2531
เรื่องย่อ : พระทิณวงศ์ (2531/1988) พระทิณวงศ์เป็นโอรสของท้าวพัทวงศ์ และนางสุวรรณประไภย แห่งเมืองสุวรรณรัตนา เหตุที่พระโอรสมีพระนามเช่นนี้ก็เพราะก่อนมีพระประสูติกาล นางสุวรรณประไภยเกิดสุบินนิมิตว่าได้ดวงอาทิตย์มาแนบกับทรวง จำเนียรกาลผ่านไปพระทิณวงศ์เจริญพระชันษาเป็นเจ้าชายน้อยรูปงาม จนพระชนทม์ได้ 12 พรรษาจึงลาพระบิดาและมารดาไปเล่าเรียนศิลปศาสตร์ ระหว่างที่พระทิณวงศ์เดินดั้นด้นตัดเขาลำเนาไพรอยู่นั้น พระอินทร์ได้เมตตาพาไปเรียนวิชากับฤาษีผู้ทรงฤทธิ์ กล่าวถึงเมืองพรมสาลี ท้าวอภัยนุสินและนางสุรัศวดีมีพระธิดานามว่าทิพย์มณฑา ในวันที่นางประสูติมีกลิ่นหอมฟุ้งขจายไปทั่วเมือง โหรหลวงทำนายว่าพระธิดาจะพลัดพรากจากบ้านเมือง และตายพร้อมกับคนรักในที่สุด ฝ่ายพระทิณวงศ์เรียนวิชาจนสำเร็จและได้ม้านิลรัตน์ซึ่งเป็นม้าวิเศษ พระฤาษีเห็นว่าถึงกาลอันสมควรที่พระทิณวงศ์จะมีคู่ครองเมื่อเพ่งญาณแล้วจึง ให้พระทิณวงศ์มุ่งหน้าไปยังเมืองพรมสาลี พระทิณวงศ์ปลอมเป็นชายพิการแอบในอุทยานเพื่อทดสอบใจ นางทิพย์มณฑาประพาสอุทยานได้พบกับชายพิการแล้วสนทนาด้วย พระขนิษฐาอีก 7 คนที่ตามมาด้วยริษยานางทิพย์มณฑาเป็นทุนเดิมจึงนำความไปเท็ดทูลท้าวอภัยนุ สิน ท้าวอภัยนุสินกริ้วจึงขับนางทิพย์มณฑาไปอยู่กระท่อมปลายอุทยานกับคนพิการ จนเมื่อพระทิณวงศ์ได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์นั่นเองทำให้กลับคืน พระราชวังได้ในที่สุด แต่เหตุวุ่นวายก็เกิดขึ้นอีกจนได้ เมื่อขนิษฐาทั้ง 7 คนยุยงให้นางทิพย์มณฑาลองใจพระทิณวงศ์ว่ารักจริงหรือไม่ให้คั่วทรายสาดหน้า นางทิพย์มณฑาทำตามแต่พระทิณวงศ์ให้อภัย นางทั้ง 7 ยังไม่วายยุยงซ้ำอีกให้นางทิพย์มณฑาลองใช้มีดสับหน้า คราวนี้พระทิณวงศ์โกรธขี่ม้าหนีไปเพราะตนถูกทำลายโฉมให้อับอายผู้คน นางทิพย์มณฑาวิ่งตามไปง้องอนแต่ไม่เป็นผล ในครั้งนั้นเองถึงคราวสิ้นสุดอายุของนาง นางทิพย์มณฑาพบปี่ที่พระวิษณุกรรมมาบรรดาลไว้ นางหยิบขึ้นมาเป่าเป็นเสียงไพเราะ แต่ทำให้นางใช้ลมมากจนแทบขาดใจ ประกอบกับความเสียใจนางจึงเป่าซ้ำจนขาดใจตาย พระทิณวงศ์ย้อนกลับมาเห็นร่างไร้ลมหายใจของคู่รักก็เกิดความโสมนัสหนักหนาจน ขาดใจตายไปอีกคน ร้อนถึงพระอินทร์ต้องมาชุบชีวิตให้ฟื้นคืนแล้วทั้งสองก็เดินทางกลับเมือง สุวรรณรัตนาที่จากมาหลายปี กล่าวถึงนางกายวัน เป็นคนที่พระบิดาของทิณวงศ์ได้หมั้นหมายเตรียมไว้ให้ เมื่อพบนางทิพย์มณฑาก็คิดกำจัดให้พ้นทางจึงร่วมมือกับยายเฒ่าบ้าบี๋คนใช้ เก่าแก่ใช้เล่ห์เพทุบายปลอมสาล์นจากท้าวพันทวงศ์พระบิดาของพระทิณวงศ์ว่าให้ พระทิณวงศ์ออกไปคล้องช้างมงคลในป่า เพื่อที่นางจะจัดการนางทิพย์มณฑาในระหว่างที่พระทิณวงศ์ไม่อยู่ พระทินวงศ์ไม่ฉุกเฉลียวใจในกลอุบายจึงจำใจลานางทิพย์มณฑาไปคล้องช้างตามพระ ราชโองการ ขณะนั้นนางทิพย์มณฑามีครรภ์แก่ใกล้คลอด ยายเฒ่าบ้าบี๋ที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ เมื่อเห็นพระทิณวงศ์เสด็จออกจากเมืองไปแล้วก็ร่ายเวทมนต์สะกดคนรับใช้ ข้าราชบริพารและเหล่าทหารในเขตพระราชฐานให้หลับไหลไปจนหมด แล้วนางก็อุ้มนางทิพย์มณฑาไปให้นางกายวัน นางกายวันเห็นนางทิพย์มณฑาครรภ์แก่ก็ยิ่งเกิดความโมโหจึงเข้าทุบตีนางด้วย ความโกรธแค้นที่ทำให้นางหมดโอกาสที่จะเป็นมเหสีของพระทิณวงศ์ นางกายวันออกแรงทุบตีจนนางทิพย์มณฑาหมดสติเหมือนตาย นางกายวันและยายเฒ่าบ้าบี๋จึงนำร่างของนางทิพย์มณฑาไปทิ้งแม่น้ำ แต่นางทิพย์มณฑายังไม่ตาย นางว่ายน้ำอยู่ 7 วันจึงสามารถขึ้นฝั่งได้ในที่สุด นางกระจุ้นกระสนเอาชีวิตของตนเองและลูกในท้องให้รอดด้วยความทุกข์ลำบาก จวบจนนางคลอดพระโอรสที่มีกลิ่นกายหอมเหมือนนาง นางทิ้งพระโอรสไปดื่มน้ำที่ลำธาร ขากลับถูกช้างป่าขวางทางไว้ ระหว่างนั้นวิเรนทันผู้มีกายเป็นเหล็กเพชรมาเห็นพระโอรสน้อยก็เข้าใจว่ามีคน มาทิ้งไว้จึงนำไปชุบเลี้ยง พระทิณวงศ์ออกตามหาพระชายาและพระโอรส ต้องฟันฝ่าอุปสรรคหลายประการ ระหว่างผจญภัยพระทิณวงศ์ได้ชายาอีก 2 คนคือนางสุวรรณรัศมี และนางวันทมาลัย เป็นเวลาหลายปีกว่าที่คนทั้งหมดจะกลับมาพบและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างผาสุกใน บั้นปลาย
เรื่องย่อ : พระสุธน-มโนราห์ (2531/1988) เรื่องราวการผจญภัยของพระสุธนในดินแดนอมนุษย์เพื่อตามหากินรี ผู้เป็นที่รัก ซึ่งพลัดพรากจากกัน เพราะคำอธิษฐานในชาติปางก่อน พระสุธนต้องเดินทางบุกฝ่าอันตรายต่างๆ ในดินแดนอมนุษย์ เพื่อตามหามโนราห์ กินรีผู้เป็นมเหสีที่ต้องพลัดพรากจากกันเพราะคำอธิษฐานในชาติปางก่อน ความกล้าและบุญญาธิการนำพาให้ได้อยู่คู่กันอีกครั้ง
เรื่องย่อ : นางสิบสอง (2531/1988) นานมาแล้วมีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อ นนท์ และภรรยาของเขาชื่อ พราหมณี ทั้งสองมีลูกสาวถึง 12 คน ด้วยความที่ลูกเยอะฐานะทางบ้านจึงค่อยๆตกต่ำลงเงินทองที่เก็บๆไว้ก็หายไปหมดเนื่องจากต้องเลี้ยงดูลูกสาวทั้งสิบสองคน อยู่มาวันหนึ่งพ่อของนางสิบสองก็ได้คิดอุบายว่าจะนำลูกๆทั้งสิบสองคนไปปล่อยป่า โดยหลอกลูกของตนว่าตนจะไปเยี่ยมญาติจะพาลูกๆไปด้วย เมื่อมาถึงกลางป่าเขาก็บอกกับลูกว่าจะไปหาผลไม้มาให้กินให้ลูกๆรอก่อน เมื่อได้โอกาสเขาก็หนีไปโดยหวังว่าจะมีคนที่ดีกว่านี้มารับเลี้ยงดู นางสิบสองรอบิดาของตนจนเหนื่อยโชคดีที่นางเภาภิรมย์น้องคนสุดท้องที่มีความฉลาดมากกว่าพวกพี่ๆ ได้นำข้าวตากโรยตามทางที่เดินมาพวกนางทั้งสิบสองจึงกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
เรื่องย่อ : จำเลยรัก (2531/1988) หฤษฎ์ รังสิมันตุ์ เสียใจมากกับการสูญเสียของ หริณ รังสิมันตุ์ ผู้เป็นน้องชาย เลยไปตามล่าคนผิดมาแก้แค้น แต่หฤษฎ์ไม่รู้เลยว่าจับมาผิดคน โศรยา ต้องยอมจำนนให้หฤษฎ์โขกสับต่างๆนานา และใช้งานเยี่ยงทาส และนายใบ้คู่หู ที่คอยดูไม่ให้โศรยาหนีไป วันหนึ่งหฤษฎ์ต้องออกไปทำงาน ทำให้หฤษฎ์ได้รู้จัก ศันสนีย์ ผู้ที่ทำร้ายน้องชายของเขานั่นเอง จากที่ศันสนีย์ยื่นบัตรประจำตัวประชาชนให้ดู จึงรู้ว่าตนเองจับตัวคนมาผิด ฝ่ายศันสนีย์ที่มีธวัชชัยเป็นแฟนอยู่แล้วก็เริ่มห่างเหินกับธวัชชัย เพราะ ชอบหฤษฎ์ หฤษฎ์กับเกาะไปก็ปลดปล่อยโศรยาและให้สร้อยไข่มุกแก่โศรยา ศันสนีย์เห็นก็ขอยืม โศรยาก็ให้ยืม หฤษฎ์เห็นศันสนีย์มีสร้อยที่ตนให้โศรยาข้อมือของศันสนีย์ ก็ถามศันสนีย์ว่าได้มายังไง ศันสนีย์บอกว่ายืมจากโศรยา หฤษฎ์ก็ขอซื้อต่อในราคา 100,000 บาท ศันสนีย์ก็ขายต่อโดยไม่ถามความเห็นจากโศรยาเลย พอศันสนีย์ขายสร้อยไข่มุกไปให้หฤษฎ์ก็มาบอกโศรยา โศรยาเสียใจที่ไม่มีสร้อยไข่มุกที่หฤษฎ์ให้ตนแล้ว