2546
สี่แผ่นดิน (2546/2003) พลอยเกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาของ พลอย ชื่อ พระยาพิพิธ ฯ มารดา ชื่อ แช่ม เป็นเอกภรรยาของพระยาพิพิธ ฯ แต่ไม่ใช่ฐานะคุณหญิง เพราะคุณหญิงท่าน ชื่อ เอื้อม เป็นคนอัมพวา ได้กลับไปอยู่บ้านเดิมของท่านเสียตั้งแต่ก่อนพลอยเกิด เหลืออยู่แต่บุตรของคุณหญิง 3 คน อยู่ในบ้าน คือ คุณอุ่น พี่สาวใหญ่ อายุ 19 ปี คุณชิดพี่ชายคนรอง อายุ 16 ปี คุณเชย พี่สาวคนเล็กแต่แก่กว่าพลอย 2 ปี พลอยมีพี่ชายร่วมมารดาหนึ่งคน ชื่อ เพิ่ม อายุ 12 ปี และมีน้องสาวคนละมารดาซึ่งเกิดจากแวว ภรรยาคนรองจาก แม่แช่ม ชื่อ หวาน อายุ 8 ปี ในบรรดาพี่น้องร่วมบิดา พลอยจะคุ้นเคยกับคุณเชยเป็นพิเศษ เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ส่วนคุณอุ่นพี่สาวใหญ่นั้น พลอยเห็นว่าเป็นผู้ที่น่าเกรงขาม เพราะเธออยู่บนตึกร่วมกับเจ้าคุณพ่อ ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไว้วางใจว่าเป็นลูกสาวใหญ่ จึงให้ถือกุญแจแต่ผู้เดียว และจัดการกับการจับจ่ายใช้สอยทุกอย่างภายในบ้าน ส่วนคุณชิดและพ่อเพิ่ม พลอยเกือบจะไม่รู้จักเสียเลยเพราะคุณชิดไม่ค่อยอยู่บ้าน และพ่อเพิ่มนั้นดูจะสวามิภักดิ์คุณชิดมากกว่าพี่น้องคนอื่น ซึ่งพ่อเพิ่มต้องแอบไปมาหาสู่มิให้แม่แช่มเห็นเพราะถ้าแม่แช่มรู้ทีไรเป็นเฆี่ยนทุกที ส่วนหวานน้องคนละแม่ยังเด็กเกินไปที่พลอยจะให้ความสนใจเจ้าคุณพ่อได้ปลูกเรือนหลังหนึ่งให้แม่แช่มกับลูก ๆ อยู่ใกล้กับตัวตึกในบริเวณบ้าน มีบ่าวซึ่งแม่แช่มช่วยมาไว้ใช้ทำงานบ้านต่าง ๆ ชื่อ นางพิศ ตั้งแต่พลอยจำความได้จนถึงอายุ 10 ขวบ พลอยมีความรู้สึกว่า แม่และคุณอุ่นมีเรื่องตึง ๆ กันอยู่เสมอ ซึ่งก่อนที่แม่พลอยจะออกจากบ้าน พลอยสังเกตเห็นว่ามีความตึงเครียดระหว่างแม่และคุณอุ่นมากกว่าปกติ จนกระทั่งคืนหนึ่งแม่ได้เข้ามาปลุกพลอยแล้วบอกว่าจะเอาพลอยไปถวายตัวกับเสด็จ ส่วนพ่อเพิ่มเจ้าคุณพ่อไม่ยอมให้เอาไป คืนนั้นแม่เก็บของอยู่กับนางพิศทั้งคืน พอรุ่งสางแม่ให้นางพิศขนของไปไว้ที่ศาลาท่าน้ำ และให้พลอยไปกราบลาเจ้าคุณพ่อ เมื่อพลอยลาเจ้าคุณพ่อเสร็จแล้วก็เดินมาที่ศาลาท่าน้ำ เพื่อลงเรือโดยมีพ่อเพิ่มนั่งร้องไห้อยู่ที่ศาลาท่าน้ำ พอเรือแล่นออกไป พลอยก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เห็น จนกระทั่งมาถึงที่ท่าพระ แม่แช่มก็พาพลอยขึ้นจากเรือแล้วเดินเลาะกำแพงวังไปสักครู่หนึ่งก็เลี้ยวเข้าประตูชั้นนอก พลอยนั้นตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น เพราะภายในบริเวณวังนั้นเต็มไปด้วยตึกใหญ่โตมหึมา ผู้คนยักเยียดเบียดเสียดกันตลอด แล้วเดินเลาะกำแพงวังไปจนของที่วางขายก็มีมากมาย พอมาถึงกำแพงสูงทึบอีกชั้นหนึ่ง จะมีประตูบานใหญ่เปิดกว้างอยู่ คนที่เดินเข้าออกประตูล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น แม่แช่มเดินข้ามธรณีประตูเข้าไปข้างในแล้ว แต่พลอยเดินข้ามธรณีประตูด้วยความพะว้าพะวัง จึงทำให้เท้าที่ก้าวออกไปยืนอยู่บนธรณีประตู พลอยตกใจมากวิ่งร้องไห้ไปหาแม่แช่ม แม่แช่มจึงพาพลอยไปกราบที่ธรณีประตูเสียก็หมดเรื่องพลอยได้รู้มาทีหลังว่า หญิงที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูวังและดูแลความสงบเรียบร้อยในวังนั้น ชาววังทั่วไปเรียกกันว่า "โขลน" แม่แช่มพาพลอยเดินไปเรื่อย ๆ ผ่านที่ต่าง ๆ มากมาย ในที่สุดก็มาถึงตำหนักของเสด็จ แม่จะพาพลอยไปหาคุณสายก่อน ซึ่งเป็นข้าหลวงก้นตำหนักของเสด็จคุณสายเป็นข้าหลวงตั้งแต่เสด็จท่านยังทรงพระเยาว์ เสด็จจึงมอบให้คุณสายช่วยดูแลกิจการส่วนพระองค์ทุกอย่าง และดูแลว่ากล่าวข้าหลวงทุกคนในตำหนัก เมื่อพลอยได้พบกับคุณสายแล้ว พลอยก็รู้สึกว่าคุณสายเป็นคนใจดีมาก ไม่ถือตัวว่าเป็นคนโปรดของเสด็จ และยังคอยช่วยเหลือข้าหลวงตำหนักเดียวกันเสมอ คุณสายหาข้าวหาปลาให้แม่แช่มกับพลอยกิน แล้วคุณสายก็จัดการเย็บกระทงดอกไม้เพื่อให้พลอยนำไปถวายตัวกับเสด็จ เมื่อพลอยถวายตัวกับเสด็จเสร็จแล้ว คุณสายก็แนะนำให้พลอยรู้จักกับช้อย ซึ่งเป็นหลานของคุณสาย ช้อยอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพลอย ช้อยเป็นลูกของพี่ชายของคุณสาย ชื่อ นพ มียศเป็นคุณหลวง แม่ของช้อย ชื่อ ชั้น ช้อยมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ชื่อ เนื่อง ช้อยนั้นเป็นเด็กที่ซุกซนและมีเพื่อนฝูงมาก พลอยจึงเข้ากับช้อยได้ดีทีเดียว พลอยอยู่ในวังได้หลายวันแล้ว ก็ได้รับความรู้ใหม่ ๆ ได้เห็นของใหม่ ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด คุณสายให้พลอยเรียนหนังสือพร้อมกับช้อย และคุณสายก็ได้สอนทำสิ่งต่าง ๆ ให้เสมอ เช่น การเจี่ยนหมากจีบพลูยาว ใส่เชี่ยนหมากเสวยของเสด็จ ตลอดจนดูแลเครื่องทรงต่าง ๆ ตอนกลางคืน คุณสายให้พลอยไปถวายงานพัดเสด็จตามปกติตอนกลางวันเป็นเวลาว่าง นอกจากคุณสายจะมีอะไรมาให้ทำเป็นพิเศษหรืออารมณ์ไม่ดี ซึ่งตอนกลางวันเป็นเวลาที่พลอยจะได้ติดตามช้อยออกไปเที่ยวนอกตำหนักไปหาเพื่อนฝูงหรือวิ่งเล่น ช้อยช่วยทำให้พลอยคลายเหงาและช่วยชักนำสิ่งที่น่าสนใจต่าง ๆ มาให้พบเห็นหรือได้รู้จักอยู่เสมอ ในที่สุดวันที่พลอยเฝ้าคอยด้วยความประหวั่นใจก็มาถึง เมื่อแม่แช่มจะออกจากวังและได้ทูลลาเสด็จแล้ว พลอยเสียใจอย่างมาก แต่เสด็จก็ทรงเมตตาพลอย ฝากให้คุณสายช่วยดูแลพลอย นอกจากนี้ยังมีช้อยที่คอยอยู่เป็นเพื่อนพลอย ทำให้พลอยรู้สึกดีขึ้น ในวันหนึ่งช้อยได้ชวนพลอยออกไปหาพ่อและพี่ชายของช้อย ซึ่งจะมาเยี่ยมทุกวันพระกลางเดือน ทำให้พลอยรู้สึกรักและผูกพันกับครอบครัวของช้อยไปโดยไม่รู้ตัว วันหนึ่งแม่แช่มได้มาเยี่ยมพลอยถึงในวังพร้อมกับของฝากมากมาย แม่บอกว่าแม่กำลังทำการค้าขายอยู่ที่ฉะเชิงเทรากับญาติห่าง ๆ ชื่อ ฉิม และต่อมาพลอย ก็รู้มาว่า แม่แช่มได้แต่งงานกับพ่อฉิมแล้ว ซึ่งแม่ก็ได้ตั้งท้องแล้ว คุณสายได้พาพลอยไปหาเจ้าคุณพ่อ เพื่อคุยเรื่องงานโกนจุกของพลอยที่เสด็จทรงเมตตาโกนจุกประทานให้ ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไม่ได้ขัดข้องงานโกนจุกนั้นจะจัดขึ้นที่บ้านของช้อย และทั้งพลอยและช้อยก็ได้โกนจุกพร้อมกัน เจ้าคุณพ่อของพลอยก็มาร่วมงานนี้ด้วย งานโกนจุกนั้นผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อคุณสาย พลอย และช้อย เดินทางกลับจากบ้านช้อยมาถึงตำหนักของเสด็จ เสด็จก็มีรับสั่งให้คุณสายขึ้นไปเฝ้าบนตำหนักทันที เสด็จจึงบอกเรื่องที่แม่แช่มตายแล้วที่ฉะเชิงเทรา และมอบภาระให้คุณสายเป็นผู้บอกพลอยให้ทราบ ห้าปีให้หลังจากวันที่แม่แช่มตาย พลอยก็ยังอยู่ที่ตำหนักของเสด็จ พลอยอายุได้ 15 ปีเศษแล้ว นับว่าเป็นสาวเต็มตัว และถ้าใครเห็นก็ต้องชมว่าสวยเกินที่คาดไว้ ส่วนช้อยเมื่อเป็นสาวแล้วก็ไม่ได้ทำให้นิสัยของช้อยเปลี่ยนไปได้เลย