ประทีปรักแห่งใจ 2559

ประทีปรักแห่งใจ

แม่ของแผ่นดิน ประทีปรักแห่งใจ (2559/2016) ประทีปรักแห่งใจ เป็นเรื่องราวของ เมลดา คุณหนูไฮโซผู้เกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์ในชีวิต และไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตนี้จะต้องตกระกำลำบาก เพราะมัลลิกา ผู้เป็นแม่ปลูกฝังว่าไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมาย แค่ใช้ชีวิตหรูหราสุขสบาย และแต่งงานกับผู้ชายรวย ๆ สักคนก็พอ ครั้นคุณหนูเมลดาผู้มีชีวิตแสนสุขสบายต้องกลายเป็น หงส์ปีกหักในชั่วข้ามคืน สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง และต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ตั้งแต่ศูนย์ ซ้ำแม่ที่คิดว่าจะเป็นหลักยึดเหนี่ยว ให้แก่ชีวิตก็หวังพึ่งอะไรไม่ได้ แล้วยังกลายเป็นภาระให้อีก เมื่อเจอปัญหารุมเร้าทุกด้าน คุณหนูเมลดาผู้ใช้ชีวิต ในโลกสีชมพูจะเอาตัวรอดได้อย่างไร นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่อง ที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนชีวิตของเมลดา ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ คือ แม่ที่ทรงหยิบยื่นดวงประทีปชีวิตให้แก่เธอ เมลดา ศรานุสรณ์ หรือ มินนี่ คือหญิงสาวที่เกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์ในชีวิต ไม่ว่ารูปร่างหน้า ฐานะ ชื่อเสียงในวงสังคม พร้อมกับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่าผู้หญิงที่เกิดมามีความเพียบพร้อม ไม่จำเป็นต้องขวนขวาย ทำสิ่งใดให้เหนื่อยยากลำบาก แค่รอเวลาให้เหมาะสมแต่งงานกับผู้ชายที่ดีพร้อมก็พอแล้ว ดังนั้นเมื่อจบการศึกษา ในปีนี้แล้วเธอจึงไม่มีเป้าหมายในชีวิตอะไรนอกจากรอเวลาแต่งงานกับ เป็นหนึ่ง เอกนุกูลกิจ ชายหนุ่มที่เมลดา คบหามานานเป็นปี ในขณะที่มีความยินดีกับงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า แต่เธอกลับมีความสับสนและไม่แน่ใจอยู่ด้วยว่า อยากแต่งงานกับเป็นหนึ่งจริงหรือเปล่า หรือว่าจำเป็นต้องแต่ง เมื่อนำเรื่องนี้ไปปรึกษา กับมัลลิกาผู้เป็นมารดา ก็ได้รับคำตอบว่าอยู่กันไปก็เรียนรู้นิสัยกันปรับตัวเข้าหากันได้เอง