ด้านหฤษฎ์ได้สร้อยไข่มุก หฤษฎ์ก็นำไปให้โศรยา หฤษฎ์แกล้งตีสนิทกับศันสนีย์จนศันสนีย์หวั่นไหว โศรยาเตือนให้ศันสนีย์อยู่ห่างหฤษฎ์ ศันสนีย์ก็ว่าโศรยาว่าโศรยาชอบหฤษฎ์ โศรยาปฏิเสธ วันหนึ่งหฤษฎ์มาสู่ขอโศรยากับศุกฤกษ์ พ่อของศันสนีย์กับสายสมร แม่ของศันสนีย์ ธวัชชัยนึกว่าหฤษฎ์หักหลังตน ก็ไปทำร้ายหฤษฎ์ หฤษฎ์บอกว่าตนรักโศรยาคนเดียว ด้านศันสนีย์นึกว่าหฤษฎ์มาสู่ขอตน ก็โทรไปเยาะเย้ยโศรยา แต่พอรู้ว่าไปสู่ขอโศรยา ศันสนีย์ก็โกรธมาก ส่วนโศรยาก็ใช้งานหฤษฎ์เยี่ยงทาสและอยู่กับโศรยาอย่างมีความสุข
เรื่องย่อ : ปัญญาชนก้นครัว (2531/1988) ปัญญาชนก้นครัว เป็นเรื่องราวของ ชะเอม หรือ เอมิกา สาวน้อยคนเก่งที่โลกของเธอคือการแข่งขันกันในเรื่องเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาการละครของอาจารย์เพี้ยน ที่ถ้าเธอได้ A วิชานี้แล้วละก็ เธอจะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และได้ทุนไปทำปริญญาโทต่ออย่างแน่นอน แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะปรัชญาการละครของ ดร.เพียรทิพย์ คือ “ศิลปะ (การละคร) เพื่อชีวิต” เพื่อการเข้าถึงบทบาทคนใช้ในละคร ทำให้เอมิกาต้องปลอมตัวไปเป็นคนใช้ และมันก็นำมาซึ่งเรื่องราววุ่นวายต่าง ๆ นานา
เรื่องย่อ : สวรรค์เบี่ยง (2531/1988) ลีลา พี่สาวของนาริน กำลังจะแต่งงานอีกไม่กี่วัน แต่โชคร้าย ประสบอุบัติเหตุพร้อมว่าที่สามี ทำให้แฟนต้องเสียชีวิต แต่ลีลามีชีวิตรอด สำหรับคู่กรณีจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ คือ คิด วรวัตต์ โดยครั้งนี้เป็นเหตุ ให้แม่ของพระเอกเสียชีวิตด้วยเช่นกัน คิดช่วยเหลือลีลาเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้ พร้อมกับดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจของลีลาทุกอย่าง จนทำให้เกิดความรักในตัวลีลา และขอลีลาแต่งงาน ขณะที่ลีลาแม้จะไม่ได้รักคิด แต่ก็ยอมแต่งด้วย และเมื่อทราบว่าคิดมีลูกชาย คือ คาวี เธอต้องการแก้แค้นคาวี คนที่เธอเคยลุ่มหลง เมื่อครั้งอยู่ในวัยสาว แต่ถูกคาวีตอบแทนด้วยกิริยาเย่อหยิ่ง เพราะสมัยก่อนบ้านของครอบครัวลีลา เคยเช่าบ้านอยู่ในละแวกเดียวกับบ้านเศรษฐีของคิด และมีศุภจิตเพื่อนคนเดียวของคาวีเป็นผู้แนะนำ คิดให้ลีลาพาครอบครัวมาอยู่ในบ้านด้วยกัน ลีลาจึงพาน้องสาว นาริน เริ่มฤกษ์ น้องชาย และมารดา มาอยู่ด้วย ทำให้คาวีซึ่งไม่เห็นด้วย กับการที่พ่อแต่งงานใหม่อยู่แล้วโกรธมาก ยิ่งเมื่อรู้ว่าแม่เลี้ยงคนใหม่อายุน้อยกว่าตน และเป็นลีลาด้วย ยิ่งพาลเกลียดครอบครัวลีลา เขาทะเลาะกับพ่อบ่อย จนกระทั่งวันหนึ่งคิดเครียดจัดที่ทะเลาะกับคาวี ถึงกับช็อคและหัวใจล้มเหลวเสียชีวิต คาวีเสียใจมากที่เป็นต้นเหตุ ให้บิดาที่รักเขาที่สุดต้องจากไป หลังงานศพคิด มีการเปิดพินัยกรรมแบ่งสมบัติให้ลีลาและคาวีคนละครึ่ง แต่คิดก็ได้ซ่อนอุบายในครั้งนี้ไว้อย่างแยบคาย คือบ้านวรวัตต์ที่แบ่งคนละครึ่งแต่ห้ามแบ่งขายเด็ดขาด ลีลาตกลงแบ่งการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านกับคาวี และแยกกันอยู่ แต่ลีลาซึ่งทั้งรักทั้งเกลียดคาวี ก็ยังคอยเหน็บแนมต่อว่าปะทะคารมกับคาวีเรื่องคิดอยู่เสมอ ส่วนคาวีซึ่งเกลียดแม่เลี้ยงทุกคน เพราะรู้สึกว่ามาแย่งความรักจากพ่อไป