ช้อยยังคงเป็นคนสนุกสนานร่าเริง และมีความคิดเป็นของตนเองอย่างแต่ก่อน ซึ่งทั้งพลอยและช้อยได้สละความเป็นเด็กย่างเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ การที่พลอยสนิทสนมกับช้อย ทำให้พลอยนั้นสนิทกับครอบครัวของช้อยด้วย พี่เนื่องซึ่งเป็นพี่ชายของช้อยได้หลงรักพลอยเข้า จึงทำให้พี่เนื่องมักจะตามพ่อนพมาเยี่ยมช้อยกับพลอย เมื่อพี่เนื่องเรียนทหารจบ พี่เนื่องจึงเปิดเผยความรู้สึกที่มีกับพลอยทำให้พลอยเขินอายไม่กล้าที่จะเจอหน้าพี่เนื่องอีก พลอยหลบหน้าพี่เนื่องอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งพี่เนื่องถูกส่งตัวไปรับราชการที่นครสวรรค์ ทำให้พลอยยอมออกมาพบพี่เนื่องเพื่อร่ำลา พลอยจึงเตรียมผ้าแพรเพลาะที่พลอยเคยห่มนอนให้พี่เนื่อง ซึ่งพี่เนื่องได้ให้สัญญากับพลอยว่าจะกลับมาแต่งงานกับพลอย นอกจากครอบครัวของช้อยแล้ว ญาติของพลอยที่ยังติดต่อกับพลอยอยู่ก็คือพ่อเพิ่ม ซึ่งตอนนี้ได้รับราชการอยู่ที่กรมพระคลัง หอรัษฎากรพิพัฒน์ และคุณเชยซึ่งหลังจากที่พี่เนื่องไปนครสวรรค์ได้ไม่กี่วัน คุณเชยก็แวะมาเยี่ยมพลอยที่วัง ซึ่งขณะนั้นในพระบรมมหาราชวังก็จัดให้มีงานขึ้นที่สวนศิวาลัยพอดี ซึ่งงานนี้ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากประพาสยุโรป การจัดงานจึงเป็นไปตามแบบฝรั่ง พลอยจึงพาคุณเชยไปเที่ยวงานที่สวนศิวาลัย และในงานนี้เองทำให้พลอยได้พบกับ คุณเปรม ซึ่งคุณเปรมก็แอบมองพลอยตลอดเวลาจนทำให้พลอยรู้สึกไม่พอใจ หลังจากวันนั้นคุณเปรมก็ได้สืบเรื่องราวของพลอย จนรู้ว่าพลอยเป็นลูกสาวของพระยาพิพิธฯ มีพี่ชายก็คือ พ่อเพิ่ม คุณเปรมได้ทำความรู้จักกับพ่อเพิ่มจนกลายเป็นเพื่อนกัน ซึ่งพ่อเพิ่มพยายามจะแนะนำคุณเปรมให้กับพลอย แต่พลอยปฏิเสธและไม่สนใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง พลอยได้รับข่าวของพี่เนื่องมาว่า พี่เนื่องกำลังจะแต่งงานกับสมบุญ ลูกสาวแม่ค้าขายข้าวแกง พลอยรู้สึกเสียใจมาก แต่ก็สามารถทำใจได้ คุณเปรมได้พ่อเพิ่มช่วยเป็นพ่อสื่อให้ แต่พลอยก็ยังไม่สนใจคุณเปรม คุณเปรมจึงเข้าหาทางผู้ใหญ่ โดยให้พ่อเพิ่มพาไปเที่ยวที่บ้าน จึงได้พบกับพระยาพิพิธฯเจ้าคุณพ่อของพลอย และได้พูดคุยกันอย่างถูกคอ หลังจากนั้นไม่นานคุณอานุ้ยซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของคุณเปรมก็ได้มาทาบทามสู่ขอพลอยจากเจ้าคุณพ่อ ซึ่งท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธคุณเปรม และนำเรื่องมาปรึกษากับคุณสายให้คุณสายไปทูลถามเสด็จ เสด็จก็ทรงอนุญาต แต่พลอยนั้นกลับปฏิเสธการแต่งงาน เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี พลอยจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาช้อย ซึ่งช้อยนั้นอยากให้พลอยแต่งงานตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ เพราะช้อยเห็นว่าคุณเปรมนั้นรักพลอยจริง ๆ และอีกอย่างก็เพื่อให้พี่เนื่องรู้ว่า พลอยก็ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงทำให้พลอยตัดสินใจยอมแต่งงานกับคุณเปรมตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ เมื่อพลอยแต่งงานกับคุณเปรมแล้ว ก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านคลองพ่อยมซึ่งเป็นบ้านของคุณเปรม วันหนึ่งคุณเปรมพาพลอยไปพบกับตาอ้น ซึ่งเป็นลูกชายของคุณเปรมที่เกิดกับบ่าวในบ้านพลอยไม่ได้คิดโกรธคุณเปรมเลย และยังกลับนึกรักและเอ็นดูตาอ้น พลอยจึงขอคุณเปรมรับตาอ้นเป็นลูกของตน พลอยได้เลี้ยงดูตาอ้นเสมือนลูกของพลอยคนหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานพลอยก็ตั้งท้องตาอั้น ซึ่งเป็นผู้ชายและเป็นลูกคนแรกของพลอย แต่หลังจากพลอยคลอดตาอั้นได้ไม่นาน เจ้าคุณพ่อก็ตาย เมื่อสิ้นเจ้าคุณพ่อแล้ว คุณเชยก็ทนอยู่กับคุณอุ่นที่บ้านคลองบางหลวงไม่ได้ จึงตัดสินใจหนีตามหลวงโอสถไป ทำให้พลอยรู้สึกไม่สบายใจเลย เพราะเป็นห่วงคุณเชยเมื่อเสร็จงานศพของเจ้าคุณพ่อแล้ว พลอยจึงพาตาอั้นเข้าวังเพื่อไปถวายตัวต่อเสด็จ และขอประทานชื่อ เสด็จนั้นทรงตั้งชื่อให้ตาอั้นว่า ประพันธ์ พลอยจึงตั้งชื่อให้ตาอ้นว่า ประพนธ์ พอตาอั้นอายุได้ขวบกว่า ๆ พลอยก็ตั้งท้องลูกคนที่สอง แต่ช่วงที่พลอยตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่นั้น พระเจ้าอยู่หัวก็ประชวรและเสด็จสวรรคตในเวลาต่อมา ห้าปีต่อมา เมื่อตาอ้นอายุได้ 7 ขวบ ตาอั้นอายุได้ 5 ขวบ และตาอ๊อดลูกชายคนที่สองของพลอยอายุได้ 3 ขวบ พลอยก็คลอดลูกคนที่สาม เป็นผู้หญิงและตั้งชื่อว่า ประไพ ในช่วงนั้นก็มีเหตุการสำคัญคือสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ตัวพลอยเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก นอกจากที่ว่าเป็นเรื่อง “ฝรั่งรบกัน” ที่ทำให้ข้าวของแพง หลังจากนั้นวันหนึ่ง คุณอุ่นซึ่งไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่พ่อของพลอยเสียก็มีขอความช่วยเหลือ พลอยจึงรับปากช่วยเหลืออีกทั้งเสนอให้คุณอุ่นย้ายมาอยู่ด้วยกันทำให้คุณอุ่นซึ้งในน้ำใจและความไม่อาฆาตพยาบาทของพลอยมากจนถึงกับร้องไห้ สองปีต่อมาคุณเปรมก็ส่งอั้นและอ๊อดไปเรียนนอก ส่วนอ้นอยากเรียนทหารจึงไปเรียนโรงเรียนทหาร จากนั้นพลอยก็ได้แต่นั่งคอยที่จะรับจดหมายจากลูก ๆ ในช่วงราชการใหม่นี้พลอยก็ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง คุณเปรมนั้นแต่งตัวพิธีพิถันกว่าที่เคยในรัชกาลก่อน และมาวันหนึ่งก็ได้มาบอกให้พลอยไว้ผมยาว เพราะในหลวงท่านโปรด และต่อมาก็บอกให้แม่พลอยนุ่งผ้าซิ่นแทนผ้าโจงกระเบน ทำให้พลอยไม่กล้าออกจากบ้านอยู่นาน จากนั้นไม่กี่ปี ตาอั้นก็เรียนจบ และกำลังจะกลับมาบ้าน ส่วนตาอ้นนั้นออกเป็นทหารต้องไปประจำหัวเมืองต่างจังหวัด แต่พลอยก็ต้องตกใจเมื่อตาอั้นกลับมาจริง ๆ พร้อมกันภรรยาแหม่มชื่อ ลูซิลล์ หลังจากนั้นในหลวงก็ประชวรอยู่ไม่นาน และเสด็จสวรรคตในที่สุด หลังจากรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคต คุณเปรมก็ล้มป่วยอยู่หลายวัน และความสนใจต่อสิ่งต่าง ๆ ความกระหายที่เป็นแรงผลักดันของชีวิตก็ลดน้อยลง จนพลอยต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายชักชวนให้คุณเปรมสนใจสิ่งต่าง ๆ ผ่านไปไม่นาน ตาอ๊อดก็เรียนจบกลับมาเมืองไทย และไม่นานคุณเปรมก็ออกจากราชการ หลังจากนั้นก็เป็นคนหงุดหงิดง่าย สิ่งที่คุณเปรมพอจะสนใจอยู่อย่างเดียวก็คือการขี่ม้า และมาวันหนึ่งคุณเปรมก็ตกม้าและเสียชีวิตลง ตั้งแต่ที่ตาอั้นกลับมาก็มีความคิดอย่างหนึ่งที่ทำให้แม่พลอยตกใจ ซึ่งก็คือความคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของตาอั้น ซึ่งก็คือความคิดเสรีนิยมและเกี่ยวกับการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ได้ไปเรียนรู้ตอนไปเรียนเมืองนอก