ระหว่างที่เมลดาและเพื่อน ๆ นั่งปรึกษาหารือกันเรื่องชุดแต่งงาน ต้องใจ เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยผ่านมา แล้วพูดจากระแทกแดกดัน เมลดาลุกขึ้นตอบโต้จนเพื่อน ๆ ต้องห้ามปรามไม่ให้ไปสนใจกับพวกบ้านนอก ที่ไม่มีเงินพอจะทำอย่างคนรวยเขาทำกันได้ จึงคิดอิจฉาเท่านั้นเอง แล้วเมื่อเพื่อนทั้งสองคนแยกย้ายกันไป คนที่เข้ามา แทนที่คือ แพรวดาว แฟนเก่าของเป็นหนึ่ง ที่แม้จะเลิกรากันไปก่อนที่เป็นหนึ่งจะมาคบหากับเมลดา แต่แพรวดาว ก็ยังพูดจาว่าเมลดานั้นเป็นมือที่สามแย่งคนรักของเธอ อย่างวันนี้ก็เข้ามาพูดจาบอกว่าการที่เป็นเป็นหนึ่งจะแต่งงาน ก็เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น หาใช่ความรักไม่เป็นหนึ่งมารับเมลดาไปลองแหวนหมั้นที่ร้านเพชร แต่กลับกลายเป็นว่าแหวนที่เมลดาลองสวมนั้นหลวม เพราะทำผิดไซส์ เพชรประดับ เจ้าของร้านเพชรเผลอหลุดปากบอกว่าแหวนที่ทำมานั้น อาจจะเป็นไซส์นิ้ว ของแพรวดาว ทำให้เมลดาโกรธมาก และสั่งให้เขาทำแหวนให้เธอใหม่ และงอนออกจากร้านกลับบ้านทันที โดยที่เป็นหนึ่งก็ไม่ได้ตามมาง้องอน เมลดาเริ่มรู้สึกว่าเป็นหนึ่งอาจจะไม่ได้รักเธอจริงอย่างที่แพรวดาวบอก และตัวเธอเอง ก็ไม่ได้เจ็บปวดหรือเสียใจอะไรมากมายนอกจากรู้สึกเสียหน้าเท่านั้น ซึ่งตัวเธอเองก็อาจจะไม่ได้รักเป็นหนึ่งมากอย่างที่คิดก็ได้เมื่อกลับมาปรึกษากับมารดาถึงความไม่แน่ใจในความรัก และอยากจะเลื่อนการแต่งงาน กลับถูกมารดาห้ามปรามไม่ให้เธอคิดมาก และยืนยันว่าไม่มีทางที่เป็นหนึ่งจะไม่รักหญิงสาวที่มีความเพียบพร้อมอย่างเธอ แม้แต่บิดาของเธอก็ไม่ยินยอมให้เธอได้มีโอกาสตัดสินใจสิ่งใด ในขณะที่เป็นหนึ่งก็ตามง้องอน และเปลี่ยนร้านทำแหวนพิสูจน์ ความจริงใจโดยการพาเธอไปเลือกซื้อเพชรใหม่ ทำแหวนวงใหม่จนเมลดาใจอ่อนลืมความขุ่นข้องหมองใจทั้งหมด เพราะรู้ว่าถึงแม้เธอจะเลื่อนการแต่งงานออกไป เธอเองก็ไม่มีแผนชีวิตสำรองด้านอื่น ๆ เลยพิธีหมั้นช่วงเช้าผ่านไปด้วยดี เมลดาเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงในช่วงค่ำ ภาพเจ้าสาวที่เห็นในกระจกนั้นเหมือน ตุ๊กตากระเบื้องเนื้อดีมากกว่าจะเป็นคนจริง เครื่องหน้าที่งดงามอยู่แล้วยิ่งถูกแต่งเติมลงไปอีกก็ยิ่งสวยงามไม่มีที่ติ ระหว่างที่คู่บ่าวสาวกำลังถ่ายรูป และรับแขกที่มาในงานอยู่นั้น แพรวดาวก็เข้ามาในงานด้วยชุดราตรีขาวฟูฟ่อง ประหนึ่งชุดเจ้าสาว ปฏิกิริยาของเป็นหนึ่งเมื่อเห็นแพรวดาวนั้นทำให้เมลดารู้สึกหน้าชา แม้จะเตรียมใจมาแล้วว่าจะต้องเจอสถานการณ์นี้ แต่ไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ยิ่งมีเสียงซุบซิบจากแขกเหรื่อว่าแพรวดาวเป็นคนรักเก่าของ เจ้าบ่าวด้วย เมลดาพยายามจะทักทายด้วยดี แต่แพรวดาวกลับทิ้งคำพูดบางอย่างไว้ทำให้เมลดาไม่สบายใจนักขณะที่งานเลี้ยงและพิธีการทุกอย่างดำเนินไป ท่ามกลางความไม่แน่ใจของเมลดาที่ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลง อะไรได้อีกแล้ว แม้ว่าตัวเองอยากจะยกเลิกตอนนี้ก็คงจะสายไปแล้ว แต่ปรากฏว่า ชัยพงศ์ บิดาของเป็นหนึ่ง เข้ามาประกาศยกเลิกงานแต่งงานเพราะรู้ข่าวมาว่ากิจการของ ประยุทธ บิดาของเธอนั้นกำลังจะล้มละลาย เมลดาเริ่ม รับรู้ความจริงใจของเป็นหนึ่งเมื่อเขาสลัดมือเธอออกอย่างเมินเฉย แล้วยิ่งรับรู้มากยิ่งขึ้นเมื่อบิดายอมรับความเป็นจริง เรื่องที่กำลังจะล้มละลาย แม้เขาจะยืนยันว่าไม่คิดจะให้ครอบครัว ของเป็นหนึ่งต้องเข้ามาช่วยโอบอุ้มกิจการ แต่ขอร้องไม่ให้ยกเลิกงานแต่งงานเท่านั้น แต่ชัยพงศ์กลับไม่สนใจแล้วพาเป็นหนึ่งกลับออกไปทันทีประยุทธอับอาย และเครียดมากจนโรคหัวใจกำเริบ และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล สองแม่ลูกที่ไม่เคยมีแผนในการดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง และไม่ได้เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จึงไม่มีเงินออมในธนาคารเหลือมากนัก เงินสดก้อนสุดท้ายที่ต้องจ่ายให้โรงพยาบาล และจัดงานศพอย่างเรียบง่าย มีคนมาร่วมงานอย่างบางตาจน น่าใจหาย เมื่อล้มละลายก็ทำให้ญาติมิตรสหายที่เคยมีมากมายขาดหายไปในพริบตา แม้แต่เพื่อนสนิทร่วมมหาวิทยาลัย ของเมลดาก็ไม่ได้ปรากฏกายขึ้นในงานศพเลยเมลดานัดพบเพื่อนเพื่อจะหางานทำ แต่เพื่อนไม่ได้คิดจะให้ความช่วยเหลือแถมยังพูดจาดูถูกอีก หล่อนจึงแยกออกมาแล้วเดินเล่นเรื่อยเปื่อยในห้าง จนมาพบกับเป็นหนึ่ง และแพรวดาวในร้านเสื้อ เขาจะจ่ายค่าเสื้อผ้าให้ แต่เมื่อแรกเมลดาไม่คิดจะรับความเอื้อเฟื้อนี้ แต่อยากประชดแพรวดาวจึงยอมรับมาทั้งหมด สร้างความขุ่นเคืองให้กับแพรวดาว