มักจะต่อว่าลีลาเรื่องสมบัติของแม่ที่ลีลาเอาไปใช้ พูดจาเสียดสีลีลาตลอดเวลา คาวีได้พบกับนารินเมื่ออยู่ในบ้านเดียวกัน เมื่อทะเลาะกับลีลา ความโกรธทำให้เขามาลงกับนารินอยู่บ่อยครั้ง ด้วยความสวยและมีเสน่ห์แบบยิ่งพิศยิ่งงาม การพูดจาฉะฉาน คมในฝัก ทำให้ชายหนุ่มหลงรักนารินโดยไม่รู้ตัว เขาแอบหึงหวงนาริน เพราะภวันต์ มาติดพันนาริน คาวีและนารินปะทะคารมกันหลายครั้ง หญิงสาวยั่วโมโหเขา และตัวเขาเองก็ต้องการเอาชนะ เมื่อสบโอกาสในวันหนึ่ง ที่ลีลาไปเยี่ยมพี่ชายที่ต่างจังหวัดกับมารดา น้องชายนารินกลับดึก นารินทำให้คาวีโมโหและหึงที่มีท่าทีใกล้ชิดกับภวันต์ เมื่ออารมณ์หึงถึงขีดสุด เขาจึงทำให้นารินตกเป็นของเขาในคืนนั้นเอง นารินอัปยศอดสูจนไม่กล้าอยู่สู้หน้าพี่สาว จึงย้ายออกไปเช่าบ้านเอง และต่อมาก็ตั้งท้อง ลีลาออกตามหาน้องจนพบ แต่นารินบอกแต่ว่าเกลียดคาวีจึงออกมา คาวีตามไปพบจนรู้ว่านารินจะมีลูกกับเขา ก็รู้สึกผิดและคิดถึงสิ่งที่เขาทำกับพ่อ จึงตามนารินไปทุกที่ กลับตัวเป็นคนดี คอยเอาอกเอาใจนารินจนคลอด แต่นารินใจเเข็งจนถึงที่สุด แต่สุดท้ายก็ยอมกลับบ้านและดีกับคาวีเพราะลูกไม่สบาย ส่วนคาวีก็ยอมพูดดีกับลีลา เพราะอยากให้ลีลาช่วยเรื่องนาริน ทุกคนจึงกลับมาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในบ้านวรวัตต์
เรื่องย่อ : อีสา-รวีช่วงโชติ (2531/1988) อีสาเป็นลูกของทาสชื่อ อีเสาร์ อาศัยอยู่ในวัง"รวีวาร" ซึ่งมีหม่อมเจ้าโชติช่วงระวีกับชายา ชื่อหม่อมพริ้ม เมื่ออีเสาร์ คลอดอีสา อีเสาร์ก็ตาย ก่อนตายได้ฝากอีสาให้ ยายเจิม แม่ครัวในวังเลี้ยงดู ยายเจิมเลี้ยงอีสาอย่างดี จนเติบโตเป็นสาวสวย ถึงขนาด มจ.โชติช่วงระวี ยังเสด็จมาหาที่วัง จนอีสาคลอดลูกชายมา 1 คน มจ.โชติ ช่วงระวี รวีวารมีชายาหรือหม่อม4 คน (ไม่นับอีสา) ได้แก่ หม่อมพริ้ม หม่อมนิ่ม หม่อมน้อย และหม่อมลำดวน หม่อมพริ้มมีลูกสาว 3 คนอีก 3 หม่อม ไม่มีลูก หม่อมนิ่ม เนื่องจากไม่มีลูก จึงอยากได้ลูกอีสามาเลี้ยง หม่อมพริ้ม เนื่องจากมีลูกเป็นหญิงทั้ง 3 คน จึงต้องการลูกอีสาซึ่งเป็นลูกชายมาเลี้ยง สองหม่อมจึงแย่งลูกอีสาอีสาตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้ใคร หม่อมพริ้ม ถือสิทธิ์ว่าเป็นหม่อมใหญ่จึงได้ลูกอีสาไปเลี้ยง ทำให้หม่อมนิ่มแค้นใจมากมีอยู่วันหนึ่งอีสาได้มีโอกาสไปดูละครชาตรี (ละครที่เล่นกันกลางแจ้งทั่วไป) จึงขอสมัครเล่นบ้าง เผอิญมีดาราละครร้องมาพบเข้าจึงพาไปเป็นนางเอก โด่งดังไปทั่วในชื่อ อุษา พอดีอีสาพบหม่อมพริ้มเข้าที่โรงละคร จึงขอลาออก ต่อมา อีสามีโอกาสได้พบกับวิทย์นักไวโอลิน วิทย์ชวนอีสาไปแสดงละครให้พวกญี่ปุ่น อีสาเริ่มสนิทสนมกับวิทย์ ทำให้คุณหญิงเบาใจลงบ้าง แต่ทำให้สมศักดิ์หึงอย่างรุนแรง ดื่มเหล้าทุกคืน และเริ่มมีปากเสียงกับคุณหญิง อีสาเจอคุณสมศักดิ์ครั้งแรก คุณหญิงโสภาถักผ้าเช็ดหน้าให้สมศักดิ์ อีสาทะเลาะกับยายเจิม อีก ไม่นาน อีสาก็ตั้งท้องคนที่ 2 มจ.โชติช่วงระวีถึงแก่กรรม(ไม่รู้ราชาศัพท์) เรือนทั้งหมดโดนพระคลังข้างที่ยึดให้เป็นบ้านเช่าเพราะม.จ.