ในช่วงนั้นผู้คนก็ต่างพูดกันเรื่องเกี่ยวกับคำทำนายที่ว่าพระมหากษัตริย์จะสิ้นพระราชอำนาจ หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศไทยก็ได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย พอเปลี่ยนการปกครองได้สองเดือนเศษ ตาอ้นก็กลับมาเยี่ยมบ้าน และก็มีเรื่องให้พลอยกลุ้มใจ เพราะตาอ้นนั้นมีความเห็นตรงข้ามกับการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอย่างรุนแรง และคิดว่าตาอั้นเป็นพวกกบฏ ไม่มีความจงรักภักดี จนถึงกับทำให้สองพี่น้องทะเลาะกันใหญ่โตและไม่คุยกัน จากนั้นไม่นาน ตาอ้นก็ไปรบร่วมกับฝ่ายที่ต่อต้านคณะราษฎร และถูกจับ เป็นนักโทษประหาร และรัชกาลที่ 7 ก็สละราชสมบัติ ประไพหมั้นกับคุณเสวีซึ่งเป็นเพื่อนของตาอั้น และแต่งงานกัน หลังจากนั้นตาอ้นก็ถูกส่งตัวไปอยู่เกาะตะรุเตา ตาอ๊อดก็ถูกกดดันโดยพี่น้องทำให้ต้องออกไปทำงานรับราชการ แต่ก็ทำอยู่ได้ไม่นานแล้วก็ลาออก แล้วจึงตัดสินใจไปทำงานที่เหมืองกับเพื่อนที่ปักษ์ใต้ จากนั้นไม่นาน ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พลอยก็ยังไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทหารญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาในเมืองไทย เมืองไทยจึงเจรจาและตกลงเป็นฝ่ายญี่ปุ่น อยู่มาวันหนึ่ง รัฐบาลก็ได้ออกกฎให้ทุกคนใส่หมวกเวลาออกจากบ้าน และห้ามกินหมากพลู รวมทั้งให้เริ่มมีการกล่าวคำว่า สวัสดี เป็นคำทักทาย และใช้คำว่า ฉัน ท่าน จ๊ะ จ๋า เมื่อพูดกับคนอื่น โดยบอกว่าเป็นการมี วัฒนธรรม เพื่อให้ชาติเจริญ ต่อมาไม่นาน พลอยก็ได้รู้ว่าตาอั้นไปมีเมียแล้วชื่อสมใจ และมีลูกสองคนคือแอ๊ดและแอ๊วโดยที่ไม่กล้าบอกแม่พลอยเพราะกลัวแม่จะไม่ถูกใจ แม่พลอยจึงดีใจและรีบไปรับหลานและลูกสะใภ้มาอยู่ที่บ้าน แต่พอมาอยู่บ้านก็อยู่อย่างสงบได้เพียงไม่นานก็เริ่มมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด ทำใหบ้านของแม่พลอยต้องขุดหลุมหลบภัยและต้องคอยระวังตื่นมากลางดึกและไปหลบในหลุมเมื่อได้ยินเสียงเครื่องบิน จนมาครั้งหนึ่งที่พลอยหลบอยู่ในหลุมและรู้สึกถึงความสั้นสะเทือนรุนแรงมาก เมื่อพอพลอยออกมาจากหลุมแล้วก็ได้เห็นว่าบ้านของพลอยเองได้โดนระเบิดเข้าเสียแล้ว จากนั้นพลอยจึงต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านคลองบางหลวงซึ่งเป็นบ้านเกิด พอย้ายบ้านมาได้ไม่นานพลอยก็ได้ข่าวว่าตาอ๊อดเจ็บหนักด้วยโรคมาลาเรีย ตาอ้นที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจึงไปอยู่ดูแลตาอ๊อดและยังไม่ได้กลับบ้าน จากนั้นไม่นานตาอ้นก็กลับมาบ้านพร้อมกลับข่าวร้ายว่าตาอ๊อดได้ตายเสียแล้ว อ้นจึงตัดสินใจบวชให้แก่อ๊อด หลังจากนั้นพลอยก็เจ็บอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่ง รัชกาลที่ 8 สวรรคตอย่างกะทันหัน เมื่อได้ทราบข่าวการสวรรคตพลอยก็สิ้นใจไปดุจใบไม้แก่ที่ร่วงโรยหลุดลอยไปกับสายน้ำในคลองบางหลวง ผู้เขียนได้ขมวดปมตรงท้ายว่าสี่แผ่นดินนั้นช่างเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกินชีวิตพลอยได้ผ่านสิ่งต่าง ๆ มานานานัปการและมากพอแล้วที่จะลาจากโลกนี้ไปเพราะเครื่องยึดเหนี่ยวจิดใจคือองค์พระมหากษัตริย์ได้เสด็จสวรรคตไปอย่างกะทันหัน ติดตามชมละคร สี่แผ่นดิน
ลูกสาวแม่เอ๊ย (2546/2003) ชนบทแห่งหนึ่ง ในตลาดสดที่จอแจ ใบตอง (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) เข็นรถผลไม้ไปตามทางแคบ มุ่งหน้าไปที่ร้านเถ้าแก่ซ้งนายจ้าง ในลักษณะปรู๊ดปร๊าดน่าหวาดเสียว สั่นกระดิ่งไปตลอดทาง ทำให้คนเดินซื้อข้าวของต้องหลบกันพัลวัน บริเวณใกล้เคียง ผู้ร้ายสามคนกำลัง จะลักทรัพย์แม่ค้าขายของ ใบตองเหลือบเห็นส่งเสียงกระแอม แถมเทศน์โปรดคนทั้งสามด้วยศีลห้า ข้อที่สอง อันห้ามมิให้ลักทรัพย์ หนึ่งใน สามโจรโกรธจะเล่นงาน แต่เพื่อนห้ามไว้ บุ้ยใบ้ให้ดูคนสองคนที่กำลังลงจากรถ คือ คุณวรวุฒิอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เกษียณอายุกับคุณ นายที่มาธุระเรื่องที่ดิน ทั้งสองเดินไปที่ร้านค้าเพชรทอง เพื่อซื้อของไปฝากลูกสาว ใบตองเข็นรถผลไม้เข้าไปในร้าน ชนเถ้าแก่ซ้งหงายท้องไป ใบตองถูกคาดโทษเรื่องซุ่มซ่าม แล้วไล่ให้ไปเตรียมไข่ไก่ไปส่งแม่ค้าในตลาดสด คุณวรวุฒิกับคุณนายออกจากร้านเพชรทอง ถูกสามโจรชิงทรัพย์วิ่งหนีไปทางร้านเถ้าแก่ซ้ง ติดตามต่อได้ใน "ลูกสาวแม่เอ๊ย"
โคกคูนตระกูลไข่ (2546/2003-2550) เป็นเรื่องราวของครอบครัวโคกคูน ซึ่งเป็นครอบครัวชาวอีสานที่ร่ำรวยจากการหาบไข่ปิ้งขายข้างถนน ฟันฝ่าอุปสรรค์ต่างๆ จนกลายเป็นบริษัทใหญ่โตมีแฟรนไชส์หลายร้อยสาขา ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ เรื่องราวของตระกูลโคกคูนกำลังไปได้ด้วยดีทั้งธุรกิจและครอบครัว แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิดเมื่ออยู่มาวันหนึ่ง คำดี โคกคูน หัวหน้าครอบครัวและเป็นประธานบริษัทโคกคูนหายตัวไปอย่างลึกลับขณะขับเครื่องบินกลับจากเกาะมัลดีฟ ทำให้ บัวศรี ภรรยาของคำดีที่เคยเป็นแม่บ้านมาโดยตลอดต้องหันมาบริหารบริษัทแทนคำดี โดยอุปสรรคที่สำคัญก็คือ วิลเลี่ยม หรือบักเหลี่ยม น้องชายแท้ๆ ของคำดีที่จ้องจะฮุบกิจการของบริษัทตลอดเวลา บัวศรีต้องนำพาธุรกิจไข่ปิ้งโคกคูนที่คำดีสร้างมากับมือให้ดำเนินไปได้ตลอดรอดฝั่ง ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยดูแลลูกชายที่ชื่อ หอยโข่ง ซึ่งเป็นคนปัญญาอ่อน และ คำแท้ ที่กำลังเป็นวัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต นอกจากนั้นบัวศรีเองก็ยังโดนตามจีบจาก เสธ.ชาคริต หัวหน้ารปภ.อดีตทหารเก่าที่ฉลาดแต่เรื่องโง่ๆ บัวศรีจะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้หรือไม่อย่างไร
สายน้ำ ลูกผู้ชาย (2546/2003) สายน้ำ ลูกผู้ชาย เรื่องราวเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่าง แทน กับ ชัคกี้ ที่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ต้องมาผิดใจกันเพราะ มีน ซึ่งสนิทกับ ชัคกี้ มาตั้งแต่เด็ก และ ชัคกี้ ก็หลงรัก มีน มาตลอด แต่ มีน กลับมีใจให้ แทน จากเพื่อนรักทั้งคู่ก็กลายเป็นคู่แข่งกัน เพราะทั้งคู่ต่างมีชื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ ต้องแข่งในรุ่นเดียวกัน เรื่องราวความสัมพันธุ์ระหว่าง “เพื่อน” จะจบลงอย่างไร ตามชมในละคร สายน้ำลูกผู้ชาย