โดยที่เมลดาก็ไม่รู้ตัวเลยว่าจะมีผลร้ายติดตามมาอย่างไรบ้างข่าวไฮโซตกยากอย่างเมลดาดังไปถึงบ้านของ ปองคุณ ชายหนุ่มผู้เคยอกหักจากสาวเมืองกรุง และแบกความเจ็บช้ำไว้จนไม่ยอมชายตามองหญิงอื่นอีกเลย แถมยังมีอคติในใจอีกต่างหาก เขารับรู้ข่าวนี้อย่างไม่มีความเห็นอกเห็นใจนักต่างจาก ใจใส มารดาของเขาที่รู้สึกสงสารเมลดา แล้วเมื่อต้องใจเข้ามาหาแล้วแสดงตัวว่ารู้จักกับไฮโซสาว ผู้ตกยากนี้ แล้วแสดงความคิดเห็นในเชิงสมน้ำหน้า ทำให้ใจใสรู้สึกไม่ชอบใจ ทั้งยังรู้ว่าต้องใจมีความรู้สึกพิเศษ กับปองคุณด้วยแล้ว จึงเอ่ยปากตักเตือนลูกชายโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ให้ความสนใจนักเมลดากลับมาถึงโรงแรมที่เช่าพักอาศัยชั่วคราวอยู่กับมารดา เพราะยังไม่รู้ว่าจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไหน ท่ามกลางความรู้สึกที่ต้องคิดหาทางออกด้วยเงินที่มีเหลืออยู่ไม่มากนัก มัลลิกาผู้เป็นแม่ที่หวังว่าจะเป็นที่พึ่งพิงได้ กลับไม่มีความคิดอะไรเลย นอกจากการคร่ำครวญ และยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม สร้างความหนักใจให้กับเธอยิ่งนัก แถมยัง มีคนโทรศัพท์มาข่มขู่ให้หนี้อีกในจำนวนเงินห้าแสนบาท สองแม่ลูกจึงคิดหาทางหนีออกจากโรงแรม เมลดามืดแปดด้าน ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป มัลลิกาจึงคิดว่าจะไปบากหน้าไปหา มาลัย พี่สาวร่วมสายเลือดที่เธอไม่เคยติดต่อมานานกว่ายี่สิบปีแล้วระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังคิดจะเดินทางไปหามาลัย ทางด้านมาลัยเองก็ฝันถึงน้องสาว และคิดห่วงใยขึ้นมาบ้าง แต่ต้องใจก็ทักท้วงอย่างไม่เห็นด้วยนัก เพราะหล่อนรู้มาตลอดว่าเมลดานั้นเป็นญาติที่เรียนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกันมาตลอด แต่ไม่เคยแสดงตัวเพราะรังเกียจที่เมลดาเป็นสาวสวยไฮโซที่ทำตัวเหมือนคนไร้สมอง แม้จะได้รับรู้ข่าวว่า บัดนี้เมลดานั้นกำลังตกยากลำบาก ต้องใจก็ไม่มีความรู้สึกสงสารสองแม่ลูกเลยสักนิด นอกจากจะคิดสมน้ำหน้าเท่านั้นสองแม่ลูกเดินทางมาถึงแถวบ้านมาลัยแล้ว แต่เพราะไม่ได้กลับมานานกว่ายี่สิบปี สภาพบ้านเรือนที่เปลี่ยน แปลงไป ทำให้มัลลิกาไม่มั่นใจ จึงให้เมลดาไปถามหามาลัยกับชาวบ้านแถว ๆ นั้นเอง เมลดาไม่เข้าใจมารดา ตัวเองสักนิดว่าทำไมต้องเป็นตนที่ต้องทำอย่างนั้น แต่ในจังหวะนั้นเองที่หล่อนเห็นชายหนุ่มหน้าเหมือนโจรขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมา แล้วหยุดจะเข้าไปหามัลลิกาที่ยืนทำท่าจะเป็นลมอยู่ข้างทาง เมลดาเข้าใจว่าเขาเป็นโจรจะเข้ามาขโมยข้าวของ ของเธอกับแม่ จึงเข้าไปอาละวาดทุบตีชายคนนั้น จนมาลัยเข้ามาห้ามปรามแล้วจึงรู้ตัวว่าเธอเข้าใจผิด เลยตัดสินใจ แกล้งเป็นลมเพื่อเป็นการแก้หน้าให้ตัวเองเมื่อมาลัยพาสองแม่ลูกเข้ามาในบ้านแล้ว เมลดาก็แทบช็อกเมื่อรับรู้ว่าต้องใจ เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยที่ชอบพูดกระแนะแหนเธอนั้นกลับกลายมาเป็นญาติกัน เพราะต้องใจ คือลูกสาวของ มาลัย พี่สาวของมารดาเธอนั่นเอง แล้วชายหน้าโจรที่เธอเข้าใจผิดก็คือ ปองคุณ ชายหนุ่มที่ต้องใจหมายปองนั่นเอง เพราะฉะนั้นเมื่อต้องใจรับรู้ว่าสอง แม่ลูกจะมาพักอาศัยอยู่ด้วย หล่อนจึงแสดงความไม่พอใจ และคัดค้านหัวชนฝา มาลัยต้องตัดความรำคาญแล้ว ขอตัดสินใจเอง ด้วยการให้สองแม่ลูกมาอยู่ด้วยกันได้ แต่ต้องทำงานบ้านแลกเปลี่ยน และต้องทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยง ชีพเองด้วยแค่วันแรกเมลดาก็แทบจะรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่หลับที่นอน การต้องทำในสิ่งที่ตนเองไม่เคยต้องหยิบจับทำเลยสักครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการกวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน แล้วยังถูกบังคับ ให้ทำกับข้าว แถมมารดายังรักสบายหลบเลี่ยงไปปล่อยให้เธอผจญกับสิ่งใหม่ ๆ นี้เพียงคนเดียว ซึ่งระหว่างนี้ เธอยังไปมีเรื่องขัดแย้งกับปองคุณ ที่ต่างคนต่างไม่ชอบหน้ากัน ปองคุณแบกอาการอารมณ์เสียกลับไปถึงบ้าน แต่ในจิตสำนึกก็ยังสงสัยตัวเองว่าทำไมเขาต้องอคติกับเมลดาขนาดนี้ หรือว่าเขาเกิดสนใจเธอขึ้นมา แม้จะไม่มีความเชื่อในเรื่องของรักแรกพบเลยก็ตามเช้าวันแรกในสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เมลดาเอาตัวรอดจากอาหารมื้อแรก ด้วยการแอบออกไปซื้อข้าวต้มมาเป็นอาหารเช้าแทนการทำเอง ซึ่งก็ถูกมาลัยจับได้ และคาดโทษเอาไว้ หลังจากนั้นหล่อนก็ต้องมาหัดทำงานจักสาน จึงได้รู้ว่ามาลัยรวบรวมชาวบ้านมาตั้งกลุ่มสมาคมแม่บ้าน เพื่อหารายได้กับการสร้างกลุ่มงานจักสานขึ้นมา เมลดาได้พบกับใจใส ที่จะมาเป็นครูสอนเรื่องงานจักสานให้กับเธอ และมารดา เมื่อเริ่มต้นเมลดาก็ปากเสียวิจารณ์ และอวดรู้จนสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้าน รวมทั้งใจใสเองที่เมื่อแรกยังมีความเมตตาสงสาร ใจใสสวนคำพูดของเมลดา และสั่งสอนจนหล่อนต้องยอมสงบปากสงบคำลงเมลดาหัดสานปลาตะเพียนอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ก็ต้องมาสะดุดลงอีก เมื่อต้องใจเข้ามาสั่งให้หล่อนไปทำกับข้าว มื้อกลางวัน เมลลาจำต้องอดทนเชื่อฟัง แล้วยังต้องไปทำคนเดียวเพราะดันไปประกาศว่าหล่อนสามารถทำได้ แต่พอมาถึงในครัวหล่อนก็ต้องยืนเคว้ง เพราะไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้เลย ข้าวก็หุงไม่เป็น เตาแก๊สก็ไม่รู้จะเปิดยังไง หล่อนหยิบจับทำทุกอย่างไปอย่างคนไม่รู้ จนปองคุณเข้ามาพบวิธีการเปิดเตาแก๊สของหล่อนที่อันตรายมาก เขาตำหนิหล่อนจนร้องไห้ ปองคุณใจอ่อนยอมช่วยเหลือให้หล่อนรอดพ้นมีอาหารมื้อกลางวันสำหรับทุกคนดูเหมือนทุกอย่างจะผ่านไปได้ แต่ต้องใจที่ตั้งใจจะจับผิดเมลดา จึงทำให้ทุกคนรู้ว่าอาหารมื้อนี้เป็นฝีมือ ปองคุณ มาลัยจึงลงโทษไม่ให้สองแม่ลูกได้กินอาหารกลางวัน เมลดากลัวมารดาจะทนไม่ไหว จึงแอบออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ร้านมาให้ ระหว่างที่นั่งแอบกินอยู่นั้น หล่อนได้ยินเสียงชาวบ้านที่มาทำงานจักสานที่บ้านมาลัย นินทาว่าร้ายหล่อน กับมารดาและดูถูกว่าหุ่นไล่กาในท้องนายังมีประโยชน์เสียยิ่งกว่าตัวหล่อนกับมารดาเสียอีก เมลดาเจ็บปวด และพยายามระงับอารมณ์เต็มที่ หล่อนคิดมากจนต้องหันมาพิจารณาตัวเองว่าหล่อนไร้ค่าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ระหว่างนั้นเมลดาไม่รู้ตัวเลยว่ามีนักข่าวเห็นเหตุการณ์นั้น และแอบถ่ายรูปหล่อนพร้อมกับอัดคลิปเสียงไปด้วย ช่วงบ่ายวันนั้นเมลดาเงียบขรึมจนมัลลิกามองอย่างเป็นห่วง หล่อนโมโหหญิงชาวบ้านที่นินทาหล่อนจนเกิด แรงฮึดจนสามารถสานปลาตะเพียนได้ดี จนใจใสออกปากชมและบอกว่าถ้าหล่อนตั้งใจที่จะทำก็จะทำได้ และยังบอกว่าเห็นแววในตัวหญิงสาวจะสามารถทำงานจักสานได้ดีเหมือนคนอื่น ๆวันต่อมาเมลดาทำอาหารเช้าได้ดีขึ้น เพราะมัลลิกาเข้ามาช่วยด้วยไม่ได้หลบเลี่ยงไปเหมือนทุกครั้ง แต่ต้องใจก็ ยังหาเรื่องว่าได้อีก แต่ เดช พ่อของต้องใจออกปากปกป้องทำให้ต้องใจไม่พอใจ และออกไปกินข้าวนอกบ้าน จึงได้ไปพบว่ามีข่าวของเมลดาที่ตกยากมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่อยุธยา แถมยังลงถึงเรื่องราวที่ชาวบ้านเม้าท์เมลดาด้วย แม้ต้องใจจะสะใจ แต่ก็พยายามจะบอกชาวบ้านที่รู้เรื่องให้ปิดข่าวเรื่องนี้ เพราะกลัวว่าเจ้าหนี้ที่สองแม่ลูกหนีมา จะตามมาถึงที่นี่ แล้วรีบกลับบ้านมาแจ้งข่าวกับมาลัย แต่ไม่อยากให้สองแม่ลูกรู้เรื่องนี้จึงไล่ให้ออกไปซื้อของที่ห้างในเมือง แต่กลับกลายเป็นว่าเมลดาไปเปิดเช็กอีเมล์แล้วทราบเรื่องข่าวทั้งหมดด้วยความอับอายเมื่อกลับมาถึงจึงไปเก็บตัวอยู่ในห้องเก็บของแล้วไม่ออกไม่ได้ ปองคุณเข้ามาช่วยเพราะเข้าใจผิดว่าหล่อนจะฆ่าตัวตาย หลังจากถกเถียงกันแล้ว เมลดาก็แสดงความคิดว่าอยากจะพัฒนางานจักสาน ที่ป้ามาลัยทำอยู่ให้ดีขึ้น และมีราคามากกว่านี้ ปองคุณจึงแนะนำให้หญิงสาวไปเรียนรู้ที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เมลดาสนใจมากแต่ก็ยังติดที่มารดา จะยอมไปด้วยหรือไม่ ปองคุณจึงรับอาสาว่าวันรุ่งขึ้นเขาจะพาหล่อนและมารดาไปเที่ยวชมที่ศูนย์ศิลปาชีพ ก่อนการตัดสินใจ ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นไม่ค่อยดีนักของสองหนุ่มสาวเริ่มเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เมลลาเริ่มนับข้อดีของปองคุณ ได้หลายข้อแล้วที่สำคัญเขาทำให้หัวใจของหล่อนอบอุ่นกว่าผู้ชายคนไหน ๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตทางด้านครอบครัวของแพรวดาว และเป็นหนึ่ง มาร่วมเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการหลังงานแต่งงานของเป็นหนึ่ง และเมลดาถูกยกเลิกไป และถือว่าเป็นการฉลองหมั้นระหว่างเป็นหนึ่งกับแพรวดาวด้วย แม้เป็นหนึ่งจะรู้สึกผิดกับเมลดามากแค่ไหน แต่เขาเองก็รู้ว่าใจของเขานั้นมีแพรวดาวอยู่เสมอ ความรู้สึกที่มีต่อเมลดานั้นคือความเป็นพี่น้องกันมากกว่า เพราะความรู้สึกนี้นี่เองที่ทำให้เขายังแสดงความห่วงใย และกังวลว่าป่านนี้เมลดาจะเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อมีการพูดถึงกันในเรื่องของเมลดาทำให้เขาเหม่อลอยคิดมาก และด้วยอาการที่เขาเป็นแบบนี้ทำให้แพรวดาว