ฯ ทรงจำนองไว้ยกเว้นพื้นที่ตำหนักใหญ่ หม่อมทุกคน ยกเว้นหม่อมพริ้มจึงต้องโดนไล่ออกไป มีคนมาเช่ามากมาย หนึ่งในนั้นคือ สมศักดิ์ ผู้ที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้น สมศักดิ์เป็นคนรูปหล่อ คมเข้ม ทำให้หญิงที่เห็นแอบหลงรัก รวมทั้งคุณหญิงโสภา ลูกสาวหม่อมพริ้ม และ อีสา อีสาชอบมาคุยกับสมศักดิ์ทำให้สนิทสนมกัน ส่วนสมศักดิ์ก็มาแอบดูคุณหญิงโสภานั่งรถไปเรียนทุกวัน คุณหญิงจึงมีใจให้ ถักผ้า ส่งจดหมายให้สมศักดิ์ โดยผ่านอีสาซึ่งหม่อมพริ้มสั่งให้รับใช้คุณหญิงอย่างใกล้ชิด อีสาแอบเปิดซองอ่านทุกครั้ง แต่ก็ต้องเก็บไว้ในใจทั้งที่เจ็บปวดมาก ต่อมาคุณหญิงโสภารู้มาว่า หม่อมพริ้มจะบังคับให้ตนแต่งงานกับคนอื่น ซึ่งตนไม่ได้รัก อีสาจึงแนะนำให้คุณหญิงหนีออกจากวัง และทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น คุณหญิงอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมากแต่ก็ต้องหนีเพราะรัก เมื่อหม่อมพริ้มรู้ว่าคุณหญิงโสภาได้หนีออกไปแล้ว จึงตัดแม่ตัดลูก อีสากับสมศักดิ์ภาคุณหญิงหนีออกจากวัง สมศักดิ์แอบลงมาหาอีสา อีสาไปเล่นละครร้อง สม ศักดิ์ คุณหญิงฯ และอีสา ไปพักอยู่ที่บ้านของพี่ชายสมศักดิ์ คุณหญิงไม่ค่อยชอบพี่ชายของสมศักดิ์ จึงได้ย้ายบ้านไปอยู่อีกละแวกหนึ่งคุณหญิงไม่ยอมมีอะไรกับคุณสมศักดิ์ สมศักดิ์จึงแอบลงมาหาอีสาตอนกลางคืนแทบทุกคืน อีสาก็สองใจ ใจหนึ่งก็รักและสงสารคุณหญิง อีกใจหนึ่งก็ใคร่รักสมศักดิ์ คุณหญิงเริ่มระแคะระคายแต่ไม่ได้พูดอะไร ต่อมาไม่นานอีสาก็คลอดลูกของ มจ.โชตช่วงระวี ที่ติดท้องอยู่ ปรากฏว่าเป็นลูกสาว คุณหญิงฯขอลูกสาวอีสาไปเป็นลูกของตน โดยให้อีสาเป็นป้าเท่านั้น คุณหญิงตั้งชื่อให้คล้องกันตนที่ชื่อ โสภาพรรณวดี ว่า โสภิตพิไล ย้อน กลับไปตอนไปทำคลอดที่โรงพยาบาล อีสาได้รู้จักกับแป้นหญิงวัยทองที่มีลูกหลง มาคลอดอยู่เตียงข้าง ๆ กัน แป้นชวนให้อีสามาอยู่ด้วยกัน อีสาจึงให้สมศักดิ์ คุณหญิง และโสภิตไปอยู่บ้านแป้น ส่วนอีสายังคงอยู่บ้านเดิมเพราะต้องเดินทางไปเล่นละคร สมศักดิ์โกหกคุณหญิงว่าจะต้องไปกินเลี้ยงกับพวกญี่ปุ่นจะไม่กลับตอนกลางคืน พอดีในคืนนั้น มีการทิ้งระเบิดอย่างหนัก คุณหญิงเป็นห่วงอีสา จึงได้ลงเรือไปหาอีสา ก็ได้ไปพบสมศักดิ์อยู่กับอีสาที่บ้านเก่า คุณหญิงโกรธมาก และตัดสินใจกระโดดน้ำตาย อีสาเสียใจมาก ตัดเยื่อใยสมศักดิ์ สมศักดิ์กินเหล้าหนักขึ้น จนไม่มีเรี่ยวแรงพลัดตกน้ำตายตามคุณหญิงไป จบ เรื่องราวทั้งหมด อีสาแต่งงานกับวิทย์ และได้ไปแอบพบกับนายทหารญี่ปุ่น เมื่อสงครามยุติลง ก่อนนายทหาร ฯ จะกลับญี่ปุ่นได้มอบทองคำแท่งให้อีสาไว้ 1 หีบ (คงมีประมาณ 50 กว่าแท่ง) อีสานำไปแบ่งให้วิทย์เล็กน้อย และไม่กลับไปหาวิทย์อีกเลย และนำทองคำแท่งไปขายได้เงินมามากมาย หลายปี ต่อมา อีสากลายเป็นคนร่ำรวย มีบ้านส่วนตัว และมีแต่คนรู้จักในนาม "อุษาวดี" เปิดไนท์คลับ และมีลูกน้องคนสนิท(มาก) ชื่อ ประธาน ส่วนแป้น ลูกสาวก็ออกเรือน(แต่งงาน) และย้ายไปบ้านสามี แป้นจึงมาอยู่กับอีสา โสภิตก็เรียนจบชั้น ม.6 แต่ไม่ได้เรียนต่อชั้นอุดมศึกษา(มหาวิทยาลัย) โสภิตไม่ค่อยชอบป้าอุษามากนัก เพราะคิดว่าป้าอุษาสำส่อนกับประธาน และ เรื่องราวที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คือ อีสาได้พบกับ มรว.