หักเหลี่ยมพระกาฬ (2546/2003) คมฆ์ เข้าคุกด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น เมื่อเข้าไปอยู่ในคุกคมฆ์ได้รู้จักกับ เดช ซึ่งคมฆ์ได้ช่วยเดชไว้จากพวกเจ้าพ่อในคุกที่ชอบหาเรื่องเดชเป็นประจำ เดชซาบซึ้งและพอใจในฝีมือของคมฆ์มากเดชเป็นลูกน้องคนสนิทของ โตมร เจ้าพ่อใหญ่ที่มีธุรกิจผิดกฎหมายทุกประเภท เดชเป็นที่ไว้วางใจของโตมร เดชชวนคมฆ์ไปอยู่แต่โตมรไม่ไว้ใจใครง่ายๆ จึงลังเลที่จะรับคมฆ์เป็นลูกน้อง ส่วนปิยะและกิตติลูกน้องคนสนิทของโตมรไม่พอใจที่เดชกลับมาอีกครั้ง คมฆ์สัญญากับตัวเองว่าต้องมีสักวันที่โตมรยอมรับฝีมือ และรับเขาเป็นลูกน้องมี นา ลูกสาวคนเดียวของโตมร เธอเป็นสาวสวยที่มั่นใจในตัวเอง และเอาแต่ใจตัว เพราะโตมรรักและตามใจมาก จนกระทั่งโตมรมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตอีกคน มีนาจึงไม่มั่นใจว่าเธอยังเป็นที่หนึ่งในใจของโตมรอยู่หรือไม่ธิดา นางเอกละครและภาพยนตร์ มาจากตระกูลนักธุรกิจที่ร่ำรวย แต่พ่อแม่ของธิดาเล่นการพนันจนมีหนี้สินมากมาย แต่มีโตมรให้เงินช่วยเหลือ แต่มีข้อแม้ว่าธิดาต้องยอมแต่งงานกับเขา ธิดาตกลงเพื่อช่วยเหลือครอบครัว เมื่อแต่งงานแล้วโตมรพาธิดาเข้าบ้าน มีนาไม่พอใจที่โตมรมอบความรักให้กับธิดา ปรเมศร์ เอาอกเอาใจมีนา ที่กำลังผิดหวังที่โตมรแต่งงานใหม่ มีนาไว้ใจและรู้สึกดีกับ ปรเมศร์มาก โตมรไม่ไว้ใจปรเมศร์จึงให้ลูกน้องตามสืบประวัติปรเมศร์ เมื่อมีนารู้ความจริงว่า ปรเมศร์มีภรรยาและลูกแล้ว มีนาโกรธปรเมศร์มากที่หลอกเธอโตมรต้องการให้มีนาแต่งงานกับ ภาวัต ลูกชายนายพล โตมรวางแผนให้มีนาและภาวัตได้รู้จักและสนิทสนมกันมากขึ้น ภาวัตแสดงท่าทีสนใจมีนามาก วันหนึ่งภาวัตพามีนาไปเที่ยวทะเล ระหว่างทางโดนลูกน้องของ ดอน กลุ่มมาเฟียคู่แข่งของโตมร จับตัวมีนาไป คมฆ์อาสาตามไปช่วยเหลือมีนา โดยได้ นาท ผู้เป็นอาของเขาช่วยสืบข่าว นาทบอกว่าดอนจับตัวมีนาไปที่เซฟเฮาส์ที่เขาใหญ่ คมฆ์กับเดชบุกไปช่วยมีนาคมฆ์พามีนาหนีเข้าไปในป่า คมฆ์ถูกยิงตกหน้าผาพร้อมกับมีนา มีนาเป็นไข้ไม่สบายมาก แต่คมฆ์ดูแลมีนาอย่างดี ทำให้มีนาเริ่มรู้สึกดี ๆ กับคมฆ์ จึงได้มอบดอก“สายหยุด” พร้อมกับท่องกลอนให้ฟัง… สายหยุด หยุดกลิ่นฟุ้งยามสาย สายบ่หยุด เสน่หาย ห่างเศร้า …คมฆ์ พามีนาไปส่งที่โรงพยาบาล และเกือบถูกโตมรยิงเพราะเข้าใจผิด คิดว่าคมฆ์ทำมิดีมิร้ายกับมีนา แต่เมื่อมีนากับเดชช่วยกันอธิบาย โตมรจึงรับคมฆ์เป็นลูกน้อง พิสุทธิ์ พ่อบุญธรรมของคมฆ์ ถูกลูกน้องของโตมรฆ่าตาย เนื่องจากเข้าไปขัดขวางธุรกิจผิดกฎหมายของโตมร ด้วยบุคลิกของคมฆ์ ทำให้ธิดาชื่นชอบคมฆ์ตั้งแต่ได้พบ เธอหาโอกาสที่จะอยู่ตามลำพังกับคมฆ์ แต่มีนาซึ่งรู้ทันขัดขวางได้ทุกครั้ง นาทแนะนำให้คมฆ์แต่งงานกับมีนา เพื่อที่โตมรจะไว้ใจคมฆ์และบอกความลับ คมฆ์ขอมีนาแต่งงาน มีนาตอบตกลงทันที เพราะเธอก็รักคมฆ์อยู่เหมือนกัน และที่สำคัญมีนาต้องการเอาชนะธิดา คมฆ์พยายามสร้างเกราะป้องกัน ไม่ให้รักมีนา แต่แล้วเขาก็ต้องพ่ายแพ้หัวใจตัวเอง เพราะมีนาดีต่อเขามาก ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งโตมรสั่งให้คมฆ์ไปกำจัดการค้ายา บ้าของดอน คมฆ์ทำให้โตมรเห็นว่าเขามีฝีมือมาก มีนาและธิดาเป็นนางแบบในงานเดินแฟชั่นการกุศล ภาวัตเมื่อเห็นความสวยของมีนาและธิดาก็อิจฉาคมฆ์ ดอนและลูกน้องบุกเข้าไปในงานเพื่อที่จะฆ่าโตมร ลูกน้องของดอนถูกฆ่าตายหมด ดอนหลบหนีไปได้ แต่คมฆ์ก็ตามไปและยิงดอนตาย ภาวัตใช้โอกาสนี้ชวนกิตติและปิยะมาเป็นพวก กิตติและปิยะตอบตกลง ทั้ง 3 คนคิดจะตัดกำลังของโตมรธิดา เห็นธีธัชมาหามีนาที่บ้าน ธิดาวางแผนให้มีนาเห็นเธอกอดกับคมฆ์ มีนาเสียใจมากจนตกบันได คมฆ์เล่าเรื่องธุรกิจผิดกฎหมายของโตมรให้มีนารู้ ตอนแรกมีนาไม่เชื่อ แต่เมื่อคมฆ์บอกว่าเขาอยู่ในหน่วยสืบราชการลับ มีนาจึงเชื่อและขอร้องให้คมฆ์ไว้ชีวิตโตมร คมฆ์ไม่รับปากเขาบอก แต่เพียงว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขารักมีนาคนเดียว วันนัดส่งมอบยาเสพติดครั้งใหญ่ โตมรตกใจเมื่อรู้ว่าคมฆ์เป็นพวกของตำรวจ คมฆ์จะเข้าไปจับโตมร แต่โตมรยิงคมฆ์ มีนาเห็นโตมรถูกคมฆ์ยิงตาย โตมรฝากเดชดูแลมีนาก่อนสิ้นใจ เดชโกรธคมฆ์ที่หลอกเขามาตลอด คมฆ์ตามไปหามีนาที่เชียงใหม่ คมฆ์บอกมีนาว่าหมดเรื่องแล้ว เขาเอาดอกสายหยุดมาให้เธอ มีนารับดอกสายหยุดไว้ คมฆ์ท่องกลอนให้มีนาฟังว่า… สายหยุด หยุดกลิ่นฟุ้งยามสาย สายบ่หยุด เสน่ห์หาย ห่างเศร้า …เมื่อ คมฆ์สามารถหักเหลี่ยมพระกาฬได้สำเร็จ แต่กับความรัก และ ความถูกต้อง คมฆ์จะเลือกสิ่งหักสิ่งไหน มีนาจะยอมให้อภัยคนที่ฆ่าพ่อตัวเองได้ไหม ความสัมพันธ์ระหว่างคมฆ์กับเดชาจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่ สุดท้ายความรักของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร
รักข้ามคลอง (2546/2003) สหชัย หนุ่มหล่อเพิ่งจบจากต่างประเทศ ถูก เจิดสมร ผู้เป็นแม่และเป็นประธานบริษัท เจิดศรา ซึ่งส่งออกสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองรายใหญ่ให้ช่วยเป็นไกด์พาลูกค้าจาก ออสเตรเลียไปเที่ยวชมตลาดน้ำ โดยปัญญาเพื่อนสนิทไปด้วย ที่ตลาดน้ำ ฝรั่งลูกค้าถูกฝรั่งขี้ยาคนหนึ่งวิ่งราวกระเป๋าถือไป สหชัยกับปัญญาวิ่งไล่กวดตามจนชนเอาหาบไข่ของสองพ่อค้าแม่ค้า ปลื้มกับแตง ระเนระนาดเลอะเทอะไปหมด ปัญญาถูกปลื้มกับแตงช่วยกันจับตัวไว้เรียกค่าเสียหาย ส่วนสหชัยคงวิ่งกวดคนร้ายไป
ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน (2546/2003) วายุ ภูบาลบริรักษ์ หรือ ล่องจุ๊น ( พนมกร ตังทัตสวัสดิ์ ) เป็นลูกชายคนกลางของครอบครัวที่พ่อ ( มนตรี เจนอักษร ) ไม่เคยให้ความสนใจใยดีเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะพ่อคิดว่าล่องจุ๊นเกิดมาเป็นตัวซวยของครอบครัว ทำให้พ่อต้องขาดทุนกับธุรกิจถมที่ ซึ่งต่างจากพี่น้องอีก 2 คนนั้นคือ พี่ถม ( ตรีพล พรมสุวรรณ ) พี่ชายคนโต เป็นคนที่เรียบร้อย เรียนเก่ง และว่าง่าย ส่วนอีกคนหนึ่งคือ กี้ ( กิตติ บุลสถาพร ) เป็นน้องคนสุดท้อง เป็นเด็กที่ซนและดื้อ ช่างประจบเอาใจ ทั้ง 2 จึงถูกยกย่อง ชื่นชมและได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อ ผิดกับจุ๊นที่ได้รับความรักความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่ และมีแม่เป็นที่พึ่งในยามที่จุ๊นมีปัญหา จนมาถึงวันหนึ่งครอบครัวของจุ๊นได้เปลี่ยนไปเมื่อพ่อมีรายได้จากบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นกอบเป็นกำ พ่อก็พาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในบ้าน ทำให้แม่ทนไม่ไหวจึงหนีออกจากบ้านโดยพาจุ๊นไปด้วย และทิ้งลูกอีก 2 คนไว้เบื้องหลัง แม่พาจุ๊นไปอยู่อาศัยกับน้าจุรี หรือ อาอี๊จู ( โฉมฉาย ฉัตรวิไล ) ซึ่งอยู่กับอาเตี๋ย ( กล้วย เชิญยิ้ม ) สามี ทั้งคู่มีอาชีพขายหมูในตลาด ทั้ง 2 คนต่างให้ความช่วยเหลือแม่และจุ๊นเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ อาหารการกิน รวมถึงโรงเรียนที่อาอี๊จูพาจุ๊นไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเทศบาลใกล้บ้าน นอกจากนี้จุ๊นยังมีหน้าที่ประจำด้วยคือ การเป็นผู้ช่วยอาเตี๋ยเลี้ยงหมู ซึ่งเป็นชีวิตที่จุ๊นชอบและสนุกสนานมาก แต่แล้ววันหนึ่งหมูที่จุ๊นเลี้ยงไว้ถูกตะขาบกัดตายหมดเล้า ทำให้จุ๊นเริ่มกลับไปคิดว่าตัวเองเป็นตัวซวยอย่างที่พ่อบอกไว้หรือไม่!!! หลังจากนั้นไม่นาน แม่ของจุ๊นลงทุนขายข้าวแกงโดยได้รับความช่วยเหลือจากอาอี๊ กิจการของแม่ประสบความสำเร็จจนต้องย้ายไปเช่าห้องแถวที่ท้ายตลาด ส่วนอาอี๊ก็เปลี่ยนอาชีพมาขายเครื่องก่อสร้างที่ตึกริมถนน และด้วยสิ่งนี้เองทำให้จุ๊นได้พบกับผู้เป็นพ่ออีกครั้งหนึ่ง เมื่อจุ๊นนำสิ่งก่อสร้างที่ร้านอาอี๊ไปส่งพ่อ ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างสะพานที่กำแพงแสน ซึ่งพ่อก็ยังพูดจาดูถูกจุ๊นและแม่อยู่เหมือนเคย ทำให้จุ๊นคอยหลีกเลี่ยงการไปร้านของอาอี๊ จนกระทั่งวันหนึ่งครอบครัวของอาอี๊ถูกโจรปล้นฆ่าทั้งบ้าน กอปรกับทั้งที่พ่อคอยพูดจาถากถางจุ๊น ว่าจุ๊นเป็นตัวซวยที่นำครอบครัวของอาอี๊ไปสู่จุดจบ และนั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่จุ๊นจดจำและเสียใจไปจนวันตาย แต่ในช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นจุ๊นยังมี นิจ ( ศุลีพร ตันตระกูล ) เพื่อนหญิงต่างโรงเรียนคอยให้กำลังใจจุ๊นมาโดยตลอด แต่ก็ถูกทางบ้านของนิจคอยขัดขวางกีดกันเพียงเพราะว่าจุ๊นเป็นคนไทย และยังมีอาเฮียเสือ ( คชา ปานเอม ) พี่ชายของนิจที่เกลียดจุ๊นมาก ๆ เพียงเพราะว่าจุ๊นเป็นลูกแม่ค้าขายข้าวแกงจน ๆ จึงยกพวกมารุมซ้อมจุ๊นจนปางตาย แต่ที่ทำให้จุ๊นเสียใจมากที่สุดนั้นก็คือ จักรยานเสือหมอบคันงามที่แม่ซื้อให้ และเคยมีความหลังอันหวานชื่นกับนิจต้องพังทะลายลงไป พร้อมกับมิตรภาพที่ดีระหว่างนิจและจุ๊น หลังจากเรื่องนิจจบลงก็มีเรื่องที่จุ๊นต้องเผชิญอีก นั่นคือนายทองเส็ง ( ทัตพงษ์ พงษ์ทัต ) ช่างตัดผมที่เข้ามาพัวพันกับแม่ ซึ่งจุ๊นไม่พอใจมาก จนมาวันหนึ่งจุ๊นขาดความอดทนนำมีดชายธงเสียบเข้าที่ท้องของนายทองเส็ง เพราะว่าจุ๊นทนเห็นภาพที่นายทองเส็งซ้อมแม่เพื่อที่จะเอาเงินไปเล่นการพนันไม่ได้ และด้วยเหตุนี้เองทำให้จุ๊นจำต้องจากอกแม่ไปที่อื่น ซึ่งจุ๊นก็ได้สัญญากับแม่ว่าจะรีบเรียนให้จบ จุ๊นหนีเข้ากรุงเทพฯ กับไอ้นก ( กีรติ เทพธัญญ์ ) เพื่อนสมัยเรียนด้วยกัน โดยอาศัยติดมากับรถขายผัก แต่ก่อนที่จุ๊นจะจัดการกับเรื่องเรียนอย่างที่ได้ตั้งในไว้ ไอ้นกก็ก่อเรื่องขึ้นเป็นเหตุให้จุ๊นต้องเข้าไปนอนในห้องขังแทน แต่ทว่าพอตำรวจสอบสวนเรื่องนี้แล้วก็ปล่อยจุ๊นออกมาเพราะว่าจุ๊นไม่มีความผิด โดยที่จุ๊นโทรหาพ่อให้มารับตัวและก็ไม่อยากให้แม่เศร้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นพ่อก็พาจุ๊นมาอยู่ที่บ้านโดยให้พักอยู่บ้านพักคนงาน แต่ก็ยังมีความเหินห่างเกิดขึ้นในบรรดาพี่น้อง เนื่องมาจากพ่อใส่ร้ายแม่ว่าแม่หนีตามผู้ชายไป และเมื่อมาถึงวันเปิดเรียน จุ๊นก็เกือบจะมีเรื่องขึ้นอีกครั้งจากการปะทะคารมกับครูใหญ่ผู้เข้มงวด ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่มักเรียกว่า "ป๋า" และที่นี่เองก็ทำให้จุ๊นได้พบกับเพื่อนรุ่นพี่ชื่อ ประเวศน์ หรือ แปะ( คริตโตเฟอร์ ชอนวอชิงตัน ) ที่ทำให้ชีวิตของจุ๊นเปลี่ยนไปจากที่พ่อมักจะบอกว่าจุ๊นเป็นตัวซวย แต่สำหรับแปะแล้ว จุ๊นคือตัวนำโชคของเค้า เพราะเมื่ออยู่กับจุ๊นเค้าเล่นการพนันชนะทุกครั้ง และก็เป็นเพราะเพื่อนคนนี้เองที่ทำให้จุ๊นได้พบกับแตงกวา ( พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร ) ซึ่งจุ๊นก็เริ่มสนใจเธอทันที เพราะเธอจะกลายมาเป็นผู้ที่มีความหมายต่อชีวิตจุ๊นเป็นอย่างมาก อาทิตย์ใหม่ของการเรียน จุ๊นออกไปเรียนตามปกติ แต่โชคร้ายที่วันนี้เกิดเรื่องชกต่อยกันรุนแรงระหว่างจุ๊นกับบุ้ง ทำให้จุ๊นถูกป๋าเฆี่ยนตีตามกฎของโรงเรียน และในเย็นวันเดียวกันจุ๊นก็ไม่สบายเนื่องมาจากบาดแผล และถูกฤทธิ์แดดเผา โชคดีที่จุ๊นยังมีป้าเจียดและพี่ถมคอยดูแล แต่สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นนั่นคือการที่ได้รู้เห็นว่าผู้หญิงคนใหม่ของพ่อ ชื่อตุ๊กตา ( ไอริณ ศรีแกล้ว ) แอบมีชู้ โดยที่จุ๊นไม่สามารถบอกใครได้เลย แม้แต่กระทั่งพ่อ!!! จากนั้นไม่นานจุ๊นก็ได้ข่าวว่าพ่อประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ จุ๊นจึงรีบรุดไปดู แต่สิ่งที่จุ๊นได้รับกลับมาคือความเฉยชาที่ได้จากพ่อ ทำให้จุ๊นรู้สึกว่าสำหรับตัวเองแล้วก็คือตัวซวยของพ่ออยู่ตลอดเวลา จุ๊นจึงตัดสินใจหมกตัวอยู่ในห้องโดยมีวิทยุเป็นเพื่อน ซึ่งจุ๊นได้หมุนคลื่นที่แตงกวาจัด จึงได้รู้ว่าที่โรงเรียนของแตงกวาจะมีการฉายหนังรอบการกุศล และเมื่อวันงานมาถึงจุ๊นได้พบแตงกวา ซึ่งทั้งสองก็ยิ้มให้อันอย่างเป็นมิตร แต่อย่างไรก็ตามจุ๊นก็ยังหนีความซวยไปไม่พ้น เมื่องานที่จัดขึ้นเกิดการชกต่อยกันจนทำให้งานต้องล้มเลิกไปกลางคัน ยิ่งไปกว่านั้นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็คือ นายกี้ จึงทำให้จุ๊นต้องเข้าไปช่วย และด้วยเหตุการณ์นี้เองทำให้จุ๊นรู้ว่าพ่อรักลูกทุกคนเท่ากัน เพราะว่าพ่อเรียกหาทนายเริงชัยมาเพื่อหาหลักฐานว่านายกี้ไม่ได้เป็นต้นเหตุ และพ่อก็ไม่อยากต้องการจะให้ลูกคนใดคนหนึ่งต้องเข้าไปนอนในห้องขัง จุ๊นจึงช่วยพ่อหาหลักฐานโดยการโทรศัพท์ไปหาแตงกวาผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดมาเป็นพยาน เมื่อจุ๊นกลับมาถึงบ้านก็พบว่าแปะรออยู่พร้อมกับข่าวดีว่า ป๋าให้กลับเข้าไปเรียนได้ตามปกติในเทอมหน้า โดยที่จุ๊นจะต้องลาออกก่อน และแปะก็ส่งโทรเลขที่บอกว่าแม่เจ็บหนัก ให้รีบกลับนครปฐมด่วน เมื่อจุ๊นได้รับโทรเลขดังกล่าวก็รีบรุดไปหาแม่ โดยมีพี่ถมและพ่อไปด้วย ส่วนนายทองเส็งนั้นก็ยอมแลกอิสรภาพของแม่ด้วยเงินสี่หมื่นบาท และจากนั้นครอบครัวของจุ๊นก็กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง
อลวนคนไร่ส้ม (2546/2003) เรื่องราววุ่นๆระหว่าง ไร้ส้มหนึ่งสยาม และ ไร่ส้มสายทอง ที่มีความแค้นกันมาตั่งแต่สมัยคุณปู่ คุณย่า ทำให้ไม่กินเส้นกันมาจนถึงรุ่นลูกหลาน รวมถึง เอก (พัสสน ศรินทุ) และ จิ๊บ (กุลสตรี ศิริพงศ์ปรีดา) ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ถึงจะเริ่มต้นด้วยร้ายแต่ก็ลงท้ายด้วยรัก แต่เรื่องราวความรักของทั้งคู่จะลงเอยยังไง ตามชมความวุ่นอลวนนี้ได้ในละคร อลวนคนไร้ส้ม