เข้าใจผิดว่าเขายังมีใจเผื่อให้เมลดาด้วย ทำให้เป็นเป็นภัยไปสู่เมลดาอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัวเมื่อแพรวดาวคิดจะตัดบัวไม่ให้เหลือใย หล่อนจึงว่าจ้างนิคมลูกน้องคนสนิทของบิดา ให้โทรไปข่มขู่ว่าประยุทธเคยยืมเงินแล้วไม่คืน โดยตั้งใจจะแค่ข่มขู่เพื่อให้สองแม่ลูกหนีไปอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้เป็นหนึ่งติดต่อกับสองแม่ลูกนั้นได้อีกเท่านั้น แต่เมื่อรับรู้ว่าสองแม่ลูกนั้นหนีไปอยู่แค่อยุธยา หล่อนจึงสั่งให้นิคมตามไปจัดการอีกครั้ง ปองคุณพาเมลดา และมัลลิกาไปเยี่ยมชมศูนย์ศิลปาชีพ โดยมีต้องใจตามไปด้วย สร้างความหนักอกหนักใจ ให้กับเมลดาตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่มัลลิกาที่ทำท่าจะไม่ยอมไปด้วย แถมยังมีต้องใจที่อาจจะมาแสดง ลมเพชรหึงใส่เธออีก คิดไปคิดว่าก็เริ่มสงสัยตัวเองขึ้นมาซะอีกว่าตัวเองเริ่มมีใจให้ปองคุณหรือเปล่าปองคุณใช้จักรยานในการเที่ยวชมศูนย์ศิลปาชีพ เมลดาขี่จักรยานไม่เป็นจึงต้องซ้อนหลังปองคุณ สร้างความขุ่นเคืองให้กับต้องใจยิ่งนัก แต่สำหรับเมลลาแล้วคือความอบอุ่นใจที่บังเกิดขึ้นเงียบ ๆ ในระหว่างที่หล่อนกำลัง ผจญเจอมรสุมชีวิตที่หนักหนาสาหัสนี้ เมลดาเดินชมการฝึกงานวิชาชีพต่าง ๆ ด้วยความสนใจ แต่วิชาชีพที่เมลดาให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือแผนกสอดย่านลิเภา ส่วนมัลลิกาสนใจแผนกศิลปะประดิษฐ์ และนี่เป็นครั้งแรกสนใจสิ่งอื่นนอกเหนือจากการสังสรรค์ และช็อปปิ้ง และหล่อนก็เห็นด้วยที่มารดาจะสนใจในวิชาชีพนี้ หล่อนเริ่มเรียนรู้ว่าที่ศูนย์ศิลปาชีพนี้คือสถานที่ที่นำแสงสว่างที่จะนำความหวังมาสู้ชีวิตต่อไปได้ระหว่างที่เมลดาเดินเที่ยวชมในศูนย์ศิลปาชีพด้วยความรู้สึกของการเริ่มมีหวังขึ้นมาบ้าง ต้องใจก็ได้ข่าวว่าที่บ้านมีนักเลงบุกมาทวงหนี้สองแม่ลูก พอไม่เจอก็อาละวาดทำลายข้าวของในบ้านของมาลัยด้วย เมลดาจึงคิดว่าจะย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นเพื่อตัดปัญหา แต่ปองคุณกลับเสนอให้ย้ายไปอยู่ที่บ้านของเขาเพื่อความปลอดภัย ทำให้ต้องใจเกิดความไม่พอใจและพยายามคัดค้านอย่างมาก แต่ปองคุณยังยืนยันว่าเขาทำเพื่อเพราะมนุษธรรม ไม่สามารถจะปล่อยให้สองคนแม่ลูกออกไปผจญภัยกันเพียงสองคนได้ เมลดานั้นแม้จะดีใจที่มีทางออก แต่หล่อนก็ยังกังวลว่าถ้าย้ายไปอยู่บ้านปองคุณ เธอจะต้องมีปัญหากับต้องใจอีกต่อไปอย่างไม่จบไม่สิ้นแน่ ๆเมื่อทุกคนไปรวมตัวกันที่บ้านของปองคุณ ต่างก็ปรึกษาหารือกันถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินที่เกิดขึ้น มาลัยนั้น คิดจะใช้หนี้แทนให้จบกันไป แต่พวกนักเลงกลับไม่ยอมรับเงิน ยืนยันว่าจะต้องเป็นเงินของสองแม่ลูกนี้เท่านั้น ทำให้เกิดความสงสัยกันขึ้นมาว่าจริง ๆ แล้ว ประยุทธเป็นหนี้จริง ๆ หรือเปล่า เมื่อสอบถามมัลลิกาผู้เป็นภรรยา ก็ไม่เคยรู้เรื่องของสามีตัวเองเลย ทำให้เมลดาเผลอตัวตำหนิมัลลิกาอย่างรุนแรง จนมาลัยต้องห้ามปราม ในที่สุดปองคุณรับอาสาจะสืบเรื่องหนี้สินของประยุทธให้เพื่อความสบายใจของทุกคนการพักอาศัยในบ้านปองคุณแตกต่างจากการพักอาศัยที่บ้านของมาลัยอย่างคนละขั้ว ที่นี่ห้องพักสะดวกสบาย ข้าวของเครื่องใช้มีพร้อมสรรพ แถมยังไม่ต้องทำงาน ทำอาหารเองอีกด้วย แต่เมลดาก็พยายามจะเข้าช่วยเหลือ หยิบโน่นทำนี่ เพื่อต้องการจะทดแทนพระคุณเจ้าของบ้าน ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยหล่อนกับมารดา ใจใสแนะนำให้ทั้งสอง คนเข้าไปฝึกอาชีพที่ศูนย์ศิลปาชีพ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจากพวกนักเลงที่สุด แถมยังได้ฝึกอาชีพ ซึ่งสองแม่ลูกก็เห็นดีตามนั้นทางด้านแพรวดาวรับรู้ว่านิคมทำงานให้ไม่สำเร็จตามที่เธอต้องการ จึงต่อว่าและยังไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้าง เป็นหนึ่งเดินเข้ามาได้ยินโดยไม่ที่แแพรวดาวไม่รู้ตัว เป็นหนึ่งกลับมาบ้านพบว่าบิดามีแขก และไม่ยอมให้ใครเข้ามา รบกวนรวมทั้งตัวเขาด้วย เพราะลูกน้องของบิดาที่กางกั้นห้ามมิให้เขาเข้าบ้าน ครั้นบิดาได้ยินเสียงเขาโวยวาย อยู่ด้านนอกจึงเรียกเขาให้เข้าไปได้ ยิ่งเพิ่มพูนความสงสัยขึ้นอีกมากนักว่าบิดามีลับลมคมในอะไรปิดบังเขา ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวด้วยในห้องนั้นเป็นหนึ่งได้พบกับ ศุภวัฒน์ พัฒนะกิจกำจร ที่บิดาแนะนำว่าบุคคลผู้นี้จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วน ซึ่งเขาพอจะรู้ประวัติชายหนุ่มคนนี้ว่าไม่ค่อยจะขาวสะอาดนัก มีข่าวกับสาวน้อยสาวใหญ่มากมาย หลังจากการหย่าร้างกับสิริมน