ระวีช่วงโชติ (ต่อไปจะเรียก ชายระวี) บุตรชายของตน อีสาไม่ได้บอกใครนอกจากแป้น แป้นจะรู้เรื่องราวในอดีตต่าง ๆ ของอีสาทั้งหมด ชายระวีได้มีโอกาสพบกับโสภิต ทั้งสองเริ่มสนิทสนมกันโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกัน หญิงจันทร์จิรา เพื่อนของชายระวี ที่หม่อมพริ้มวางตัวให้เป็นเจ้าสาว ไม่พอใจที่ชายระวีไปยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นที่ไม่มีสกุลรุนชาติ จึงรายงานหม่อมพริ้ม หม่อมพริ้มจึงให้สืบประวัติของโสภิต และในที่สุดก็รู้ว่า โสภิตเป็นหลานของอีสา หม่อมพริ้มไปพบอีสา ได้สั่งอีสาว่า ห้ามบอกกับชายระวีว่าใครเป็นแม่ที่แท้จริง และหม่อมพริ้มรู้แต่เพียงว่า โสภิตเป็นลูกของหญิงโสภา จึงถือว่าชายระวีเป็นน้าของโสภิต จึงสั่งไม่ให้น้า-หลาน(ชายระวี-โสภิต) ได้พบกัน แต่ก็ไม่สำเร็จ ในขณะเดียวกันประธานได้แอบเข้าไปปลุกปล้ำโสภิต อีสาโกรธมากจึงยิงประธาน "ตาย" อีสาโดนตำรวจจับ แต่ก็รอดพ้นมาได้ด้วยการให้ปากคำที่เป็นเท็จของโสภิต อีสาจึงไปต่อรองกับหม่อมพริ้ม ให้รับโสภิตเป็นหลาน ในที่สุดหม่อมพริ้มก็ยอม แต่หม่อมพริ้มได้เล่าเรื่องราวของอีสาในอดีตให้ชายระวีฟัง ชายระวีจึงเริ่มออกห่างอีสา เมื่อชายระวีรับโสภิตไปแล้วก็ไม่ค่อยได้มาเยี่ยม ทำให้อีสาคิดมาก อีสามีแต่ความทุกข์ระทมใจ พยายามจะฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ อีสาได้ไปหายายเจิม ผู้ที่เลี้ยงอีสาในยามเด็ก ยายเจิมดุด่าอีสา อีสาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง เรื่องโสภิตเป็นลูกของตน และสั่งไม่ให้ยายเจิมบอกใคร อีสาคิดว่าชายระวีกับโสภิต คงจะรังเกียจตนมาก จึงตัดสินใจบวชชี หม่อมพริ้มได้พาลูกทั้งสองของอีสามากราบอีสา และไม่ได้บอกความจริงให้ทั้งสองได้ทราบ
แผลเก่า (2531/1988) ปี พ.ศ. 2479 ณ ท้องทุ่งบางกะปิ ไอ้ขวัญลูกผู้ใหญ่เขียน หนุ่มเลือดนักเลงรูปงามมีเพื่อนสนิท คือ ไอ้เฉ่ง ไอ้เยื้อน ไอ้สมิง ไอ้เปีย ผู้ใหญ่เขียนรักไอ้ขวัญมากจึงไม่คิดที่จะมีเมืยใหม่ แล้วความวุ่นวายก็เกิดขึ้นเมื่อ นายเรืองและไอ้เริญ รุกล้ำที่นาของผู้ใหญ่เขียนและเกิดเป็นคดีความขึ้น แต่นายเรืองแพ้จึงประกาศตัวเป็นศัตรูกับผู้ใหญ่เขียน แต่เหมือนเป็นกรรมเก่าที่ทำร่วมกันมา เพราะขวัญเกิดไปชอบพอกับเรียม ลูกสาวนายเรือง ซึ่งมีหนุ่มมารุมรักมากมาย รวมถึงไอ้จ้อยเศรษฐีมีเงิน ขวัญกับเรียมแอบนัดพบกันเสมอ ความรักของทั้งสองยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นจนทั้งคู่แอบมีอะไรกัน ขวัญพร่ำบอกว่ารักเรียมเท่าชีวิต แต่เรียมนั้นไม่แน่ใจจึงพาขวัญไปสาบานต่อหน้าศาลเจ้าพ่อไทร ขวัญโกรธที่เรียมไม่เชื่อใจจึงเอามีดกรีดแขนตัวเอง เพื่อใช้เลือดเป็นเครื่องยืนยันความรัก ทั้งคู่สาบานรักกันต่อหน้าศาลเจ้าพ่อไทรว่าจะซื่อสัตย์ต่อกันตลอดไป จ้อยเห็นขวัญกับเรียมอยู่ด้วยกันจึงถึบหน้าขวัญอย่างจัง ไอ้เริญได้ใช้ดาบฟันที่กกหูขวัญเป็นแผล ขวัญจะฆ่าจ้อยแต่เรียมขอเอาไว้ อีกอย่างนายเรืองอนุญาตให้ขวัญยกขันหมากมาสู่ขอเรืยม ซึ่งสร้างความหวังให้กับทั้งคู่เป็นอย่างมาก แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่หวัง เมื่อไอ้เริญและนางรวยเป่าหูนายเรืองให้กันขวัญออกจากเรียมแล้วยกให้ไอ้จ้อย เพื่อยกฐานะให้กับตนเอง เรียมถูกขายให้คุณนายทองคำที่บางกอก ขวัญจึงออกไปตามหาที่บางกอกแต่ไม่เจอ ไอ้ขวัญแทบคลั่ง ด้วยความเป็นห่วงลูกชาย