บ้านแฝดยกกำลัง 2 (2546/2003) หนุ่มโสดชื่อ กึกก้อง เป็นลูกชายเจ้าของโรงงานดินเผา จ.ราชบุรี เรียนจบศิลปะด้านประติมากรรมจากเมืองนอก พ่อแม่พร้อมจะยกกิจการให้ดูแลต่อ แต่ด้วยความเป็นศิลปิน จึงปฏิเสธเรื่องธุรกิจ อยากมีชีวิตตามแนวทางของตัวเอง เขาจึงทิ้งกิจการของพ่อแม่ ย้ายตัวเองมาอยู่กรุงเทพ เช่าบ้านหลังเล็ก ๆ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งกลางกรุงฯ เพื่อมุ่งมั่นสร้างงานปั้น ด้วยฝันว่าซักวันจะเป็นศิลปินชื่อก้องระดับโลก โดยมีหลานสาวจอมแก่นวัย 8 ขวบชื่อ กุ๊งกิ๊ง ลูกสาวของน้า ที่ย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ ตามมาอยู่ด้วย กึกก้องเป็นคนเรียบง่าย สมถะ รักสงบติดดิน จริงใจซกมกไร้ระเบียบและกฏเกณฑ์ เพี้ยนหลุดโลกนิดๆตามแบบศิลปิน ส่วนกุ๊งกิ๊งเป็นเด็กฉลาด ใฝ่รู้ ไฮเปอร์ แก่น ซน ไม่กลัวใครเป็นหัวโจกของกลุ่มเด็กในย่านเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นเธอ ก็มีความรับผิดชอบเกินเด็ก เป็นผู้ใหญ่เกินตัวสามารถดูแลความเรียบร้อยในบ้านและความเป็นอยู่ของกึกก้องได้อย่างดีไม่มีที่ติ เสมือนเป็นแม่บ้านตัวน้อยยังไงยังงั้น สองคนน้าหลานใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข ต่างยอมรับทั้งความสามารถและความบกพร่องของกันและกัน แม้จะมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างตามวิสัย แต่ทั้งคู่ก็สนิทสนมและเข้าขากันจนกลายเป็นคู่หูต่างวัย จนกระทั่งวันหนึ่ง บ้านหลังติดกันซึ่งว่างร้างมานาน จู่ๆก็มีสาวสวยมาเช่าอยู่คนเดียว เธอชื่อ น้ำตาล น้ำตาลเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกันวัย 20 ต้นๆ พ่อแม่อยู่เมืองนอก ใช้ชีวิตคนเดียว ทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองจนเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอเป็นสาวหวานอมเปรี้ยว หน้าตาสะสวย พูดจาอ่อนหวาน แต่จิตใจแกร่ง สู้ชีวิต หยิ่งในศักดิ์ศรีมุ่งมั่น เก็บเงิน ทำงานทุกอย่างที่สุจริต ขี้เหนียว ด้วยใฝ่ฝันจะสร้างอนาคตเป็นคนรวยให้ได้ด้วยตัวเอง น้ำตาลเช่าบ้านหลังนี้เพื่อเปิดเป็นร้านไอติมตามที่ฝัน กึกก้องไม่พอใจ เพราะเสียงดังรบกวนสมาธิการสร้างงานศิลปะของเขาเกิดเรื่องวิวาทกันตั้งแต่แรกพบแถมยิ่งเมื่ออยู่ ๆไปก็ยิ่งได้เห็นการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันคนละขั้วของกันและกันทำให้ทั้งคู่กลายเป็นปฏิปักษ์กัน(กึกก้องเรียกน้ำตาลว่า “น้ำตาลปึก” น้ำตาลเรียกกึกก้องว่า “นายเกื๊อก”) ตรงกันข้ามกับกุ๊งกิ๊งเธอถูกชะตากับน้ำตาลตั้งแต่แรกพบ เพราะอยากมีพี่สาวมานานแล้ว กุ๊งกิ๊งจึงต้องรับหน้าที่เป็นตัวประสานความสัมพันธ์ของทั้งคู่โดยปริยาย กุ๊งกิ๊งเรียนเก่ง และต้องการเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งมากๆ เธอขอร้องให้น้ำตาลช่วยสอนพิเศษภาษาอังกฤษ น้ำตาลตกลง แต่กึกก้องไม่เห็นด้วย ไม่ยอมให้เงินกุ๊งกิ๊ง กุ๊งกิ๊งจึงเจรจาต่อรองกับน้ำตาลด้วยตัวเอง ขอทำงาน(หลังเลิกเรียน)ในร้านไอติมของน้ำตาลแทนค่าเรียน น้ำตาลเห็นว่าประหยัดคนงาน จึงตกลง...ไม่มีใครรู้เลยว่า การที่กุ๊งกิ๊งขวนขวายอยากเรียนภาษาอังกฤษ เพราะเธอมีความฝันที่ไม่เคยบอกให้ใครรู้ นั่นคือการบินไปหาพ่อที่อเมริกา ด้วยความต่าง แต่ต้องมาใช้ชีวิตติดกัน มิหนำซ้ำยังมีตัวป่วนคอยก่อปัญหาให้กึกก้องกับน้ำตาลเป็นประจำอีกตะหากความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นไม่รู้จบ……….
คุณย่าดอตคอม (2546/2003) www.คุณย่า.com เป็นเรื่องราวความรักของคนในครอบครัว วิทู คุณย่ายังสาว มหาเศรษฐีผู้เพียบพร้อมด้วยตระกูลและสมบัติผู้ดี วิทูมีบุตรชาย คือ เธียร และหลานชาย คือ ธร ธรสนิทกับย่ามากทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ แม้แต่งานเลี้ยงรุ่นของย่า ธรก็ติด ตามไปด้วย จนบางทีถูกเพื่อนล้อว่าเป็นลูกแหง่ติดย่า ในงานเลี้ยงรุ่นธรได้เจอกับเพื่อนของย่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นย่าพรลาภ ย่ารัตนา และย่าแคลร่า ย่าพรเป็นคนสนุกสนาน ยิ้มง่าย ใจดี ย่ารัตนาหรือย่ารัตน์ เป็นคนเจ้าทุกข์ ส่วนย่าแคลร่า เป็นลูกครึ่งที่ยัง สวยปิ๊ง มีลูกสาว 2 คน คือ ปิ๋ม และ ปุ๋ม เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของธร ในงานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้กำลังดำเนินไปอย่างสนุกแต่ก็มีข่าวร้าย เข้ามา เพราะย่าดาเพื่อนสนิทของวิทูเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่ตับ เรื่องร้ายจางหายไปโดยเร็วเพราะมีข่าวดี ย่าเสาวรสเพื่อนสนิทของย่าวิทูกำลังจะกลับมาอยู่เมืองไทย ในวันที่ไปรับย่าเสาวรส เธียรต้องไปต่างประเทศพอดี ทั้งย่าและหลาน ก็เดินทางไปที่สนามบิน ที่นี่เองทำให้ธรได้พบกับแพรหญิงสาวที่เขาแอบรัก และได้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษทำให้แพรประทับใจ แต่ความรักเบ่งบานได้เพียงไม่นานเพราะแพรขอเลิกกับธรเหตุมาจากได้ยินข่าวว่าธรเป็นเกย์ ทำให้ธรเสียใจมาก วัน ๆเอาแต่ chat จนทำให้วิทูมีความคิดที่จะฝึกเล่นคอมพิวเตอร์บ้าง และมีความคิดที่จะทำอินเตอร์เน็ตคาเฟ่สำหรับคนสูงอายุ โดยรวมคุณย่าทั้งหลายมา ร่วมกันเขียนบทความลงเว็บ รวมทั้งพริ้มเพราเพื่อนสนิทอีกคนของย่าวิทูมาร่วมหุ้นด้วย โดยงานนี้ทั้งหมดได้มอบหน้าที่ให้ วิชาญลูกศิษย์ของพรลาภเป็นผู้ดูแลจัดทำ www.คุณย่า.com ปุ๋มสนใจวิชาญอยู่จึงเข้ามาช่วยอีกแรง แต่วิชาญไม่ได้สนใจปุ๋มเลย ปุ๋มจึงหันไปคบจักจั่น สาวห้าวที่ปุ๋มคิดว่าเป็นทอม แต่จริงๆ แล้ว จักจั่นแอบรักเธียร พ่อของธร การทำเว็บเป็นไปได้ด้วยดี แต่ต้องหยุดชะงักลงเพราะขาดกราฟฟิคมือดี เพื่อนธรแนะนำธรให้รู้จักกับขิม แต่ธรไม่ชอบหน้าขิมเพราะคิดว่าขิมเป็นตัวการที่ทำให้ตนกับแพรต้องเลิกกัน ธรแกล้งขิมตลอดเวลาจนทำให้ขิมคิดว่าธรเป็นเกย์จริงๆ และเป็นอย่างนี้อยู่นานจนขิมพิสูจน์ได้ว่าธรไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่คิด และธรก็ค้นพบว่าผู้หญิงแบบขิมคือคนที่เขาชอบ ย่าเสาวรสหย่าขาดจากศักดาไปอยู่กับเฟอนันเดชชู้รัก แต่ศักดาไม่ได้เสียใจแม้แต่น้อยแถมยังให้ความสนิทสนมกับพรลาภมากขึ้น อีกด้วย สุดท้ายเสาวรสมารู้ว่าเฟอนันเดชเป็นเอดส์ ทำให้เสาวรสหันหน้าเข้าหาธรรมะและเป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิตให้ www.คุณย่า.com หลังจากที่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่ วิทูต้องมาพบว่าตนเองเป็นมะเร็งที่ตับ และบอกให้หมอปิดเป็นความลับ และรีบจัดการกับพินัยกรรม วันหนึ่ง วิทูจัดงานเลี้ยงขึ้นเพื่อที่จะบอกและสั่งลาทุกคน ในเวลาไม่นานวิทูก็จากไปอย่างสงบ ทุกคนจึงช่วยกันทำ www.คุณย่า.com สำเร็จตาม ความตั้งใจของวิทู