ภรรยาสาวสวยชื่อดังในวงสังคม แต่แค่ความเจ้าชู้ของเขาไม่ใช่สิ่งที่เป็นหนึ่งจะไม่ชอบใจ แต่เป็นเพราะ ชื่อเสียงที่ไม่ดีว่าเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายมากกว่า แต่เป็นหนึ่งก็รักษามารยาทในการพูดจาด้วยเป็นอย่างดี แล้วก็อดเป็นห่วงบิดาไม่ได้จึงเอ่ยปากตักเตือน ซึ่งนอกจากจะไม่สำเร็จแล้วยังทำให้ชัยพงศ์หัวเสียเป็นอย่างมากด้วยเป็นหนึ่งรู้สึกเหนื่อยล้ากับเรื่องราวที่เขาได้รับรู้ทั้งสองเรื่องในวันนี้เป็นอย่างมาก เมื่อนอนครุ่นคิดถึงเรื่องราว ต่าง ๆ แล้วจึงตัดสินโทรหานักสืบที่เขาจ้างไปตามหาที่อยู่ของเมลดา ทำให้ได้รับรู้เรื่องว่าเมลดามีผู้ชายบ้านนอกคนหนึ่งคอยดูแลอยู่ แล้วยังได้ดูคลิปที่มีนักเลงตามไปอาละวาดที่บ้านของมาลัยด้วย เขาจำหน้านิคมได้ จึงรู้สึกผิดหวังกับแพรวดาวมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นทำให้เขาตัดสินที่จะไม่วางมือจากเมลดาแม้จะรู้ว่าเขากำลังนำตัวเองไปสู่ปัญหา และสิ่งที่เขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ จะนำปัญหาและหายนะมาสู่ครอบครัวของเขาอย่างอเนกอนันต์วันที่ปองคุณนัดจะพาเมลดากับมารดาไปสมัครเข้าเรียนที่ศูนย์ศิลปาชีพ ต้องใจแวะมาแต่เช้าด้วยบุคลิกที่เปลี่ยนไปจากเดิม หล่อนหันมาใส่กระโปรง แต่งหน้าเข้มจัด หล่อนกลายเป็นตัวตลกของทุกคนแบบไม่รู้ตัว ปองคุณเองก็ไม่กล้าจะพูดตรง ๆ จึงบอกแค่ว่าหล่อนดูสวยแปลกตาดี ต้องใจจึงคิดว่าเมื่อตัวเองหันมาแต่งตัวแต่งหน้าแบบนี้จะ สามารถดึงใจของปองคุณได้ เมื่อเมลดาสมัครเรียนเรียบร้อยแล้ว ต้องใจยังไม่วายแขวะว่ากระทบกระแทกจนมาลัยต้องออกโรงปกป้อง สองแม่ลูกทำให้ต้องใจงอนเดินหนีออกมา เมลดาตามไปพูดคุยเพื่ออยากจะปรับความเข้าใจ โดยไม่รู้ว่าปองคุณเดินตามไปด้วยต้องใจสารภาพว่ารักปองคุณ และไม่อยากให้ปองคุณต้องมาเสียใจกับสาวไฮโซซ้ำสองอีก แล้วเล่าเรื่องของ สิริมน คนรักเก่าของปองคุณที่ทิ้งเขาไปแต่งงาน ปล่อยให้ชายหนุ่มต้องชอกช้ำใจมากว่าห้าปี เมลดาเองก็เคยรู้จัก สิริมนแต่ไม่สนิท เคยเจอกันตามงานสังคมเท่านั้น หล่อนจึงแสดงความแปลกใจถึงความสัมพันธ์ของปองคุณ กับสิริมน และแม้ว่าตัวเองจะมีความรู้สึกดี ๆ กับปองคุณอยู่มาก แต่ไม่อยากจะมีปัญหากับญาติอย่างต้องใจ จึงพูดรับปากว่าเธอจะไม่ยุ่งเกี่ยว และคิดอะไรเกินเลยกับปองคุณอย่างเด็ดขาด นั่นทำให้ปองคุณซึ่งแอบฟังอยู่รู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจคล้ายถูกมีดกรีดซ้ำที่รอยแผลเดิม และคิดว่าจะเปิดใจให้กับต้องใจ ที่เห็นคุณค่าและมั่นคงในรักที่มีต่อเขา เสมอมาปองคุณพาเมลดากับต้องใจไปไหว้พระ ขณะที่อยู่ในวัดเมลดารู้สึกว่ามีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลา เธอเข้าใจว่า เป็นพวกแก๊งทวงหนี้ หลังจากส่งต้องใจลงที่ตลาดแล้วทั้งสองจึงขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางปองคุณรู้ว่ามีคนขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา เขาจึงหลอกพาไปในที่เปลี่ยวแล้วยิงยางรถจนคนขับไม่สามารถหนีได้ เมื่อใช้ปืนขู่จนมารู้ ทีหลังว่าคนที่ตามมานั้นไม่ใช่แก๊งทวงหนี้ และกลายเป็นเป็นหนึ่งที่แอบติดตามเมลดามาจากวัดนั่นเองปองคุณยอมจ่ายค่าเสียหายค่าซ่อมรถ และพาสองคนไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟ ตามประสงค์ของเป็นหนึ่งที่ร้องขอ เขาแยกตัวออกมานั่งรอโดยมีเมลดามองตามด้วยความไม่สบายใจสร้างความฉุนเฉียวให้กับเป็นหนึ่งเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อรับรู้ได้ว่าบัดนี้เมลดาอาจจะเปลี่ยนใจจากเขาไปเต็มร้อยแล้ว หันมาไปสนใจหนุ่มท่าทางบ้านนอกคนนั้น เขาจึงพยายามพูดจาเกลี้ยกล่อมให้เมลดากลับกรุงเทพฯ โดยเขายินดีจะรับดูแลหล่อนและมารดาอย่างดี และจะจัดการ เรื่องหนี้สินให้ด้วย แต่เมลดาไม่ยอมรับการช่วยเหลือนั้น และยืนยันว่าเธอยินดีจะใช้ชีวิตแบบที่กำลังทำอยู่ปองคุณอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ว่าเมลดาพูดจาสิ่งใดกับคนรักเก่า เมื่อได้รับคำตอบที่เขารู้สึกยินดี เมื่อรู้ว่าเมลดายืนยันจะทำตามเจตนารมย์เดิม คือการเข้าไปเรียนฝึกอาชีพที่ศูนย์ศิลปาชีพ โดยไม่คิดจะกลับกรุงเทพฯตามคำชวนของเป็นหนึ่ง ปองคุณเริ่มสืบเรื่องการเป็นหนี้ของประยุทธจากโทรศัพท์ที่เมลดายังเก็บไว้ ทำให้เขาพบว่าประยุทธมีการติดต่อ กับศุภวัฒน์ เขาไม่อยากจะคิดว่าเป็นคนคนเดียวที่เคยทำลายหัวใจของเขา เขาจึงโทรไปขอให้ศรุต เพื่อนตำรวจช่วยสืบให้ ทำให้เขาโดนเพื่อนแซวว่าเขาคงกำลังจะมีความรักอีกครั้งก่อนจะส่งเมลดาและมารดาเข้าศูนย์ศิลปาชีพ ปองคุณจึงพาทั้งสองคนไปห้าง