ผู้ใหญ่เขียนแอบเก็บเงินเพื่อช่วยไถ่ตัวเรียมอีกแรง ขวัญคลั่งหนักเมื่อรู้ข่าวว่าไอ้จ้อยจะไปไถ่ตัวเรียมเพื่อมาแต่งงาน ผู้ใหญ่เขึยนจึงไปกราบเท้านายเรืองให้ขวัญมีสิทธิ์ไถ่ถอนตัวเรียมมาแต่งงาน นายเรืองรับกราบ ขวัญเร่งทำงานหาเงินเพื่อไถ่ตัวเรียม เรียมอยู่ที่บางกอกในฐานะทาสรับใช้แต่คุณนายทองคำเอ็นดูเรียมเพราะหน้าคล้าย ลูกสาวที่ตายไป จึงรับเป็นลูกบุญธรรม โดยซื้อจากนายเรือง นายเรืองบอกให้ขวัญนำเงินไปไถ่ถอนเรียมเอง แต่แล้วขวัญก็ต้องคลั่งอีกครั้งเมื่อรู้ว่านายเรืองได้ขายเรียมให้กับคุณนาย ทองคำไปแล้ว แต่ขวัญยังเชื่อในคำสาบานว่าเรียมจะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันผู้ใหญ่เขียนเห็น ว่าน่าจะให้ขวัญบวชจะได้ทำให้ขวัญสงบลง ฝ่ายเรียมเมื่อขยับขึ้นมาเป็นลูกบุญธรรม ชีวิตก็เปลี่ยนไป สมชายอดีตคู่หมั้นของลูกสาวคุณนายทองคำสนใจเรียมแล้วทั้งสองคนก็ใช้ความ ศิวิไลซ์ของบางกอกมัดใจเรียม เรียมพอใจกับความเป็นอยู่หรูหรา เริ่มมองว่าสมชายรักจริง และเริ่มมองขวัญเป็นเพียงพวกป่าเถื่อนด้อยพัฒนา ส่วนขวัญเฝ้าเวียนวนภาวนาต่อหน้าศาลเจ้าพ่อไทร ให้ดลใจให้เรียมนึกถึงคำสัญญา แล้วคำภาวนาก็สัมฤทธิ์ผลเมื่อนางรวยป่วย เรียมต้องกลับมาเยี่ยม ขวัญดีใจรีบไปหาเรียม แต่ต้องผิดหวังเมื่อเรียมดูสูงส่งไม่เหมือนเรียมคนเดิม และเรียมได้หนีขวัญกลับบางกอกทั้งที่สัญญาว่าจะมาพบในตอนกลางคืน ขวัญเสียใจมากจะฆ่าาตัวตายต่อหน้าศาลเจ้าพ่อไทร แต่ผู้ใหญ่เขียนมาขวางไว้ ผู้ใหญ่เขียนได้โอกาสตอนที่ขวัญกำลังซมซานจึงพูดเรื่องที่จะให้ขวัญบวช ขวัญก็เออออตามพ่อ เพราะกำลังสับสน เช่นเดียวกับเรียมที่ตอบตกลงแต่งงานกับสมชายเพราะกำลังสับสน จนนางรวยเจ็บหน้าอกอีกครั้ง ทำให้เรียมต้องกลับมาดูแลแม่ ช่วงเวลา 3 วันที่อยู่บางกะปิ เรียมตัดสินใจคืนดีกับขวัญ ทั้งคู่ร่าเริงเหมือนปลาได้น้ำ แต่เรียมไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้ นอกจากคุณนายทองคำคนเดียว เวลาผ่านมาถึงวันที่ 4 นางรวยตาย หลังจากเสร็จงานศพ สมชายก็ตามเรียมกลับบางกอกเพราะคุณนายทองคำป่วย เรียมจำใจต้องกลับทั้งที่วันนี้เป็นวันบวชของขวัญ เรียมตั้งใจจะกลับไปบอกคุณนายทองคำว่าเป็นเมืยขวัญ และจะไม่แต่งงานกับสมชาย แต่เรียมไม่มีโอกาสที่จะไปบอกขวัญถึงการจากไปครั้งนี้ ที่บ้านผู้ใหญ่เขียนกำลังเตรียมงานบวชโดยที่ไม่รู้เลยว่างานบวชวันนี้จะ เป็นงานศพแทน ขวัญเมื่อรู้เรื่องว่าเรียมจะไปบางกอกถึงกับสติแตกคว้ามีดซุยคู่ใจโดดออกจาก เรีอน สมชายให้เรียมพาไปเที่ยวท้องนา เรียมตัดสินใจบอกว่าขวัญเป็นหนึ่งในดวงใจและจะไม่แต่งงานกับสมชาย แต่เขาไม่บังคับเพราะต้องการสมบัติของคุณนายทองคำอย่างเดียว ขวัญมาพบการพูดคุยกัน ทำให้ขวัญเข้าใจผิดคิดว่าเรียมจะหนีไอ้ขวัญไปชั่วชีวิต ขวัญคลั่งทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้ารวมทั้งฆ่าไอ้เริญกับสมุนตาย เรียมไม่คิดว่าเรื่องดีจะกลายเป็นเรื่องเลวร้าย เพราะไอ้ขวัญยอดรักถูกสมชายยิงตายไปต่อหน้า ตายไปพร้อมกับความเข้าใจผิดคิดว่าเรียมนอกใจ ทางด้านผู้ใหญ่เขียนวิ่งถือผ้าไตรและเครื่องบวชตามไอ้ขวัญมา ในขณะที่กระสุนปืนพุ่งใส่ร่างของไอ้ขวัญ ผู้ใหญ่เขียนสะดุดรากไม้ล้มลงพร้อมผ้าไตรและเครื่องบวช ผู้ใหญ่รู้ทันทีว่าไอ้ขวัญไม่มีวันกลับมาเป็นลูกชายของเขาอีก ทำได้แต่ก้มหน้าลงร้องไห้จนสิ้นสติไป เรียมตัดสินใจจะเป็นเมียไอ้ขวัญเพียงคนเดียวชั่วชีวิต จึงตัดสินใจใช้มึดแทงตัวตายตามไอ้ขวัญไป ณ ท้องน้ำอันเป็นที่เริงรักของทั้งคู่ ท้องน้ำที่ไหลสู่ศาลเจ้าพ่อไทร สถานที่ที่ทั้งคู่เคยร่วมสาบานรักกันตราบจนกว่าความตายจะมาพรากทั้งคู่จาก กันไป
