการด้านต่าง ๆ แก่บรรดาเหล่าอำมาตย์ข้าราชการและประชาชนในเมืองมิถิลา เพื่อที่ทุกคนจะได้มีวิชาความรู้ทั่วไป และมีสามัญสำนึกไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวแฉกเช่นเหล่าคนที่ชอบกินผลมะม่วงแต่กลับทำลายต้นมะม่วงทิ้งไป และเพื่อสังคมจะได้เจริญรุ่งเรืองและอยู่กันอย่างผาสุกสืบต่อไปกาลนานเทอญ