เพื่อซื้อของใช้เตรียมตัวเข้าไปอยู่หอ โดยมีต้องใจตามไปอีกตามเคยเมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จ เมลดากับมัลลิกาแยกตัวไปซื้อของกันสองคน แต่ช่วงจังหวะที่มัลลิกาขอไปห้องน้ำ เมลดาถูกชายสองคนใช้มีดจี้ให้เดินออกจากห้าง โชคดีที่มีหญิงอ้วนคนหนึ่ง เข้ามาช่วยเมลดาไว้ได้ แพรวดาวรับรู้ว่าลูกน้องทำงานพลาดด้วยความโมโห จึงตัดสินใจจ่ายเงินปิดปากไป เพราะกลัวจะมีหลักฐานโยงใยมาถึงตัวเพราะเริ่มรู้สึกว่าพักหลัง ๆ มานี้ เป็นหนึ่งเริ่มมาเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามถึงนิคม แล้วเป็นหนึ่งคงไม่รู้ตัวว่าหล่อนทราบเรื่องที่เขาตามไปเมลดาถึงอยุธยา หล่อนเก็บความหึงหวงและคับแค้นใจไว้เงียบ ๆ จึงสั่งให้นิคมไปจัดการขั้นเด็ดขาดอีกครั้งแต่ก็พลาดอีกตามเคย ยังดีที่พักหลัง ๆ หล่อนเริ่มไม่ค่อยจะใส่ใจกับเป็นหนึ่งมากเท่าเดิม เพราะความสนใจของหล่อนตอนนี้กำลังอยู่ที่ ศุภวัฒน์ นักธุรกิจหนุ่มพ่อม่ายเนื้อหอม ที่แม้เขาจะไม่ได้หล่อเหลา อะไรมากมาย แต่ก็มีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้แพรวดาวไม่อาจจะละสายตาจากผู้ชายคนนี้ได้เลยเหตุการณ์ที่เกิดกับเมลดาในห้าง ทำให้ปองคุณคิดว่าต้องรีบสืบเรื่องเจ้าหนี้ของเมลดาให้เร็วที่สุด เพื่อนของเขาแนะนำให้ไปแจ้งความไว้ก่อน แต่ปองคุณกลับคิดว่าถ้าย้ายเข้าไปอยู่ในศูนย์ศิลปาชีพแล้วก็น่าจะปลอดภัย ศรุตวิเคราะห์เหตุการณ์นี้มาอย่างมากมาย และมีข้อสงสัยไปถึงแพรวดาวด้วยในเรื่องของการหึงหวง และสิ่งที่ได้รับรู้ อย่างชัดเจนก็คือ ศุภวัฒน์ คือคนคนเดียวกันจริง ๆ ปองคุณจึงตัดสินใจติดต่อกับสิริมนอีกครั้งเป็นหนึ่งพบยุทธชัย ลูกน้องคนสนิทของประยุทธที่บริษัทของตัวเอง ยุทธชัยกลายมาเป็นคนสนิทของ ศุภวัฒน์แทน ทำให้เขารู้สึกว่าคนนี้ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทของประยุทธล้มละลาย เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ที่มากกว่าจึงสามารถหักหลังเจ้านายตัวเองได้ นี่เป็นจุดเริ่มต้นให้เป็นหนึ่งเริ่มสืบหาเรื่องราวอย่างเงียบ ๆ รวมทั้ง เรื่องที่แพรวดาวใช้นิคมทำด้วย แม้เขาค่อนข้างจะแน่ใจว่าเป็นแผนของแพรวดาวที่ส่งคนไปข่มขู่เมลดา แต่ก็ไม่มีหลักฐานจะจัดการกับหล่อนได้ แล้วเรื่องที่สำคัญคือถ้าเขาแตกหักกับแพรวดาวเรื่องนี้ จะกระทบไปถึงธุรกิจของสองครอบครัวต้องแตกหักลง ซึ่งพ่อของเขาคงไม่ยินยอมให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอนเมลดากับมัลลิกาย้ายตัวเองจากบ้านปองคุณไปเข้าหอพักในศูนย์ศิลปาชีพ ระหว่างทางที่ปองคุณไปส่งสองแม่ลูก เขาก็มีเรื่องต้องถกเถียงกับเมลดา และแสดงความไม่พอใจเมื่อญิงสาวพูดถึงเป็นหนึ่ง มัลลิกาซึ่งนั่งอยู่เริ่มสงสัยและบอกกับเมลดาตรง ๆ ว่าเธอสงสัยว่าปองคุณจะมีใจให้กับลูกสาวของเธอ เมื่อเจอกับสภาพหอพักที่อยู่ร่วมกับ คนอื่นอีกนับสิบ เมลดาก็แทบจะถอดใจ แต่เมื่อเจอว่ามัลลิกาโอดครวญอย่างหนักหล่อนจึงต้องทำใจให้เข้มแข็ง และคิดว่าต้องยอมรับสภาพนี้ให้ได้ และยังต้องเตือนให้มารดาแสดงสีหน้าให้ดี เพราะกลัวคนอื่นจะเข้าใจผิดแล้วสิ่งที่ทำให้หล่อนดีใจจนลืมนึกเรื่องอื่นไปเลย ก็คือหล่อนได้พบกับหญิงสาวร่างอวบที่เคยช่วยเหลือหล่อนในวันที่ถูกจี้การเริ่มเรียนวันแรก เมลดารับรู้ว่าแผนกที่เธอเลือกเรียนการสอดย่านลิเภานั้นด้วยอาการใจฝ่อนิด ๆ ว่าหล่อน จะไปรอดไหม เพราะแผนกนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นการฝึกอาชีพที่ยากที่สุด มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเรียนงานสอดย่านลิเภาได้สำเร็จ และการจะเริ่มเรียนได้ก็ต้องมีการทดสอบก่อน ที่น่าแปลกใจที่สุดคือปองคุณมาช่วยสอนในแผนกนี้ด้วย แค่เริ่มต้นเขาก็เชือดหล่อนเสียไม่มีชิ้นดีแล้วสิริมน และปองคุณ ไปปรากฎตัวในงานเลี้ยงเปิดตัวหุ้นส่วนระหว่างชัยพงศ์ วินัย พ่อของแพรวดาว และศุภวัฒน์ โดยไม่ได้รับเชิญ แพรวดาวออกอาการเป็นเดือดเป็นร้อนแทนศุภวัฒน์ จนเป็นหนึ่งเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ ของคนทั้งคู่ ในขณะที่ศุภวัฒน์นั้นเริ่มรับรู้ว่าสิริมนกำลังจะมาเอาคืน เพราะเมื่อตอนที่เขาเป็นแต่งงานกับสิริมนนั้น ได้ถ่ายโอนหุ้นในกิจการห้างสรรพสินค้าของครอบครัวหล่อนไปให้เจษฎา กว่าครอบครัวหล่อนจะรู้ตัวห้างนั้นก็หลุดมือไปแล้ว ยังดีว่าหล่อนยังมีกิจการทางด้านอื่นรองรับอยู่ จึงยังคงอยู่ได้โดยไม่ล้มละลายไปเหมือนกับประยุทธเพราะปองคุณหายหน้าไป ทำให้เมลดาไม่มีสมาธิพอที่เรียนรู้จนหล่อนแทบจะถอดใจ แต่ได้ครูอย่างผลที่มากล่าวเตือนสติ และบอกว่าแท้จริงแล้วปองคุณเป็นห่วงหล่อนมาก ถึ