หนึ่งฤทัย (2546/2003) หนึ่งฤทัย เป็นเรื่องราวของ หนึ๋งฤทัย ( อลิชา ไล่ศัตรูไกล ) เป็นลูกสาวคนเดียวของโกศล ( ทูน หิรัญทรัพย์ ) นักธุรกิจใหญ่ เป็นเด็กสาวแสน สวยที่เอาแต่ใจตัวเองเพราะผู้เป็นพ่อรักและสงสารที่เธอต้องกำพร้าแม่ตั้งแต่ ยังเด็ก หนึ่งฤทัยมีน้าสาวชื่อ กรอง กาญจน์ ( วาสิฏฐี ศรีโลฟุ้ง ) ซึ่งเป็นคนเลี้ยงดูหนึ่งฤทัยมาตั้งแต่แบเบาะ โดยกรองกาญจน์แอบหลงรักโกศลอยู่ ยิ่งโกศลและกรองกาญจน์ตามใจหนึ่งฤทัยมากเท่าไร คุณย่าทองแท้ ( พิศมัย วิไลศักดิ์ ) กับสุนทรีย์ ( บุญฑริก ทัศนารมณ์ ) น้องสาวโกศล ก็ยิ่งหมั่นไส้หนึ่งฤทัยมากขึ้นเท่านั้น ทุกครั้งที่หนึ่งฤทัยก่อเรื่องจนถูกพ่อหรือคุณย่าดุ เธอก็จะเข้าไปคุกเข่าต่อหน้ารูปแม้พร่ำรำพัน จนโกศลใจอ่อนทุกครั้งไป และแม้ว่าหนึ่งฤทัยจะมีข้อเสีย หลายอย่าง แต่ ในความร้ายกาจนั้น เธอก็เป็นคนน่ารักและมีใจเมตตากรุณาต่อผู้อื่น เมื่อวัยเด็กหนึ่งฤทัยเคยสนิทสนมกับ พัฒน์ ( ธนา สุทธิกมล ) ซึ่งเป็นลูกชาย ของ คมสัน ( เวย์น ฟอลโคเนอร์ ) เพื่นรักของโกศล ซึ่งต่อมาคมสันและ ภรรยา นุชนารถ ( ปริศนา กล่ำพินิจ ) ไปอยู่ต่างประเทศ 15 ปีต่อมา ครอบ ครัว ของคมสันกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เมื่อพัฒน์เรียนจบปริญญาตรี ด้าน สถาปนิก พร้อมกับมาสมาชิกใหม่เพิ่มอีกคน คือ พงศ์ ( ตะวันไทย ไทยสวัสดิ์ ) น้องชายของพัฒน์ ทำให้หนึ่งฤทัยได้พบกับพัฒน์อีกครั้ง และด้วยความ เป็นสุภาพบุรุษที่แสนดีของพัฒน์ ทำให้หนึ่งฤทัยเริ่มสนใจและหลงรักพัฒน์ ในทันทีที่พบหน้ากัน วันประกาศผลสอบเอ็นทรานซ์ หนึ่งฤทัยสอบติดมหาลัยเดียวกับแก๊งค์สามซ่าส์ที่มี 3 สาว อากิโกะ หญิง และเจนนี่ ( วิจิตรา ตรียะกุล, กิรติพร กุลยิ่งวัฒนวิทย์, สุธินี มัณยานนท์ ) ที่เป็นคู่ปรับกับหนึ่งฤทัย มาตั้งแต่ โรงเรียน มัธยม และในวันเดียวกันนั้นมีเด็กสาวใส่แว่นหนาเตอะท่าทางเปิ่นเชยชื่อ พิมพ์พรรณ ( ญดา โชติชูตระ กูล ) มาดูผลสอบด้วย สาวซ่าส์แกล้งกระแทกจนพิมพ์พรรณล้มลง หนึ่งฤทัยเข้าไปช่วยปกป้องพิมพ์พรรณ สาวซ่าส์สู้ไม่ได้กระเจิดกระเจิงหนีไปพิมพ์พรรณรีบตามไปขอบใจหนึ่งฤทัยอย่าง ซาบซึ้ง หนึ่งฤทัยไม่รู้ตัวเลยว่า พิมพ์พรรณเฝ้ามองและประทับใจในน้ำใจของหนึ่งฤทัยมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แล้ว และในตอนนี้ก็ยิ่งเพิ่ม ความประทับใจในตัวหนึ่งฤทัยมากกว่าเดิม วันเปิดเทอมวันแรกที่มหาวิทยาลัย ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง เพื่อนได้เริ่มต้นขึ้น หนึ่งฤทัย พิมพ์พรรณ และประวิทย์ ( วัชรชัย สัตย์ พิทักษ์ ) กลายเป็นเพื่อนร่วมแก๊งค์เดียวกันโดยมี 3 สาวแก๊งค์สามซ่าส์เป็น คู่ปรับเหมือนเคย หนึ่งฤทัยแนะนำให้พัฒน์รู้จักกับพิมพ์พรรณ และ ประวิทย์ พัฒน์รู้สึกขำและเอ็นดูท่าทางที่เด๋อด๋าของพิมพ์พรรณ ส่วน พิมพ์พรรณ เองก็ประทับใจในตัวพัฒน์อยู่เงียบ ๆ ในขณะเดียวกันประวิทย์ก็ พยายาม ปิดบังความรู้สึกพิเศษที่มีต่อหนึ่งฤทัย คิดเสมอว่าเขาไม่เหมาะ สม กับเธอ และเข้าใจว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว คือ พัฒน์ วันหนึ่ง โกศลก็ได้พบกับ ทิพย์อาภา ( เพ็ญพักตร์ ศิริกุล ) แม่ม่ายสาวพราวเสน่ห์ เจ้าของสนามกอล์ฟ โดยไม่ รู้ว่าทิพย์อาภาเป้นแม่ของพิมพ์พรรณ เพื่อนสนิทของหนึ่งฤทัย โกศลหลงรักทิพย์อาภาทันทีและหา โอกาสทำ ตัวใกล้ชิดจนทิพย์อาภามีใจให้ แต่ปัญหาของทั้งคู่ก็คือ กลัวว่าลูกสาวของตนจะรับเรื่องนี้ไม่ได้ สุนทรีย์พยายาม ขัดขวางความรักระหว่างโกศลกับทิพย์อาภา เพราะเข้าใจว่าทิพย์อาภาแย่งวรเชษฐ์ ( ทัตพงศ์ พงศ์ทัต ) แฟนของเธอไป สุนทรีย์จึงคิดแผนร้ายโดยใช้กรองกาญจน์ เป็นเครื่องมือทำลายความสัมพันธ์ของโกศล และทิพย์ อาภา กรองกาญจน์เจ็บปวดเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดความหมาย จนดื่มเหล้าจนเมามาย และเข้าหา โกศลในคืนหนึ่ง โกศลตกใจในการกระทำของ กรองกาญจน์ ไล่เธออกจากห้องและยืนยันว่า เขาเห็นเธอเป็น เพียง น้องสาว พิมพ์พรรณ ถูกแก๊งค์สามซ่าส์พูดจาเฉือดเชือนทำร้ายจิตใจว่า เธอไม่สวย เฉิ่มเชย ไร้ค่าเหมือนสูญ ญากาศ ด้วยความสงสารหนึ่งฤทัยตัดสินใจพา พิมพ์พรรณ ไปแปลงโฉมจนกลายเป็นสาวสวยพริ้ง ไม่เหลือเค้าของคนเดิม พิมพ์พรรณปราบปลื้ม และยิ่งรักและศรัทธาใตตัวหนึ่งฤทัยมากขึ้น เมื่อพัฒน์พบพิมพ์พรรณอีกครั้ง ความรักระหว่างเขาและเธอก็ยิ่งก่อตัวขึ้นโดย ที่หนึ่งฤทัย ไม่ได้เอะใจเลยแม้แต่น้อย โกศลและทิพย์อาภา นัด หนึ่งฤทัยและ พิมพ์พรรณมาพบที่สนามกอล์ฟ เพื่อบอกเรื่องการแต่งงาน วันนั้น ทั้งสองต้องทั้งดีใจและแปลกใจเมื่อรู้ว่าลูกสาวเป็นเพื่อนนรักกัน และยินดี ที่จะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน ในงานแต่งงาน กรองกาญจน์ ฉวยโอกาส ยุแยงหนึ่งฤทัยว่าทิพย์อาภาและพิมพ์พรรณ กำลังจะมาแย่งทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่เป็นของเธอไป ประกอบกับหนึ่งฤทัยพบภาพบาดใจที่พัฒน์แสดงท่า ที สนใจพิมพ์พรรณอย่างเห็นได้ชัดหนึ่งฤทัยเริ่มหวั่นไหวไปกับคำพูดของกรองกา ญจน์ เธอรู้สึกปวดหัวอย่างหนักขึ้นมาเป็นครั้งแรก หนึ่งฤทัย เริ่มเปลี่ยนไป แสดงกิริยาเหมือน ทิพย์อาภาและ พิมพ์พรรณเป็นเพียงผู้อาศัย จนรู้สึกว่าตัวเองเคว้ง คว้างไม่มีใครในขณะเดียวกันทิพย์อาภาก็เริ่มตั้งท้อง เธอแอบบอกเรื่องนี้กับพิมพ์พรรณและขอให้เก็บเป็น ความลับไว้ก่อน เพราะกลัวว่าหนึ่งฤทัยจะยิ่งคิดมาก พิมพ์พรรณเริมหวั่นไหวว่าวันหนึ่งถ้าหนึ่งฤทัยจะรู้เรื่องนี้เข้า อาจจะคิดทำร้ายแม่ของเธอที่มหาวิทยาลัยนักศึกษารุ่นพี่จะจัดการแสดงละครเวที เป็นละครร้อง แบบโบราณ เรื่อง……..โรสิตา ทุกคนลงความเห็นว่าหนึ่งฤทัยเหมาะจะเป็นพระเอก คู่กับ พิมพ์พรรณที่อ่อนหวานสมเป็น นางเอกคืนงานวันเกิดคุณย่าทองแท้ หนึ่งฤทัยเอาเข็มหมุดไปปักไว้ในชุดรำฉุยฉายของพิมพ์พรรณ พิมพ์พรรณ ถูกเข็มหมุดแทงจนเลือดไหล ทิพย์อาภาตกใจ ครูบอกว่ามีเพียงหนึ่งฤทัยที่เข้ามาในห้องแต่งตัว ทิพย์อาภา โกรธมาก ต่อมาเมื่อทุกคนรู้ว่าเป็นฝีมือของหนึ่งฤทัย โกศลโกรธมากจนถึงขั้นตบหน้าลูก หนึ่งฤทัยวิ่งหนีออกมา ทิพย์อาภารีบตามมาเพื่อปรับความเข้าใจ แต่เรื่อง กลับเลวร้ายมากขึ้น เมื่อสุนทรีย์มาตอกย้ำให้หนึ่งฤทัยสับสนว่า ทิพย์อาภา เสแสร้งทำเป็นคนดี หนึ่งฤทัยตัดสินใจจะหนีไปให้พ้นทิพย์อาภายื้อหยุด ห้ามไว้ หนึ่งฤทัยสะบัดจนทิพย์อาภาพลัดตกบันได และทุกคนยิ่งตกใจมากขึ้น เมื่อพิมพ์พรรณ บอกว่าทิพย์อาภากำลังตั้งท้องอยู่ ซึ่งทำให้หนึ่งฤทัยตกใจมากที่บ้านโกศล พัฒน์มาบอกคุณย่าทองแท้ว่าทิพย์อาภาปลอดภัยแล้ว หนึ่งฤทัย กลับมาพอดีและเกิดมีปากเสียงกับคุณย่า เธอจึงผลุนผลันจะขับรถออกจากบ้านไป พัฒน์รีบตามขึ้นรถ ไปด้วย เขาขอร้องให้หนึ่งฤทัยจอดรถและระงับสติอารมณ์ แต่หนึ่งฤทัยไม่ยอมฟังดื้อดึงขับรถต่อไป จนเกิดอุบัติ เหตุรถชนพัฒน์ ได้รับบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล ทุกคนประนามว่าเป้นความผิดของเธอ หนึ่งฤทัยรู้สึกผิด และเสียใจ มากขึ้นเป็นทวีคูณ ที่เธอทำร้ายคนที่เธอรักโดยไม่ได้ตั้งใจ หนึ่งฤทัยปวดหัวอย่างรุนแรงจนเซล้มลงหมดสติไป หมอวินัยมาพบจึงเข้าไปช่วยเหลือและพาไปตรวจที่โรงพยาบาล หนึ่งฤทัย ถึงกับช็อคไปเมื่อรู้ถึงสาเหตุของการปวด หัวอย่างรุนแรงที่เธอเป็นอยู่บ่อย ๆ หนึ่งฤทัยเริ่มได้คิดและตัดสินใจว่าจะไม่บอกใครเรื่อง อาการป่วย ของเธอ คงยังไม่สายเกินไปที่จะทำความดี ลบล้างความผิดพลาดที่เธอทำไว้กับทุกคน