ปราสาทมืด (2531/1988) หม่อมเจ้าหญิงอุมารังษี ทะเลาะกับหม่อมอร ผู้เป็นมารดา เรื่องที่หม่อมอรจะลดตัวไปแต่งงานกับนายเม้ง คนไทยเชื้อสายจีน ท่านหญิงจึงเอาสร้อยเพชรที่เสด็จพ่อประทานให้ไปจำนำ เพื่อส่งเงินไปให้หม่อมเจ้าชายพงษ์อิศรา พี่ชายที่อังกฤษ และขอร้องไม่ให้พงษ์อิศรารับเงินจากหม่อมอร เพราะเป็นเงินของนายเม้ง พร้อมบอกข่าวที่เธอจะเดินทางไปเป็นครูที่ จ.เชียงใหม่ บนรถไฟ ภะรตที่ดูท่าทางไม่สนใจอุมารังษี ก็เอ่ยชวนอุมารังษีไปทานข้าวที่ห้องอาหารรถไฟ ระหว่างนั้นภะรตรู้ว่าอุมารังษีจะไปเป็นครูที่เชียงใหม่แต่ยังไม่มีจุดหมาย แน่นอน จึงเอ่ยชวนเธอไปทำงาน เป็นครูพี่เลี้ยงให้น้องสาวพิการและเป็นใบ้ของเขา อุมารังษีตอบตกลงเมื่อภะรตให้ปืนไว้แก่เธอ และบอกสามารถยิงเขาได้ทุกเมื่อ ถ้าคิดว่าเขาไปปลอดภัยแก่ตัวเธอ โดยเธอบอกเพียงว่าชื่อ อุมา เมื่อถึงปราสาทกลางป่าลึก อุมารังษีตะลึงกับความโอ่อ่า สวยงาม ขึ้นขั้นนอนไม่หลับ รุ่นเช้าอีกวันเธอจึงตื่นสาย และลงมาที่โต๊ะอาหารช้า ป้าแช่มซึ่งเป็นแม่บ้าน เหน็บแนมอุมารังษีทันที บนโต๊ะอาหารภะรตสั่งให้กัญญาเปลี่ยนห้องนอนกับอุมารังษี กัญญาไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ หลังจากนั้นอุมารังษีตามภะรตเข้ามาห้องนั่งเล่น จึงได้พบกับคุณแจ๋ว อุมารังษีถูกชะตาทันที คืนหนึ่งอุมารังษีนอนไม่หลับ เธอได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่ง จึงตัดสินใจออกไปดู ทำให้เธอพบกับภะรตที่ท่าทางเหมือนกำลังออกไปไหน อุมารังษีตัดสินใจสะกดรอยตาม ภะรตรู้ตัวว่าอุมารังษีตามมา เลยหยุดไม่ไปต่อพร้อมดักตัวอุมารังษีไว้ และบอกไม่ได้ยินเสียงอะไร ภะรตไปส่งเธอยังห้องนอนและกำชับห้ามไม่ให้พะวงกับสิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัว เธอ อุมารังษีสงสัยมาก แต่ก็กลับเข้าห้องนอนตามที่ภะรตสั่ง วันต่อมา นายชดหลอกอุมารังษีมาที่กระท่อมกลางป่าของแม่ทิพ โดยเมื่อแม่ทิพเห็นอุมารังษีก็ตรงเข้าทำร้ายบีบคอทันที อุมารังษีกลัวมากแต่ก็พยายามช่วยเหลือตัวเอง จนภะรตที่ตามมาช่วยไว้ได้ทัน พร้อมย้ำให้อุมารังษีเลิกสงสัยในทุกเรื่อง
ตะรุเตา (2531/1988) ตะรุเตา เป็นเรื่องราวของเอื้อย นักโทษการเมือง ที่ต้องย้ายจากบางขวางไปอยู่เกาะตะรุเตา ซึ่งที่นั่นต้องพบกับความยากลำบากต่างๆ มากมาย จากผู้คุม และเหล่านักโทษด้วยกัน
ตุ๊กตาผี (2531/1988) เมื่อเด็กหญิงที่ถูกจับมาใช้แรงงานทำตุ๊กตาถูกทรมานปางตาย เธอโหยหาอิสรภาพและต้องการกลับบ้าน จึงส่งจิตของเธอไปกับตุ๊กตาที่เธอทำเพื่อขอความช่วยเหลือ จนทำให้เด็กที่ครอบครองตุ๊กตาตัวนี้ทั้งสองคนจากสองครอบครัว มีพฤติกรรมแปลกๆ และเกิดเรื่องลี้ลับมากมาย แม่และอาหนุ่มของเด็กทั้งสองต้องช่วยกันแก้ปัญหา นำมาซึ่งการทลายโรงงานนรกและช่วยเด็กๆในโรงงานได้หลายคน ยกเว้นเด็กเจ้าของดวงจิตดวงนั้นที่ได้กลับบ้านเพียงร่างที่ไร้วิญญาณ