ชื่อไทย : ประทีปรักแห่งใจ

ชื่ออังกฤษ :
ละครช่อง : ช่อง 3
บทประพันธ์ : นภาสรร
บทโทรทัศน์ : ปารดา
กำกับการแสดง : ทวีวัฒน์ วันทา
แสดงนำ : ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์, ปรียากานต์ ใจกันทะ
ออกอากาศ : 17 สิงหาคม 2559 – 12 ตุลาคม 2559
วัน/เวลาออกอากาศ : จันทร์ – พฤหัสบดี 19.05 – 19.50 น. , ศุกร์ 18.45 – 19.30 น.
จำนวนตอน :
ความยาวตอน :
เรทละคร :
เป็นคนแรกที่รีวิว “ประทีปรักแห่งใจ”

ยังไม่มีรีวิว

นักแสดงและทีมงาน

อาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์

ปองคุณ บุญจิระกิจ / ปอง

ยิหวา ปรียากานต์ ใจกันทะ

เมลดา ศรานุสรณ์ / มินนี่

แหม่ม จินตหรา สุขพัฒน์

มัลลิกา ศรานุสรณ์ / มาลี / มอลลี่ (แม่ของเมลดา)

บอล วิธวัฒน์ สิงห์ลำพอง

เป็นหนึ่ง เอกนุกูลกิจ / หนึ่ง

ลิฟท์ สุพจน์ จันทร์เจริญ

ศุภวัฒน์ พัฒนกิจกำจร

ขวัญ ขวัญฤดี กลมกล่อม

ใจใส (แม่ของปองคุณ)

หญิง ธนิจจิญญา ธนันต์ชัยกานต์

สิริมน ศิริกานนท์ / สิ

เอ อนันต์ บุนนาค

เอกชัย บุญจิระกิจ (พ่อของปองคุณ)

เจี๊ยบ ปวีณา ชารีฟสกุล

มาลัย (พี่สาวของมัลลิกา,แม่ของต้องใจ)

ก้อย นฤมล พงษ์สุภาพ

หนึ่งฤทัย (แม่ของเป็นหนึ่ง)

เวนย์ ฟอลโคเนอร์

ชัยพงศ์ (พ่อของเป็นหนึ่ง)

เปี๊ยก สมมาตร ไพรหิรัญ

ประยุทธ ศรานุสรณ์ (พ่อของเมลดา) (รับเชิญ)

ตุ้ม รสริน จันทรา

กิติมา (แม่ของแพรวดาว) (รับเชิญ)

นง ทนงศักดิ์ ศุภการ

วินัย พรธรรมมา (พ่อของแพรวดาว) (รับเชิญ)

ติ๋ว อรสา พรหมประทาน

ป้าลำยงค์ (ป้าของปองคุณ) (รับเชิญ)

ต่อตระกูล จันทิมา

สุพล (มือปืนตามฆ่าเมลดา) (รับเชิญ)

จารุวัธน์ ทองโบราณ

ตำรวจ (รับเชิญ)

จตุเดช เกษมลาวัณย์

ตำรวจ (รับเชิญ)

มาเรีย ทิพย์รดา ไมเออร์

นลินดา ศรานุสรณ์ (นีโม่) (รับเชิญ)

กํากับการแสดง

นักเขียน

นภาสรร

บทประพันธ์

ปารดา

บทโทรทัศน์

โปรดักชั่น