โบตั๋น (2546/2003) เจ็กฮง พา โบตั๋น ลูกสาววัย 6 ขวบ เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศจีน เพื่อมาตามหาเพื่อนรักที่มาค้าขายอยู่ในเมืองไทย แต่ก็พบว่าเพื่อนได้เสียชีวิตไปแล้ว เจ็กฮง จึงต้องพา โบตั๋น ระเหเร่ร่อนไปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง จนกระทั่งได้มาพบกับ แผน หนุ่มไทยผู้มีอาชีพปลูกผักขาย แผนจึงไปขอเช่าแผงผักร้างข้าง ๆ กันของ คุณหญิงกุหลาบ เศรษฐีนีหม้ายให้เจ็กฮงได้ทำมาหากิน พร้อมทั้งให้ยืมเงินลงทุนมาจำนวนหนึ่งด้วย เจ็กฮงกับโบตั๋นจึงย้ายมาอยู่ที่กระท่อมเก่า ๆ เปลี่ยนสวนผักร้างกลายมาเป็นสวนผักที่อุดมสมบูรณ์ในที่สุด โบตั๋น ได้พบกับจักรกฤษ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของ คุณหญิงกุหลาบ โดยบังเอิญ จนทั้งคู่สนิทกัน ทำให้ เจ็กฮง รู้สึกไม่สบายใจ เพราะรู้ดีว่าฐานะของตนกับลูกนั้นต่างกับ จักรกฤษ ราวฟ้ากับดิน เวลาผ่านไป จักรกฤษ กับ โบตั๋น ต่างก็โตขึ้นเป็นหนุ่มเป็นสาว ความรู้สึกของทั้งคู่ได้แปรเปลี่ยนเป็นความรักโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัวเลย จนทั้งคู่ปล่อยเนื้อปล่อยใจไปกับอารมณ์ที่มีให้กัน แผน รู้เรื่องพยายามเตือนสติ โบตั๋น แต่ โบตั๋น รัก จักรกฤษ มากจนไม่ยอมฟังเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น จักรกฤษ เองก็รัก โบตั๋น มากและต่างก็ให้สัตย์สาบานกันที่ วัดเล่งไน่ยี่ ว่าจะรักกันตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เจ็กฮง หายป่วยออกจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้าน และเริ่มเห็นท่าทีที่สนิทสนมกันของเด็กสองคน จึงคอยจับตาอยู่ วันหนึ่งก็ได้รู้ความจริงเรื่องที่ โบตั๋น ได้เป็นของ จักรกฤษ แล้ว ส่วน จักรกฤษ รับปากว่าจะรับผิดชอบ โบตั๋น ในฐานะภรรยา แต่เมื่อคุณหญิงกุหลาบทราบเรื่องก็ไม่ยอมรับ โบตั๋น เป็นลูกสะใภ้ เนื่องจากรังเกียจเพราะฐานะที่ต่ำต้อยกว่า แต่ จักรกฤษ ก็ยื่นคำขาดว่าถ้าแม่ไม่ยอมรับเลี้ยงดู โบตั๋น เขาก็จะไม่ยอมไปเรียนต่อเมืองนอกตามที่แม่ต้องการ คุณหญิงกุหลาบจึง จำใจรับ เจ็กฮง กับ โบตั๋น เข้ามาอยู่ในบ้านด้วย เพื่อหลอกให้จักรกฤษ ตายใจและยอมไปเรียนต่อ ซึ่งขณะนั้น จักรกฤษ เองก็ไม่รู้ว่าโบตั๋นได้เริ่มตั้งครรภ์อ่อน ๆ แล้ว หลังจาก จักรกฤษ เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศพร้อม พรรณทิพย์ คุณนายกุหลาบ ก็ให้ โบตั๋น กับ เจ็กฮง ย้ายลงไปอยู่ที่เรือนคนใช้ทันที โบตั๋น จึงขอกลับไปอยู่ที่สวนผักตามเดิม จนกระทั่ง โบตั๋น คลอดลูกเป็นผู้หญิงน่ารักชื่อ กรรณนิกา คุณหญิงกุหลาบ รู้ข่าวก็คิดจะเลี้ยงเอง จึงแกล้งทำเป็นดีกับ โบตั๋น ให้นำลูกไปเลี้ยงที่ตึกใหญ่ ส่วนตัวเองก็เทียวมาให้นมลูกเมื่อว่างจากงานที่สวนผัก อาการป่วยของ เจ็กฮง เริ่มทรุดหนักลงเรื่อย ๆ ทำให้ แผน ต้องดูแล โบตั๋น และช่วยหาเงินมารักษาพ่อ แต่สาวใช้ของคุณหญิงมาพบ แผน อยู่กับ โบตั๋น เลยรีบไปบอกข่าวกับคุณหญิงว่า แผน แอบเป็นชู้กับ โบตั๋น คุณหญิงจึงให้คนแอบมาถ่ายรูปส่งไปให้ จักรกฤษ ที่เมืองนอก ทำให้ จักรกฤษ เข้าใจผิด และตัดสินใจแต่งงานกับ พรรณทิพย์ เป็นจังหวะเดียวกับ อาตง นายหน้าจัดหาผู้หญิงให้กับบรรดาเสี่ยได้มาหลอกชวน โบตั๋น ไปทำงานที่โรงงานเย็บผ้า โบตั๋น ตกลงทำงานและฝากลูกให้ คุณหญิงกุหลาบ ดูแล อาตง พา โบตั๋น ไปฝากไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้วก็คือ ซ่อง นั่นเอง โดยมี เจ๊เง็ก แม่เล้าเป็นคนดูแล เจ๊เง็ก รู้สึกถูกชะตากับ โบตั๋น จึงวางแผนหลอกล่อต่าง ๆ นานาแล้วสับเปลี่ยนตัวเองกับ โบตั๋น จนรอดมาได้ทุกครั้ง วันหนึ่ง เจ็กฮง รู้ความจริงว่า โบตั๋น ถูกหลอกไปทำงานนั้นความจริงคือ ซ่อง เจ็กฮง จึงตามมาต่อว่า อาตง จนเกิดการทะเลาะกัน อาตง ผลัก เจ็กฮง ตกบันไดตายแล้วนำศพไปฝังปิดบังความผิด คืนหนึ่ง อาตง เมามากแล้วเข้าไปปลุกปล้ำ โบตั๋น ถึงในห้อง โบตั๋น ต่อสู้ขัดขืนจนพลาดพลั้งแทงอาตงตายและถูกศาลตัดสินจำคุก 20 ปี จักรกฤษ กับ พรรณทิพย์ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศได้พบหน้า กรรณนิกา ลูกสาวเป็นครั้งแรก จักรกฤษ ยังคงรักและคิดถึง โบตั๋น ไม่เคยลืม 10ปีต่อมา โบตั๋นได้รับพระราชทานอภัยโทษ เจ๊เง็กมารับในวันที่โบตั๋น ออกจากคุกแล้วพาไปอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่า หลังจากนั้น เจ๊เง็ก ก็ชวน โบตั๋น ไปรับจ้างเย็บปะชุนเสื้อผ้าอยู่ข้างถนนใกล้ ๆ กับวัดเล่งไน่ยี่ โบตั๋นคิดถึงลูกมากแต่ก็ไม่กล้าไปหาเพราะกลัวว่าลูกจะมัวหมอง กรรณนิกา ชวน กำพล นายร้อยหนุ่มนักเรียนนอก ไปไหว้พระที่ วัดเล่งไน่ยี่ บังเอิญกระโปรงที่ กรรณนิกา สวมมาเกี่ยวกับตะปูจนขาด กรรณนิกา จึงไปให้ โบตั๋น ซึ่งรับจ้างเย็บผ้าอยู่แถวนั้นเย็บให้ เมื่อ โบตั๋น เห็นจี้หยกก็รู้ทันทีว่า กรรณนิกา เป็นลูกสาวของตนเอง กรรณนิการู้สึกผูกพันและมักจะนึกถึง โบตั๋น อยู่บ่อย ๆ อย่างไม่มีเหตุผล บางครั้งมีเวลาว่าง ๆ จะแวะเวียนไปหาหรือซื้อขนมไปฝากอยู่เป็นประจำ แต่ โบตั๋น ก็ไม่เคยปริปากบอกความจริงกับลูกสักครั้ง แล้ววันหนึ่งกรรณนิกาก็แวะมาเอาชุดพร้อมกับจักรกฤษนั่งรถมาด้วย จักรกฤษ เห็นโบตั๋น ก็ถึงกับตกตะลึง ทำให้วันต่อมา จักรกฤษแอบมาพบกับโบตั๋นอีก และได้รู้ความจริงจากแผนว่าทุกอย่างเป็นเรื่องที่ คุณหญิงกุหลาบ กุขึ้นมาทั้งสิ้น โบตั๋น อโหสิกรรมให้กับทุกคนและขอให้ จักรกฤษ ลืมตนเสียและอย่าบอกให้ลูกรู้ว่าตนเป็นใคร โบตั๋น จะสามารถปิดบังเรื่องราวต่างๆ ไม่ให้ กรรณิกา รู้ได้หรือไม่ ชีวิตของ โบตั๋น จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในละครเรื่อง “โบตั๋น
ดาวมังกร (2546/2003) ต้อง บุญ คือ เด็กน้อยราศีมังกรผู้โชคร้ายคนนั้น ด้วยความที่ จอมจิต มารดาเชื่อในคำพยากรณ์ของหมอดูว่าเขาเกิดมาอยู่ในดวงล้างดวงผลาญ จะทำให้ครอบครัวพบความวิบัติ ประจวบกับเหตุการณ์ที่แม่กับพ่อต้องเลิกกัน ธุรกิจเต็นท์รถมือสองของแม่เจ๊ง และพ่อก็มาตายหลังจากเลิกกับแม่ได้ไม่นาน ทำให้แม่ยิ่งเชื่อคำพยากรณ์ แม่ดูแลต้องบุญเหมือนไม่ใช่ลูก ผิดกับ คทาทอง บุตรชายคนโตของบ้านที่แม่ปลื้มชื่นชมมาตลอด คทาทองได้รับอภิสิทธ์มากมายในบ้าน เขาไม่ต้องทำงานบ้าน แม้จะกินจะนอนก็มีต้องบุญคอยรับใช้ทำให้อยู่ตลอดเวลา งานที่ร้านคาร์แคร์ของแม่ คทาทองก็ไม่ต้องคอยช่วยดูแล ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะมีรถเข้ามาร้านมาก คนที่ต้องออกไปช่วยลูกน้องสามสี่คนของแม่ ก็คือ ต้องบุญ ขณะที่คทาทองสามารถนั่งฟังเพลงอยู่ในห้องนอนได้อย่างสบายใจ ติดตามต่อได้ใน "ดาวมังกร"